Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2167 แย่แล้ว…
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2167 แย่แล้ว…
ตอนที่ 2167 แย่แล้ว…
“คุณว่าใคร?” จ้าวหย่าลุกพรวดขณะสวนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
เธอพอปล่อยผ่านได้ถ้าอีกฝ่ายดูถูกเธอ แต่จะไม่มีวันปล่อยให้ใครดูถูกท่านอาจารย์โดยเด็ดขาด!
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันพูดถึงใคร!” อู๋เฉียวเฉี่ยวเย้ย “ถ้าคุณเหยาะแหยะไม่ได้เรื่อง ก็น่าจะรู้ตัวว่าควรอยู่เฉยๆ ไม่เที่ยววิ่งพล่านไปไหนมาไหน เพราะไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะทำให้พวกเราเดือดร้อน ต้องคอยไปช่วยเหลือคุณเมื่อตกอยู่ในอันตราย!”
“พอที!” โม่หย่วนตวาดก้อง
“ท่านอาจารย์…” อู๋เฉียวเฉี่ยวมองโม่หย่วนอย่างขัดใจ
“ดูเสียบ้างว่าตัวเองทำอะไรลงไป! นักเรียนของสถาบันตะวันรอนควรทำตัวแบบนี้หรือ?” โม่หย่วนตำหนิ
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับจางเซวียน “ได้โปรดอย่าถือสาเลย อู๋เฉียวเฉี่ยวยังเด็ก มารยาทอ่อนด้อยไปบ้าง โปรดอภัยด้วยหากเธอพูดอะไรที่ทำให้คุณขุ่นเคืองใจ”
“ไม่เป็นไร” จางเซวียนตอบอย่างสุขุม
เขาผ่านอะไรมามากมายตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์และมิติเบื้องบน แน่นอนว่าคงไม่อารมณ์เสียเพียงเพราะคำพูดของสาวน้อยคนหนึ่ง
หลังจากไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง โม่หย่วนแยกหมาจิ้งจอกสลาตันไปอีกด้านหนึ่งและตั้งต้นสอบสวนมันโดยใช้วิธีการพิเศษของเขา จากนั้นก็ผละไปราว 2 ชั่วโมงก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก หน้าผากของเขาย่นเป็นร่องลึก
ดูเหมือนเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่สุดท้ายก็ไม่พบอะไร
เขาออกจะประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้สงสัยจางเซวียน เพราะหากอสูรที่ว่องไวอย่างหมาจิ้งจอกสลาตันยังจับหญ้าโบราณอสูรเขียวไม่ได้ ในทางปฏิบัติ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จางเซวียนจะทำสำเร็จ ต่อให้เขามองทะลุการปลอมตัวของมันได้ตั้งแต่แรกก็ตาม
คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีใครพูดอะไร
รุ่งเช้า ทั้งกลุ่มก็เก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางกลับเมืองตะวันรอน
โม่หย่วนดีใจที่เขาปฏิบัติภารกิจที่ผู้อาวุโสหยางชวนมอบหมายให้จนลุล่วงโดยไม่กระทบกระเทือนภารกิจของบรรดาลูกศิษย์ของเขา แม้จะเสียดายที่ไม่ได้หญ้าโบราณอสูรเขียวมา แต่อย่างน้อยก็เป็นการเดินทางที่ได้ผลตอบแทนอย่างงาม
เพราะพวกเขาเดินทางกลับตามเส้นทางเดียวกับขามา โม่หย่วนกับลูกศิษย์จึงคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี บางที…อาจเป็นเพราะการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ อสูรสวรรค์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในหุบเขาจึงพากันอพยพออกไป ทั้งกลุ่มจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากนักระหว่างการเดินทางกลับ
พวกเขารุดหน้าต่อไปอีก 3 วันเต็ม
เมื่อมีโม่หย่วนซึ่งเป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางเดินทางมาด้วย การล่าอสูรและเสาะแสวงหาอาหารชั้นยอดจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ การได้กินอาหารเต็มอิ่มทุกมื้อทำให้พลังปราณเทียบฟ้าของจางเซวียนค่อยๆฟื้นคืนกลับมา อาการบาดเจ็บของเขาได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว
แม้จะยังห่างไกลจากการฝ่าด่านวรยุทธ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่กระเสาะกระแสะเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงสรวงสวรรค์
“เราควรออกจากสันเขาให้ได้ภายในวันนี้” โม่หย่วนพูด “และยังเร็วเกินไปที่จะลดมาตรการการเฝ้าระวัง เพราะมีกองโจรที่เก่งกาจอยู่ 2-3 กลุ่มในอาณาบริเวณโดยรอบภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ คนพวกนั้นทั้งโง่เขลาและโหดเหี้ยม พวกเขาจะไม่ยอมหยุดยั้งไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรทั้งนั้น!”
พลังจิตวิญญาณเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วเสียจนนักรบมากมายรู้สึกว่าแม้จะเอาชีวิตรอดก็ยังเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงลงเอยด้วยการปล้นสะดมพ่อค้าหรือนักเดินทางที่บังเอิญผ่านมา
ท่านเจ้าเมืองใช้มาตรการมากมายหลายข้อเพื่อกำจัดเหล่ากองโจร แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความแตกต่างใดๆ ในเมื่อการมีชีวิตรอดคือเดิมพัน ก็ดูเหมือนจอมโจรเหล่านั้นจะไม่ยอมหยุดยั้งการกระทำของตัวเองเพียงเพราะเกรงกลัวท่านเจ้าเมือง
เพราะต้นตอของปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข นักรบคนแล้วคนเล่าจึงลงเอยด้วยการทำตัวเป็นมหาโจรเพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อรู้ว่ามีกองโจรอยู่แถวนี้ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด
การรับมือกับมนุษย์นั้นอันตรายกว่าการรับมือกับอสูรมาก มีความเป็นไปได้ว่าการเดินทางออกจากสันเขากลับสู่เมืองตะวันรอนน่าจะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้
“พวกคุณทุกคนคงได้ยินแล้วนะ? อย่าเที่ยววิ่งไปไหนมาไหนตามใจ อีกอย่าง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องคุณหากเผชิญหน้ากับกองโจร เพราะฉะนั้น ดูแลตัวเองด้วย!” อู๋เฉียวเฉี่ยวมองจางเซวียนกับพรรคพวกและคำรามเยาะ
จางเซวียนกับบรรดาศิษย์สายตรงของเขาไม่แยแส
พูดก็พูดเถอะ พวกเขาไม่เคยคิดจะพึ่งพิงการปกป้องจากอีกฝ่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“จ้าวหย่า คุณอยู่ข้างๆผมนะ เผื่อเราต้องเผชิญหน้ากับกองโจร ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิต” เสิ่นเฉิงเดินเข้ามาบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ไม่จำเป็นหรอก” จ้าวหย่าตอบห้วนๆขณะเดินไปสมทบกับท่านอาจารย์ของเธออย่างไม่ลังเล
“เอ่อ…” เสิ่นเฉิงถูกทิ้งให้ยืนหงอยอยู่คนเดียวหลังจากถูกปฏิเสธอย่างโหดร้าย
ส่วนอู๋เฉียวเฉี่ยวที่อยู่ด้านหลังก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด ทั้งกลุ่มเร่งฝีเท้าและมุ่งหน้าต่อไป
“ท่านอาจารย์ ทำไมเราไม่พักกันสักครู่? อีกเพียง 4 ชั่วโมงก็จะถึงเมืองตะวันรอนแล้ว ลดความเร็วลงสักหน่อยก็ได้…” อู๋เฉียวเฉี่ยวเสนอด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย
หลังจากเร่งฝีเท้ากันมาทั้งคืน ลูกศิษย์ทุกคนของโม่หย่วนก็ออกอาการเหนื่อยอ่อน
น่าแปลกใจที่จ้าวหย่ากับศิษย์สายตรงคนอื่นๆของจางเซวียนไม่มีอาการอ่อนล้าทั้งที่มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่า ทุกคนเร่งฝีเท้าตามทั้งกลุ่มได้โดยไม่มีปัญหา
โม่หย่วนลังเลที่จะหยุดพัก แต่เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาไม่น่าจะไปต่อไหวในสภาพแบบนี้ ในที่สุดจึงพยักหน้าและเอ่ยปากอนุญาต
ทุกคนรีบหาทำเลเหมาะๆ จากนั้นก็ก่อกองไฟและนั่งรวมตัวกันเพื่อทำร่างกายให้อบอุ่น
พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอกและกำลังจะพักผ่อนตามสบาย ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงเหยาะย่างของฝูงม้าดังมาจากระยะไกล พื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด เป็นลางของหายนะ
“แย่แล้ว…” โม่หย่วนหน้าเสีย
เขาไม่คิดว่าจะโชคร้ายถึงขนาดถูกโจมตีทันทีที่เพิ่งหยุดพัก โม่หย่วนโบกมือเพื่อดับกองไฟก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
ในที่สุดเสียงฝีเท้าม้าก็หยุดลง ชาย 13 คนตีวงล้อมพื้นที่ที่พวกเขารวมตัวกันอยู่ไว้อย่างแน่นหนา
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในกลุ่มนั้นถือกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยว มีองครักษ์ 2 คนขนาบข้าง เท่าที่เห็นเขาน่าจะเป็นหัวหน้ากองโจร
แม้จะมีหน้าตาสะอาดสะอ้าน แต่ผมปอยหนึ่งของเขาถูกย้อมเป็นสีเทา เกิดเป็นภาพที่ตัดกันกับหน้าตาที่ยังดูอ่อนวัย
“สายเทา?” โม่หย่วนหรี่ตาเมื่อเห็นภาพนั้น
มีกองโจรหลายกลุ่มอยู่รอบเมืองตะวันรอน ส่วนใหญ่ทำอันตรายพวกเขาไม่ได้ แต่สายเทาได้ชื่อว่ามีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดากองโจรกลุ่มต่างๆที่อยู่ในละแวกนี้!
ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา ทุกคนจดจำเขาได้เพราะปอยผมสีเทา นั่นคือเหตุที่สมญานาม ‘สายเทา’ ลือกระฉ่อน อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะโหดเหี้ยม ยังมีพละกำลังแข็งแกร่งด้วย ทำให้เป็นที่หวาดกลัวของผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณรอบๆเมืองตะวันรอน
ว่ากันว่าระดับวรยุทธของเขาคือเทพเจ้าขั้นกลาง-สูงสุด
“ดูเหมือนผมก็ยังพอมีชื่อเสียงอยู่” สายเทาหัวเราะหึๆอย่างนึกสนุก
“แน่อยู่แล้ว มีใครบ้างไม่รู้จักหัวหน้าของพวกเรา?”
“ในเมื่อพวกคุณรู้จักเรา ก็คงรู้กฎเกณฑ์ดี ส่งทุกอย่างมาให้เราเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้ความถือดีของคุณต้องแลกด้วยชีวิต!”
เหล่ากองโจรที่ห้อมล้อมสายเทาพากันหัวเราะลั่น
มือที่กำหมัดแน่นของโม่หย่วนบ่งบอกว่าเขาเกิดความหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เพราะรู้ดีว่าทุกคนกำลังหวังพึ่ง จึงรวบรวมความกล้าเพื่อก้าวออกไปและพูดว่า “ผมคือโม่หย่วน, อาจารย์ของสถาบันตะวันรอน ลูกศิษย์ของผมกับตัวผมออกจากเมืองเพื่อมาปฏิบัติภารกิจ จึงไม่ได้นำของมีค่าติดตัวมามากนัก ผมขอวิงวอนให้ครั้งนี้คุณปล่อยพวกเราไปเถอะ…”
“ภารกิจ?” สายเทาขมวดคิ้วอย่างขัดใจ เขาโบกมือด้วยอาการไม่แยแสและพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ส่งอาวุธในมือของคุณกับเจ้าหมาจิ้งจอกสลาตันตัวนั้นมาก็ได้!”
คราวนี้โม่หย่วนไม่ตอบ
ความเงียบนั้นเปิดช่องให้อู๋เฉียวเฉี่ยวโพล่งออกมา “ทำไมเราต้องมอบหมาจิ้งจอกสลาตันที่เราจับมาได้ด้วยความยากลำบาก? พวกคุณรีบไปเสียตอนนี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ท่านพ่อจับตัวพวกคุณทุกคนทันทีที่เรากลับถึงเมือง!”
“ท่านพ่อ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! ท่านพ่อของฉันคือเจ้าเมืองตะวันรอน, อู๋ฟังชิง! พวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคือเทพเจ้าสวรรค์สร้างผู้ทรงพลัง เพราะฉะนั้น ฉันขอแนะนำให้คุณหยุดการกระทำโง่เง่าแบบนี้เสียที กล้าดีมาจากไหนถึงบังอาจปล้นฉัน? ถ้าแตะเส้นผมของฉันแม้เพียงเส้นเดียวล่ะก็ ท่านพ่อจะต้องตัดหัวคุณแน่!” อู๋เฉียวเฉี่ยวพูดอย่างวางมาด
การที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์กลุ่มหนึ่งฉกฉวยคนที่เธอแอบชอบไปก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่จอมโจรพวกนี้บังอาจหมายตาหมาจิ้งจอกสลาตันที่พวกเธอล่ามาได้ด้วยความยากลำบาก! พวกเขาคงจะอยากตายเต็มที!
“คุณคือลูกสาวท่านเจ้าเมือง?” สายเทาแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต
เขามองกองโจรทั้งกลุ่มที่อยู่รอบตัวและตั้งคำถาม “พวกเรา บอกเธอไปซิ! เราเคยกลัวท่านเจ้าเมืองหรือเปล่า?”
“กลัว? ฮ่าฮ่าฮ่า! ถ้าพวกเราเกรงกลัวเจ้าเมืองนั่น คงไม่เลือกใช้ชีวิตแบบนี้หรอก!”
“คุณช่วยพวกเราได้มากเลยนะ! อยากรู้ไหมว่าท่านพ่อสุดที่รักของคุณจะยอมจ่ายเงินมากขนาดไหนเพื่อช่วยชีวิตคุณ?”
“เจ้าเมืองนั่นทำให้เราอยู่ยากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดเราก็จะได้เอาคืนเสียที เขาจะได้รู้ว่าอย่ามาวุ่นวายกับพวกเราให้มากนัก!”
เหล่ากองโจรพากันหัวเราะลั่นอย่างคึกครื้น
“พวกคุณจะทำอะไร?”
อู๋เฉียวเฉี่ยวคิดว่าโจรกระจอกพวกนี้คงเผ่นหนีทันทีด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงเธอเป็นใคร แต่คำพูดของเธอดูจะทำให้พวกเขาหมายมั่นปั้นมือขึ้นอีก เธอชะงักกับการพลิกผันของสถานการณ์ ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เกิดความไม่แน่ใจขึ้นมา
ใครๆก็รู้ว่าท่านพ่อของเธอเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง เหนือชั้นขนาดที่ไม่มีใครในเมืองตะวันรอนกล้ามีปัญหากับเขา แต่เจ้าพวกชั้นต่ำกลุ่มนี้ไม่ได้ยำเกรงท่านพ่อของเธอสักนิด…พวกเขาไม่กลัวตายหรือ?
“เราจะทำอะไร?” สายเทาหัวเราะลั่น “เราก็กำลังคิดจะปล้นนักเรียนจนๆกลุ่มหนึ่งน่ะสิ แต่บังเอิญว่ามีปลาตัวใหญ่อยู่ในหมู่พวกเขา พวกเรา! อย่าปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว ถ้าทำสำเร็จล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าพวกคุณทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างงาม!”
“รับทราบ หัวหน้า!”