Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2175 เลือดอสูรหม่าหยาง
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2175 เลือดอสูรหม่าหยาง
ตอนที่ 2175 เลือดอสูรหม่าหยาง
ผู้อาวุโสฟู่หยวนทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็สั่งการ “ปล่อยเขา!”
ถ้าไม่ปล่อยชายหนุ่มให้จากไป อีกฝ่ายคงกวาดโควต้าที่มีอยู่ไปหมดแน่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรไม่ถูกต้องนับตั้งแต่มีการเปิดใช้วงล้อเสี่ยงทาย ใครจะไปรู้ว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปนี้?
ถ้าไม่ใช่เพราะมีระเบียบกฎเกณฑ์ที่เขาต้องปฏิบัติตาม เขาคงรี่เข้าซ้อมชายหนุ่มคนนั้นไปแล้ว!
“คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณจากผม ผู้อาวุโส!”
จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะเดินไปตามเส้นทางที่ฝูงชนเปิดทางให้อย่างไม่เต็มใจ ขณะที่กำลังจะออกจากพื้นที่ ก็หยุดกึกก่อนจะหันกลับมา
“เรื่องสุดท้ายนะ ในเมื่อเมืองตะวันรอนให้ความสำคัญกับการรักษาความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันในหมู่นักรบ ผมก็อยากรู้ว่าการที่ใครสักคนขายหมายเลขที่เขาคำนวณไว้ให้คนอื่นเพื่อทำกำไรจากวงล้อเสี่ยงทาย…แบบนี้ถือว่าคดโกงหรือเปล่า”
“การกระทำแบบนี้ถือว่าคดโกงแน่นอน” ผู้อาวุโสฟู่หยวนตอบด้วยสีหน้าที่ยังไม่เข้าใจ
วงล้อเสี่ยงทายถูกออกแบบมาเพื่อกระจายหมายเลขแบบสุ่ม ถ้าใครคนหนึ่งขายหมายเลขที่คิดคำนวณไว้โดยไม่ถูกต้อง ก็แน่นอนว่าเป็นการหลอกลวง หรือต่อให้คิดคำนวณตัวเลขได้ถูกต้องจริงๆ ก็ถือว่าคดโกงอยู่ดี
“เหยาซันคนนั้นน่ะขายตัวเลขที่ตัวเขาคำนวณไว้ให้กับนักรบคนอื่นๆที่นี่ ผมเชื่อว่าคงมีหลายคนที่เป็นพยานได้” จางเซวียนพูดยิ้มๆ “แค่นี้แหละ ลาก่อน!”
เมื่อพูดจบ จางเซวียนก็ออกจากตำหนักบาดาลโดยไม่ฟังเสียงโต้ตอบใดๆ
หมอนั่น, เหยาซัน ปลุกระดมฝูงชนให้ต่อต้านเขา พยายามกีดกันไม่ให้เขากลับออกไป คิดว่าตัวเขาเป็นไอ้ขี้แพ้หรือ?
ส่วนเรื่องหลักฐานการคดโกง เหยาซันได้หว่านล้อมให้นักรบ 2-3 คนแทงหมายเลขที่เขานำเสนอ ในเมื่อไม่มีใครแทงถูก คนเหล่านั้นก็คงยิ่งกว่าเต็มใจที่จะเอาเรื่องเหยาซันให้เต็มที่ อีกอย่าง อาจเรียกเงินที่จ่ายให้เหยาซันกลับคืนมาได้ด้วย
เหยาซันคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผันกลับมาเล่นงานเขา เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็ละล่ำละลักอธิบาย “ผู้อาวุโสฟู่หยวน ผม…”
แต่ผู้อาวุโสฟู่หยวนไม่แยแส “นำตัวเขาไป!”
ฟึ่บ!
คนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาจับตัวเหยาซันทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชะตากรรมของเหยาซันเป็นอันถึงจุดจบ
ก่อนหน้านี้เขาเสียแค่ห้องน้ำห้องหนึ่งกับห้องครัวอีกห้อง แต่ตอนนี้กำลังจะเสียบ้านทั้งหลัง!
จางเซวียนไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้านใน ตัวเขากับพรรคพวกรีบขึ้นหลังม้าและควบออกจากตำหนักบาดาล หลังจากผ่านถนนมาได้หลายสาย จางเซวียนก็ตรวจตราบริเวณโดยรอบจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด
“พวกคุณควรกลับไปเตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่ภูเขาสวรรค์สร้าง จะดีมากหากทุกคนฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นเทพเจ้าได้สำเร็จ ส่วนผมขอไปจัดการเรื่องอื่นก่อน”
ทุกคนพยักหน้า
จากนั้นจางเซวียนก็หันหลังกลับและควบม้าไปยังอีกทิศหนึ่ง ไม่ช้าก็หายลับไปที่สุดปลายถนน
จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรีบเดินทางกลับที่พัก ทุกคนรู้ดีว่าจะต้องสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นภาระของจางเซวียน ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ปล่อยให้โอกาสสูญเปล่า
…..
เมื่อแยกตัวจากกลุ่ม จางเซวียนควบม้าตรงไป ไม่ช้าก็มาถึงอาคารหลังหนึ่ง
อาคารหลังนี้ดูแสนจะธรรมดาสามัญ ไม่โดดเด่นอะไรบนถนนสายนั้น เป็นอาคารแบบที่ใครๆมองข้ามและอาจเห็นมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทัศนียภาพทั่วไป แถมประตูและหน้าต่างก็ปิดสนิท ทำให้ดูเหมือนถูกทิ้งร้าง
จางเซวียนเดินไปที่อาคารหลังนั้นและเคาะประตูไม้ 6 ครั้ง โดยเคาะยาว 4 ครั้ง เคาะสั้น 2 ครั้ง
แอ๊ดดดด!
ประตูเปิดออก
ชายตาบอดคนหนึ่งเดินออกมาและกระชากเสียง “ตามผมมา”
จางเซวียนตามชายตาบอดไปติดๆโดยไม่พูดอะไร
ภายในอาคารหลังนั้นค่อนข้างมืด เป็นบรรยากาศที่ออกจะน่าขยะแขยง
ทั้งคู่เดินไปตามทางเพื่อเข้าสู่ห้องด้านในสุด ก่อนที่ชายตาบอดจะหยุดกึกและยกมือขึ้น
จางเซวียนเข้าใจการส่งสัญญาณของอีกฝ่าย เขาสะบัดข้อมือและยื่นตราสัญลักษณ์อันหนึ่งให้
ชายตาบอดสัมผัสตราสัญลักษณ์อย่างถี่ถ้วนเพื่อตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ จากนั้นก็ทาบฝ่ามือลงบนผนัง
เกิดเสียงหึ่งเบาๆ เหมือนค่ายกลที่พลันมีชีวิต ผนังนั้นกลายสภาพเป็นวัตถุโปร่งแสง ชายตาบอด เดินผ่านผนังโปร่งแสงเข้าไปโดยปราศจากปัญหาใดๆ
จางเซวียนตามไปติดๆ
เมื่อเดินตรงไป ก็มีขั้นบันไดที่ทอดตัวลงสู่ชั้นใต้ดิน ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมด้วยความมืดมิด แทบเดาไม่ออกว่ามีอะไรอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดที่มองเห็นได้คืออักษรจารึกบนพื้นดินซึ่งทำหน้าที่ปกปิดสถานที่แห่งนี้ไว้ไม่ให้ใครเห็น
ขั้นบันไดนี้สั้นอย่างน่าประหลาด ไม่ช้าทั้งคู่ก็ลงมาถึงก้นบึ้ง
จางเซวียนพบว่าตัวเขายืนอยู่ตรงหน้าเรือลำหนึ่งที่ลอยอยู่ในแม่น้ำใต้ดิน
เขารีบลงเรือพร้อมกับชายตาบอด จากนั้นอีกฝ่ายก็พาเรือรุดหน้าไป บริเวณโดยรอบมืดสนิทถึงขนาดที่จางเซวียนมองอะไรไม่เห็นแม้จะเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ เขาทำได้แค่เชื่อใจว่าชายตาบอดจะพาเขาไปยังจุดหมายที่ต้องการ
อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ทั้งหมดที่จางเซวียนได้ยินมีแต่เสียงพายกระทบน้ำ ผ่านไปครู่หนึ่ง เรือก็ชนเบาๆเข้ากับโขดหินขนาดใหญ่ มันส่ายไปมาครู่หนึ่งก่อนจะหยุดนิ่ง
ชายตาบอดขึ้นจากเรือและนำทาง มีบันไดปรากฏอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นการไต่สูงขึ้นไป พวกเขาเดินผ่านผนังอีกอัน และในที่สุด เมื่อเดินออกจากประตู ก็มาอยู่ในตลาดพลุกพล่านจอแจแห่งหนึ่ง ผู้คนส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ เป็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา
“รอผมที่นี่นะ เสร็จธุระแล้วผมจะกลับมา” จางเซวียนสั่งการก่อนจะเดินหายไปในหมู่ฝูงชน
สถานที่ที่เขายืนอยู่ตอนนี้คือตลาดมืดของเมืองตะวันรอน!
ที่ไหนก็ตามที่มีกฎเกณฑ์บังคับ ผู้คนก็มักจะหาช่องทางแหกกฎเสมอ ซึ่งตลาดมืดก็เป็นหนึ่งในนั้น
จอมโจรที่มีสมญานามว่าสายเทาแวะเวียนมาที่ตลาดมืดใต้ดินเสมอเพื่อขายสินค้าและข้าวของที่ปล้นมาจากบรรดาพ่อค้า ซึ่งรายละเอียดของวิธีการเข้าสู่ตลาดมืดมีระบุไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ในแหวนเก็บสมบัติของสายเทา
นักรบคนหนึ่งสามารถซื้อหาทุกอย่างได้ตามต้องการจากที่นี่ รวมทั้งสินค้าผิดกฎหมายที่ไม่อาจวางขายได้ในตลาดทั่วไป เพียงแต่สนนราคาก็จะสูงขึ้น
ผู้จัดการของตลาดมืดขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นสุภาพสตรีไก่แก่แม่ปลาช่อนที่มีอายุราว 30 กลางๆ เธอมีรอยสักรูปดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอยู่ที่ลำคอ บ่งบอกถึงบุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร กลิ่นน้ำหอมของเธอที่ออกจะฉุนไปสักหน่อยก็ขับเน้นให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้น
แม่สาวไก่แก่แม่ปลาช่อนเอนตัวเข้ามากระแซะจางเซวียนขณะเอ่ยปากทัก “นี่ คุณน่ะดูคุ้นตาฉันจังเลย…”
“แล้วคุณจะไม่ยอมทำธุรกิจกับคนที่คุณไม่คุ้นตาหรือไง?” จางเซวียนสบตาเธออย่างเคร่งขรึม
“ไม่หรอกน่ะ!” สุภาพสตรีคนนั้นตอบขณะเดินออกมาจากด้านหลังเคาน์เตอร์ เธอส่งยิ้มยั่วยวนให้จางเซวียนและตั้งคำถาม “ไม่ทราบว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อๆคนนี้มีธุระแบบไหนกับฉัน? ที่นี่เราขายทุกอย่างนะ รวมถึงตัวฉันด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอก็จงใจระบายลมหายใจรดใบหน้าของจางเซวียน
จางเซวียนไม่สะทกสะท้านขณะตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมต้องการเลือดอสูรหม่าหยาง ที่นี่พอจะมีไหม?”
เขามีหญ้าโบราณอสูรเขียวอยู่ในมือแล้ว ดังนั้น ขอแค่ได้เลือดอสูรหม่าหยางมา ก็จะสามารถยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณให้สูงขึ้นได้
“เลือดอสูรหม่าหยาง? อสูรหม่าหยางเป็นอสูรระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ จะหาเลือดของมันน่ะไม่ง่ายหรอกนะ…”
สุภาพสตรีคนนั้นถอยหลังก้าวหนึ่งก่อนจะมองหน้าจางเซวียนพร้อมกับขมวดคิ้ว
อสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างส่วนใหญ่สามารถแปลงกายให้มีสภาพแบบเดียวกับมนุษย์ได้ การจับตัวพวกมันจึงยากมาก ดังนั้น การจะได้เลือดของมันมาจึงไม่ใช่งานง่าย
“ผมเข้าใจ งั้นผมจะลองคุยกับคนอื่นก็แล้วกัน” จางเซวียนออกเดินไปอีกทางหนึ่ง
“นี่ เดี๋ยวสิ รอก่อน!” สุภาพสตรีคนนั้นรีบเข้ามาขวางทาง “รีบร้อนไปไหนนักหนา ที่ฉันบอกว่าได้มันมาไม่ง่ายน่ะ ก็ไม่ได้แปลว่าจะหาไม่ได้นะ…”
“ผมต้องการ 1 ลิตร” จางเซวียนเสริม
“คุณต้องการมากขนาดนั้นเลย?” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่เพื่อซื้อเลือดของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ฉันก็เชื่อว่าคุณคงรู้นะว่ามันมีมูลค่าสูงขนาดไหน เอาเป็นว่า…ตรงเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน…3,000 เหรียญสวรรค์!”
“3,000 เหรียญสวรรค์?” คราวนี้ถึงตาจางเซวียนขมวดคิ้ว “ราคาไม่ค่อยน่าคบหาเลย”
ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีอยู่ราว 600 เหรียญสวรรค์ที่ได้มาจากสายเทา แสนจะห่างไกลกับเงินจำนวน 3,000 เหรียญสวรรค์ เลือดอสูรหม่าหยางราคาแพงขนาดนั้นจริงๆหรือ?
เขาไม่รู้เลยว่าเลือดของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างจะมีมูลค่าสูงขนาดนี้ แต่รู้สึกว่าราคาที่สุภาพสตรีคนนี้เสนอให้ดูจะสูงกว่าราคาตลาดอยู่มาก
จางเซวียนรู้ดีว่ามันออกจะดูแปลกที่คนธรรมดาสามัญอย่างเขาซึ่งไม่มีภูมิหลังที่น่าสนใจใดๆจะถามหาเลือดของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างในตลาดทั่วไป จึงตั้งใจตรงมาที่ตลาดมืดแห่งนี้ เขาไม่แน่ใจนักว่าราคาที่แท้จริงของมันคือเท่าไหร่
“ฉันแน่ใจว่าคุณคงรู้แหละว่าการจะได้เลือดของอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างมาน่ะมันยากเย็นแค่ไหน พูดกันตรงๆเลยก็แล้วกัน…3,000 เหรียญสวรรค์น่ะไม่แพงหรอก อีกอย่าง ในฐานะสาวสวยที่อาศัยอยู่ในมุมมืดแบบนี้ ฉันจะหาสามีดีๆสักคนได้อย่างไรถ้าไม่รีบกอบโกยไว้ให้มากที่สุดตอนที่ยังมีปัญญาหาได้?”
แม่สาวไก่แก่แม่ปลาช่อนเดินวนรอบตัวจางเซวียนและหัวเราะคิกคักอย่างจะหยอกเอิน “ถ้าราคาไม่ถูกใจล่ะก็ ทำไมคุณไม่แต่งงานกับฉันเสียล่ะ? แล้วฉันจะลดให้”
“600 เหรียญสวรรค์, แล้วผมจะให้คำชี้แนะกับคุณเป็นการแลกเปลี่ยน” จางเซวียนตอบ
“600 เหรียญสวรรค์? คุณคิดจะป่วนที่นี่หรือไง?” อีกฝ่ายหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที
สิ้นเสียงของเธอ กลุ่มชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็กรูกันออกมา ทุกคนมีรูปร่างล่ำสันบึกบึน ต่างคนต่างสำแดงพละกำลังของนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลาง
“ผมไม่อยากเสียเวลากับสิ่งที่ไม่มีค่ากับผม” จางเซวียนตอบหน้าตาเฉย ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ด้วยความหนาวเย็น ความชื้น และสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนพลังจิตวิญญาณของตลาดมืด คุณต้องกินยาเม็ดขจัดความชื้นเพื่อคงความอ่อนเยาว์ให้กับรูปร่างหน้าตาของคุณ”
สุภาพสตรีผู้นั้นคำราม “แล้วไงต่อ?”
เพราะใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนใต้ดินที่แสงอาทิตย์ไม่เคยส่องถึง ผู้คนมากมายที่นี่จึงต้องกินยาเม็ดขจัดความชื้นอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็เดาออกว่าเธอจะต้องทำแบบเดียวกัน
“คนอื่นกินน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ไม่ใช่คุณ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ บริเวณลำคอและหน้าอกของคุณน่ะมีผื่นแดงเต็มไปหมด แถมรักษาไม่หาย” จางเซวียนพูด
“คุณได้ยินมาจากไหน?” สุภาพสตรีผู้นั้นขมวดคิ้ว