Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2178 เริ่มกันเถอะ!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2178 เริ่มกันเถอะ!
ตอนที่ 2178 เริ่มกันเถอะ!
เมื่อสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าแล้ว วรยุทธแต่ละขั้นจะมีความแตกต่างกันมาก ทำให้ลำดับอาวุโสและการลดหลั่นของอำนาจในหมู่เทพเจ้าเป็นไปอย่างเข้มงวด หรือพูดให้ง่ายขึ้นก็คือ ไม่น่าเป็นไปได้ที่นักรบระดับเทพเจ้าคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธสูงกว่า
มีความเป็นไปได้เพียง 2 ข้อที่ใครคนหนึ่งจะสร้างวีรกรรมแบบนั้นได้
ข้อแรกก็คือตัวเขาเป็นอัจฉริยะที่มีสติปัญญาและความปราดเปรื่องอย่างเหลือเชื่อเหมือนราชันย์พิชิตสวรรค์ ด้วยสติปัญญาและความปราดเปรื่องที่มี อัจฉริยะเหล่านี้จึงก้าวข้ามขีดจำกัดของสายเลือดของพวกเขาและประสบความสำเร็จเหนือชั้นกว่าเหล่าบรรพบุรุษ แต่นานๆครั้งถึงจะมีอัจฉริยะแบบนี้ปรากฏตัวสักคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีพละกำลังแข็งแกร่งตั้งแต่อายุยังน้อย
ความเป็นไปได้ข้อสองคือ เขามีสายเลือดที่ทรงพลังเป็นพิเศษ เหมือนกับเผ่าพันธุ์มังกร เผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์ และอสูรสวรรค์อื่นๆ
ในเมื่อชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่สติปัญญาและความปราดเปรื่องของเขาจะยังไม่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด การที่เขายังเป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำทั้งที่อายุล่วงเลยมาขนาดนี้จึงหมายความว่าสติปัญญาของเขาไม่ได้เหนือชั้นอะไร ความเป็นไปได้ที่มีมากกว่าจึงเป็นการที่เขาอาจจะมีสายเลือดที่ทรงพลัง!
อย่างอสูรสวรรค์ที่ไร้เทียมทานส่วนใหญ่ นอกจากความสามารถในการแปลงร่าง พวกมันจะยกระดับวรยุทธอย่างช้าๆตอนที่อายุยังน้อย จึงมีความแข็งแกร่งไม่มากนัก
“เดี๋ยวเราก็จะรู้เองว่าเป็นข้อไหน ทดสอบแป๊บเดียวก็รู้” ฉีหลิงเอ๋อตอบ
เธอรอคอยอย่างอดทน ก่อนที่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจะนำขวดใบหนึ่งมาให้
เธอรับขวดใบนั้นมาตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในและหัวเราะเบาๆ “นี่คือเลือดสดๆที่เขาแกล้งกระอักออกมาตบตาเราตอนที่กำลังหลอมยา ถึงจะแห้งเหือดไปแล้ว แต่ก็ยังใช้ทดสอบพละกำลังของสายเลือดได้ เราจะนำคราบเลือดของเขาเข้าสู่สระบาดาลเพื่อคารวะจิตวิญญาณวีรชนของเหล่าบรรพบุรุษเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ราชันย์เทพเจ้า และราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของตำหนักบาดาล ถ้าจิตวิญญาณวีรชนสามารถควบคุมคราบเลือดได้ ก็หมายความว่าสายเลือดของเขาต่ำต้อยกว่าวีรชนเหล่านั้น แต่ถ้าจิตวิญญาณวีรชนสูญสลายไป ก็แปลว่าสายเลือดของชายหนุ่มแข็งแกร่งและทรงพลังกว่า…”
“ถ้าสายเลือดของชายหนุ่มทรงพลังกว่า ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเขามีกลุ่มอำนาจใหญ่คอยหนุนหลัง การแตะต้องคนแบบนั้นไม่ต่างกับรนหาที่ตาย แต่หากสายเลือดของเขาอ่อนด้อย ฉันก็ทิ้งรอยประทับของจิตวิญญาณไว้บนบัตรสรวงสวรรค์ใบนั้นแล้ว ซึ่งจะทำให้เราตรวจสอบและติดตามได้ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน อย่างน้อยที่สุด พันธมิตรทางธุรกิจของฉันก็ควรจะแข็งแกร่งมากพอที่จะไม่ถูกฉันครอบงำระหว่างที่กำลังร่วมงานกับฉัน คุณคิดอย่างนั้นไหม?”
“ฉันเข้าใจ” สุภาพสตรีวัยกลางคนพยักหน้า รู้สึกประทับใจกับวิธีการของนายหญิงน้อย
ก็นั่นแหละ ไม่เก่งไม่เก๋าจริงก็คงดูแลตลาดมืดใต้ดินขนาดมหึมาแห่งนี้ไม่ได้
เมื่อตัดสินใจแล้ว ทั้งคู่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการปลอมตัวก่อนจะออกจากตลาดมืด
2 ชั่วโมงต่อมาก็มาถึงตำหนักบาดาลที่จางเซวียนเคยแวะไป
ด้วยเส้นสายของพวกเธอ ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปจนถึงห้องหนึ่งที่ปิดมิดชิด
ที่บริเวณหน้าห้องนั้นมีแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยป้ายชื่อหลายแถว แต่ละอันจารึกชื่อนักรบผู้โด่งดังของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน
ด้วยความเคารพต่อเหล่าบรรพบุรุษ ตำหนักบาดาลจึงดูแลรักษาห้องนี้อย่างดี ฝุ่นผงสักกระผีกเดียวก็ไม่มีให้เห็น มีนักรบแวะเวียนมาแสดงการคารวะเหล่าบรรพบุรุษเป็นระยะๆ
ที่บริเวณใจกลางห้องคือสระสีแดงก่ำ เต็มไปด้วยของเหลวเดือดเป็นฟองที่ไม่อาจระบุชื่อได้ มันแผ่พลังงานที่ทำให้ผู้พบเห็นใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว
“เริ่มกันเถอะ!”
ฉีหลิงเอ๋อโยนขวดหยกที่มีคราบเลือดของจางเซวียนลงไปในสระสีแดงก่ำ
บึ้มมมม!
คราบเลือดระเบิด ลุกเป็นไฟ
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังงานที่แผ่ซ่านออกมาจากคราบเลือด ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากสระสีแดงก่ำ ปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกไปโดยรอบ
ภาพลวงตาของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดเกราะรัดกุมปรากฏขึ้นเหนือสระสีแดงก่ำนั้น เขาเงื้อดาบขึ้น ตั้งใจจะฟาดฟันคราบเลือดที่กำลังลุกเป็นไฟ
“นั่นคือจิตวิญญาณวีรชนของเทพเจ้าสวรรค์สร้าง, อู๋เจียง!” ฉีหลิงเอ๋อจำชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะได้
เทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงไม่ได้มาจากเมืองตะวันรอน แต่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่โด่งดังในน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อน เขาสร้างความดีความชอบไว้มากระหว่างที่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณเป็นครั้งแรก โดยแม้จะถูกศัตรูตีวงล้อม แต่ก็สังหารผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธระดับเดียวกันไปได้หลายคน ก่อนในที่สุดจะพ่ายแพ้
ด้วยวีรกรรมในครั้งนั้น ป้ายชื่อของเขาจึงได้รับอนุญาตให้วางไว้บนแท่นบูชาเพื่อให้ผู้คนมาเคารพสักการะแม้ตัวเขาจะเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้าง ด้วยพละกำลังและอำนาจของสระบาดาล เขาจึงหลอมจิตวิญญาณวีรชนขึ้นใหม่และดำรงอยู่ในโลกใบนี้ต่อไปได้
ขณะที่ดาบกำลังจะฟาดฟันเปลวเพลิง ภาพลวงตาของอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือคราบเลือด เป็นร่างของชายหนุ่มที่พวกเธอได้พบเมื่อครู่นี้
ชายหนุ่มหลับตาสนิท ดูเหมือนเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือเกิดอะไรขึ้น
ชายหนุ่มไม่แยแสดาบของเทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงที่กำลังจะฟาดฟันลงมา เขายืนนิ่งและพึมพำถ้อยคำบางอย่าง
ได้ยินคำนั้น เทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงตัวแข็ง ต่อมาก็เข่าอ่อนและทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น
“เขากำลัง…คารวะชายหนุ่มหรือ?” ฉีหลิงเอ๋อหรี่ตาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่หมายความว่าเขามีสายเลือดของราชันย์เทพเจ้า?”
มีเหตุผลเพียงข้อเดียวที่จู่ๆเทพเจ้าสวรรค์สร้างจะโค้งคำนับให้บุคคลอื่น นั่นคืออีกฝ่ายมีสายเลือดที่แข็งแกร่งกว่าเขา…
และผู้เดียวที่มีสายเลือดแข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าสวรรค์สร้างก็คือราชันย์เทพเจ้า!
ขนาดเจ้าเมืองตะวันรอนยังเป็นแค่เทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ แต่ชายหนุ่มคนนี้มีสายเลือดที่เทียบเท่ากับราชันย์เทพเจ้า นั่นหมายความว่าในอนาคตเขามีโอกาสจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าใช่ไหม?
ไม่นานหลังจากเทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงทรุดตัวลงคุกเข่า สระสีแดงก่ำก็เดือดพล่านอีกครั้ง ภาพลวงตาอีกภาพหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ คราวนี้เป็นภาพของชายหนุ่มที่สวมมงกุฎ เขาถือหอกไว้และยืนจังก้า
“นั่นคือราชันย์เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงแผดเผา! ฉันเคยได้ยินตำนานของเขา เขาใช้หอกสร้างวีรกรรมสังหารราชันย์เทพเจ้าถึง 3 คน ทำให้เหล่าราชันย์เทพเจ้าต่างยำเกรง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรล่ะก็ ป่านนี้คงได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว…” ฉีหลิงเอ๋อกำหมัดแน่นขณะพูดอย่างตื่นเต้น
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ภาพลวงตาของราชันย์เทพเจ้าก็เดินเข้าหาชายหนุ่มและเงื้อหอกในมือ
ขณะที่ทุกคนคิดว่าราชันย์เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงแผดเผาคงจะกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัว โทษฐานที่มาอวดเบ่ง หอกนั้นก็หยุดกึกในวินาทีสุดท้าย แล้วก็เหมือนกับเทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียง เขาทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นราวกับนักเรียนที่ว่านอนสอนง่าย
ฉีหลิงเอ๋อหัวหมุนเมื่อเห็นภาพนั้น
แม้แต่ราชันย์เทพเจ้าก็ยอมจำนนให้เขา?
สายเลือดของอีกฝ่ายจะต้องทรงพลังขนาดไหน?
สระสีแดงก่ำเดือดพล่านอีกครั้ง ภาพลวงตาอีกภาพหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ชายหนุ่มคนนี้สวมหมวกเกราะและชุดเกราะสีเงิน ถือแส้ไว้ทั้งสองมือ ท่อนแขนกล้ามขึ้นเป็นมัด บ่งบอกถึงพละกำลังมากมายอย่างเหลือเชื่อที่เขามีอยู่
“นั่นคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ หนานกงผิง!” ฉีหลิงเอ๋ออุทานด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง
ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติคือผู้ที่มีอายุขัยกว่าหนึ่งแสนปี โดยปกติ พวกเขาเสียชีวิตได้ยากมาก แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง
เมื่อ 40 ปีก่อน ร่างของหนานกงผิงถูกฉีกเป็นชิ้นๆด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวของราชันย์พิชิตสวรรค์ ทำให้เขาตายทันที
แม้หนานกงผิงจะพ่ายแพ้เพราะนิ้วเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอ่อนแอ คงโง่เขลามากหากจะคิดว่าผู้ที่สามารถขึ้นถึงตำแหน่งที่เป็นรองเพียงแค่จอมราชันย์จะอ่อนแอได้ขนาดนั้น
ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ต้องยอมแพ้!
หนานกงผิงตวัดแส้เพื่อเล่นงานชายหนุ่ม
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ทำอะไร เขาก็ดึงแส้กลับและทรุดตัวลงคุกเข่าข้างเทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงกับราชันย์เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงแผดเผา
“ขนาดราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติยังคุกเข่าให้เขา หรือว่า…”
ฉีหลิงเอ๋อกับสุภาพสตรีวัยกลางคนตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึงขณะเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“หรือว่า…เขามีสายเลือดของจอมราชันย์?”
จอมราชันย์
พวกเขาคือกลุ่มคนที่เป็นสุดยอดของเก้าเวหา แต่ละคนมีพละกำลังเหนือชั้นถึงขนาดที่แม้สรวงสวรรค์ยังต้องยอมศิโรราบให้ความประสงค์ของพวกเขา ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อต้านหรือทำให้ขุ่นเคือง
ชายหนุ่มที่พวกเธอเพิ่งพบเมื่อครู่มีสายเลือดของผู้ทรงพลังระดับนั้นจริงๆหรือ? มันเกิดอะไรขึ้น?
“เกิดความผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า?” สุภาพสตรีวัยกลางคนกระซิบกระซาบ “เท่าที่ฉันรู้ จอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่นไม่มีทายาทหรือผู้สืบทอดนะ…”
โลกนี้มีจอมราชันย์เพียง 9 คนเท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่มีสายเลือดของจอมราชันย์ก็ควรจะเป็นทายาทโดยสายเลือดของจอมราชันย์ทั้ง 9 แต่จอมราชันย์ของน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนคือจอมราชันย์ปีศาจเฉียนคุ่น ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วทั้งสรวงสวรรค์ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีทายาทที่ไหน แล้วจู่ๆ นักรบคนหนึ่งที่มีสายเลือดของเขาปรากฏตัวได้อย่างไร?
“มีสิบจอมราชันย์ใน 9 น่านฟ้า การที่ชายหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวในน่านฟ้าแห่งวิญญาณเร่ร่อนก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นทายาทของจอมราชันย์เฉียนคุ่น” ฉีหลิงเอ๋อตอบเสียงสั่นๆ “จากข้อมูลที่ฉันได้มา ตอนที่เขาสังหารสายเทา เขาได้ใช้ศิลปะเพลงดาบที่ทรงพลังมาก แหล่งข่าวกล่าวว่า ‘แนวคิดของศิลปะเพลงดาบนั้นลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าศิลปะเพลงดาบใดๆที่ผมเคยเห็น…’”
สุภาพสตรีวัยกลางคนตาโต “นายหญิงน้อย คุณหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาอาจมาจาก น่านฟ้าดาบสวรรค์? ทายาทของเทพเจ้าเพลงดาบแห่งกระท่อมดาบที่ลงจากตำแหน่งแล้ว?”
“เราไม่มีทางรู้แน่ในเรื่องแบบนั้นได้หรอก ฉันไม่กล้าพูดอะไรพล่อยๆหากเป็นเรื่องของจอมราชันย์” ฉีหลิงเอ๋อส่ายหน้าก่อนจะสูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็พูดต่อ “อย่าพูดเรื่องนี้กับใครล่ะ”
“ฉันเข้าใจ” สุภาพสตรีวัยกลางคนรีบพยักหน้า
ต่อให้ฉีหลิงเอ๋อไม่พูดอะไร เธอก็ไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องที่เกี่ยวกับจอมราชันย์อยู่แล้ว
“รับคำสั่งของฉันนะ เราจะเพิ่มส่วนแบ่งของกำไรให้เขาเป็นอัตราส่วน 9 ต่อ 1, ถ้าเขาร้องขออะไร ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ทำตามคำขอของเขาให้ได้ ส่วนเรื่องอสูรหม่าหยาง ก็รีบส่งมอบให้เขาโดยเร็วที่สุด!” ฉีหลิงเอ๋อสั่งการชุดใหญ่