Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2180 ช่วยชีวิต
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2180 ช่วยชีวิต
ตอนที่ 2180 ช่วยชีวิต
ก็เหมือนกับในทวีปแห่งปรมาจารย์ เมื่อไหร่ก็ตามที่อสูรทรงพลังสักตัวปรากฏ ผู้คนมากมายจะกรูกันออกไปเสี่ยงโชค หากพวกเขาทำให้มันยอมจำนนได้ด้วยวิธีใดสักอย่าง ก็จะยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของตัวเองขึ้นได้อย่างพรวดพราด
แม้อาชีพนักฝึกอสูรจะไม่ได้สลักสำคัญสำหรับที่นี่ แต่การทำให้อสูรสวรรค์ขั้นสูงสักตัวยอมจำนนก็ไม่ใช่งานง่าย
เราควรไปดูสักหน่อย
จางเซวียนครุ่นคิดและออกเดินอย่างระแวดระวังตรงไปยังทิศทางของกองไฟ
จางเซวียนหยุดอยู่ห่างจากกองไฟราว 100 เมตร และซ่อนตัวหลังพุ่มไม้ดกหนาของต้นไม้ใหญ่
เขาปกปิดรังสีของตัวเองไว้อย่างดีก่อนจะแอบมองภาพตรงหน้า
กองไฟถูกก่อไว้หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่านั่งอยู่หน้ากองไฟพร้อมกับละมั่งย่างที่ถลกหนังแล้ว
เนื้อละมั่งถูกย่างจนสุกเหลือง เห็นน้ำมันเป็นชั้นบางๆซึมออกจากผิวของมัน แม้อยู่ไกลก็ได้กลิ่นที่ทำให้น้ำลายสอ
ย่างเนื้อตรงนี้ตอนดึกดื่นค่ำคืนนี่นะ? จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เขาเคยพบละมั่งเมื่อตอนอยู่ที่ภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ ซึ่งก็พยายามจับมันหลายครั้ง หวังจะให้ทั้งกลุ่มมีอาหารการกินสมบูรณ์ขึ้น แม้ละมั่งจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่พวกมันมีฝีเท้าไว ไวถึงขนาดที่ปีนป่ายหน้าผาได้เร็วกว่าลิงปีนต้นไม้เสียอีก
แม้ด้วยพละกำลังของเขาในเวลานี้ จางเซวียนก็ยังรู้สึกว่าหากจะจับมันสักตัวก็คงยาก แต่ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันคนนี้ล่ามาได้ตัวหนึ่ง แถมยังจับมันย่างอย่างเปิดเผยตอนกลางค่ำกลางคืน ไม่เกรงกลัวอสูรเกราะเรืองแสงที่มีวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงเลย
เท่าที่เห็น ดูเหมือนอีกฝ่ายคงมีพละกำลังในระดับที่ไม่อาจสบประมาทได้
จางเซวียนยังคงสงสัย แต่ก็ตัดสินใจคอยเงียบๆ
ไม่ช้าการย่างละมั่งก็เสร็จสิ้น ชายหนุ่มฉีกขาข้างหนึ่งของมันออกมาและกัดคำใหญ่ ระหว่างนั้นก็กระดกไวน์จากน้ำเต้าที่วางไว้ข้างตัวเป็นระยะๆอย่างเปรมปรีดิ์
ไม่ช้าไวน์ก็หมด เขานำไวน์ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติอีกน้ำเต้าหนึ่งและดื่มต่อ
ภายในไม่ถึง 15 นาที ชายหนุ่มก็กินละมั่งไปกว่าครึ่งตัวพร้อมไวน์อีก 3 น้ำเต้า
ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเมา ศีรษะส่ายเอนไปมา ดูเหมือนใกล้จะคอพับในไม่ช้า
จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก
หมอนี่มั่นใจว่าตัวเองรับมือไหว หรือกล้าบ้าบิ่นจนไม่รู้อะไรเลยกันแน่?
จางเซวียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าความมืดมิดในป่าล้วนเต็มไปด้วยอันตราย อสูรดุร้ายมากมายเลือกออกล่าเหยื่อในเวลานี้ แต่ชายหนุ่มกลับย่างเนื้ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ลำพังแค่กลิ่นหอมของเนื้อก็เกินพอจะทำให้เขาตกที่นั่งลำบากแล้ว
แถมยังดื่มไวน์ด้วย! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าใครสักคนโจมตีเขาตอนนี้? เขาปกป้องตัวเองได้จริงๆหรือ?
จางเซวียนงุนงงกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม แต่ก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆต่อไป
เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพื่อตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน พวกเขาจึงมีสถานภาพเป็นคู่แข่ง คงเป็นประโยชน์กับเขาหากอีกฝ่ายดื่มจนเมามายไม่ได้สติ เพราะนั่นจะช่วยลดความยุ่งยากลงได้มาก
ไม่ช้า เสียงกรนสนั่นราวกับพายุก็ดังไปทั่ว
กินอิ่มได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง หมอนี่ก็หลับอุตุ แถมดูเหมือนไม่ได้ระมัดระวังตัวเลยสักนิด การป้องกันตัวขั้นพื้นฐานก็ไม่มีสักอย่าง
ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ใจ!
จางเซวียนไถลตัวลงจากต้นไม้และสำรวจบริเวณรอบถ้ำ
เท่าที่เขาฟังจากผู้จัดการตลาดค้าอสูรสวรรค์ อสูรเกราะเรืองแสงอาศัยอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งหลังจากเดินมาไกล เขาก็ใกล้จะถึงปลายสุดอีกด้านหนึ่งของหุบเขาแล้ว ซึ่งก็น่าจะพบอสูรเกราะเรืองแสงในไม่ช้า
ในเมื่อชายหนุ่มยังหลับอยู่ ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะเดินหน้าไปก่อน
แต่หลังจากก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จางเซวียนก็เลิกคิ้วอย่างระแวง เขารีบหลบไปด้านข้างและซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ใหญ่
หลังจากซ่อนตัวเสร็จ แสงสว่างวาบ 2 ดวงก็ปรากฏขึ้นในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขาซ่อนอยู่
จางเซวียนมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้เพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ดวงตาหยั่งรู้ทำให้เขามองทะลุความมืดเพื่อรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้
ชายชุดดำสองคนซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ประกายสว่างวาบ 2 ดวงนั้นมาจากอาวุธของพวกเขาที่สะท้อนกับแสงจันทร์
จางเซวียนออกจะประหลาดใจกับการปรากฏตัวของทั้งคู่ เพราะเขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเมื่อครู่ก่อน จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าสองคนนั้นมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะที่ยังคงครุ่นคิดหนัก ชายทั้งสองก็เคลื่อนตัวออกจากพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบและพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มเมามายที่กำลังกรนดังสนั่นอยู่หน้ากองไฟ
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นนักฆ่าที่มีทักษะเยี่ยมยอด ร่างของทั้งคู่พริ้วไหวไปตามสายลมโดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนกระแสลมเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเข้าประชิดชายหนุ่มก่อนจะเงื้อดาบ เตรียมจะฟาดฟันชายหนุ่มให้จบชีวิตในดาบเดียว
การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งเฉียบคม แม่นยำ และถูกควบคุมไว้อย่างดี บ่งบอกว่าทั้งคู่ฝึกฝนกระบวนท่านี้มาแล้วหลายครั้ง ต่อให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่นตอนนี้ ก็ไม่น่าตอบโต้ได้ทันเวลา
บ้าจริง! จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด
เขาไม่ชอบจุ้นจ้านเรื่องของคนอื่น แต่รู้สึกชอบใจในความจริงใจและเปิดเผยของชายหนุ่ม คงรู้สึกแย่ไปอีกนานหากต้องเห็นอีกฝ่ายตายไปต่อหน้าต่อตา
ช่างมันเถอะ เราจะช่วยเขา หมอนี่อาจเป็นคู่แข่งกับเราในการตามล่าอสูรเกราะเรืองแสง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรปล่อยให้เขาถูกฆ่า จางเซวียนคิด
เขากระโจนออกจากต้นไม้ที่ซ่อนตัวอยู่และตะโกน “ระวังตัวด้วย!”
ขณะที่ตะโกน ก็โยนดาบเข้าใส่นักฆ่าทั้งสองคน
ฟิ้วววว!
ด้วยการปล่อยพละกำลังเต็มพิกัด ดาบนั้นพุ่งหวือแหวกอากาศไปราวกับดาวตก เกิดเสียงเสียดสีดังสนั่น เพียงชั่วพริบตา มันก็ลอยละลิ่วไปกว่า 30 เมตร ตรงเข้าโจมตีนักฆ่าสองคนนั้น
“กล้าดีอย่างไรมาทำลายแผนการของเรา!” นักฆ่าคนหนึ่งคำรามขณะปัดป้องดาบของจางเซวียน
เกิดเสียงดังกึกก้อง ดาบที่จางเซวียนโยนใส่อีกฝ่ายถูกปัดกระเด็นกลับมา ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ขยับเข้าใกล้จนอยู่ห่างจากทั้งคู่ไม่ถึง 10 เมตร ทำให้มีโอกาสพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปลายๆ เป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง ร่างกายของเขามีพลังงานสวรรค์อยู่เต็มเปี่ยม พร้อมจะปลดปล่อยพลังกำลังแข็งแกร่งออกมาได้ทุกขณะ
เมื่อเจอแบบนี้ จางเซวียนก็ไม่กล้ารุก เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ตอนนี้ตื่นแล้วหลังจากได้ยินเสียงตะโกน
แต่แทนที่จะลุกขึ้นยืน หมอนั่นกลับยื่นมือออกมาคว้าดาบของนักฆ่าเอาไว้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะยื้อยุดฉุดกระชากแค่ไหน ก็ไม่อาจดึงดาบให้หลุดจากมือของชายหนุ่มได้
“คิดหรือว่าจะฆ่าผมได้เพียงเพราะผมเมา? เจ้าคนอ่อนแอไร้ยางอาย!” ชายหนุ่มคำรามขณะสะบัดข้อมือ
เพล้ง!
ดาบในมือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
ภาพนั้นทำให้จางเซวียนตาโต
เขาดูออกว่าดาบของนักฆ่าเป็นของล้ำค่าระดับเทพเจ้าขั้นกลาง ต่อให้ตัวเขาใช้พละกำลังเต็มพิกัด ก็คงทำลายมันได้ยาก แค่เห็นชายหนุ่มคว้าดาบด้วยมือเปล่าก็น่าตกใจพอแล้ว แต่อีกฝ่ายทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆได้ด้วย
พละกำลังของหมอนี่ช่างน่าสะพรึงจริงๆ!
“เวรละ ไปกันเถอะ!”
เสียงดาบที่แตกเป็นเสี่ยงๆทำให้นักฆ่าทั้งสองรู้สึกตัว เมื่อพบว่าไม่มีทางทำสำเร็จ จึงรีบหันหลังกลับและเผ่นหนี
พวกเขาตัดสินใจเปิดฉากโจมตีได้อย่างเฉียบขาด แต่ก็พร้อมหนีอย่างไม่รีรอเช่นกัน
นักฆ่าที่เป็นเจ้าของดาบที่แตกเป็นเสี่ยงๆทิ้งดาบของเขาและพุ่งไปยังทิศทางที่จางเซวียนออกมา
“เจ้าคนหยาบคาย ไม่รู้หรือว่ามันเป็นมารยาทที่ควรจะมีของกำนัลติดไม้ติดมือเมื่อไปเยี่ยมเยียนใครสักคน?” ชายหนุ่มคำรามขณะลุกขึ้นยืน
ฮื่ออออ!
เสียงดังสนั่นราวกับสิงโตคำรามเขย่าทั้งหุบเขานั้นจนสะเทือน กรวดหินดินทรายกลิ้งลงมาจากหน้าผาราวกับกำลังจะเกิดดินถล่ม
พลั่ก! พลั่ก!
นักฆ่าทั้งสองสะดุดล้ม ทั้งคู่กระอักเลือดออกมาราวกับถูกใครใช้ค้อนทุบหลัง เสียงคำรามนั้นทำให้พวกเขาได้รับความบอบช้ำภายในอย่างสาหัส
จางเซวียนตกตะลึง นั่นคือเทคนิคที่เรียกว่าสิงโตคำรามหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?
มันคือศิลปะแห่งจิตวิญญาณที่ใช้เสียงเป็นสื่อกลาง คล้ายกับวิถีทางของมือบรรเลงบทเพลงปีศาจ เขาไม่เคยเห็นใครใช้วิธีการแบบนี้ในการสู้รบมาก่อนตั้งแต่อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ จึงออกจะแปลกใจที่เห็นความเชี่ยวชาญของชายหนุ่ม
“บ้าจริง! เผ่น!”
รู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้คงต้องตายแน่ นักฆ่าทั้งสองสะบัดข้อมือ นำตราหยกออกมาคนละอันและโยนลงพื้น
บึ้มมมม!
ตราหยกทั้งสองอันระเบิดตูม เกิดฝุ่นฟุ้งตลบ
กว่าฝุ่นจะจางหาย ทั้งคู่ก็หายวับไปแล้ว
นับตั้งแต่เริ่มโจมตีจนถึงล่าถอย การเคลื่อนไหวของพวกเขาลื่นไหลมาก ไม่มีสักครั้งที่จะเกิดความไม่แน่ใจหรือลังเล เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าทั้งคู่คือนักรบผู้ช่ำชอง
ฟึ่บ!
แทนที่จะพยายามไล่ล่าสองนักฆ่า ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าคนนั้นทรุดตัวลงนั่งหน้ากองไฟอีกรอบก่อนจะประเมินจางเซวียนอย่างระแวดระวัง เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณช่วยชีวิตผมทำไม?”
“ช่วยชีวิต? คุณพูดเกินไปแล้วล่ะ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของคุณ ต่อให้ผมไม่ร้องเตือน สองคนนั้นก็ทำอะไรคุณไม่ได้ ดูเหมือนผมเข้าไปก้าวก่ายโดยไม่จำเป็นเสียมากกว่า” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ
เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้ชายหนุ่มกำลังตกอยู่ในอันตราย ทำให้ตัดสินใจออกไปช่วย แต่ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังกว่าที่เขาคิดไว้มาก อันที่จริง เห็นได้ชัดว่าหมอนี่แกล้งหลับเพื่อล่อนักฆ่าสองคนนั้นให้ลงมือ!
จึงไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิงหากจะพูดว่าเขาช่วยชีวิตชายหนุ่มไว้
“ถ้าผมพูดว่าคุณช่วยชีวิตผม ก็หมายความว่าคุณช่วยชีวิตผม หยุดพูดจาเลอะเทอะแล้วยอมรับมันหน่อยไม่ได้หรือไง?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ จากนั้นก็ยกน้ำเต้าบรรจุไวน์ที่อยู่ข้างตัวมาโยนให้จางเซวียน “ดื่มหน่อยไหม?”
“ขอบคุณมาก!” เห็นความใจกว้างของอีกฝ่าย จางเซวียนตัดสินใจเลิกใช้พิธีรีตอง เขาเปิดจุกน้ำเต้าและกระดกไวน์ลงไปเต็มอึก จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความสดชื่นและอุทานออกมา “ไวน์ดีนี่นา!”
ถึงจางเซวียนจะไม่ค่อยดื่ม แต่ก็แยกแยะระดับชั้นของไวน์ได้
ไวน์ที่อยู่ในน้ำเต้าลูกนี้ให้ความรู้สึกลื่นไหลและมีรสชาติที่ทำให้กระชุ่มกระชวย แต่ในเวลาเดียวกันก็จะรู้สึกได้ถึงแอลกอฮอล์ดีกรีสูงที่ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวใดๆ แตกต่างกันมากกับไวน์ที่วางขายในท้องตลาด
เห็นจางเซวียนดื่มไวน์ของเขาอึกใหญ่ด้วยความสบายใจ ชายหนุ่มพยักหน้า
การพบกันระหว่างคนแปลกหน้านอกสถานที่แบบนี้ย่อมมีแต่ความหวาดระแวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนส่วนใหญ่มักปฏิเสธที่จะรับอาหารและเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้าเพราะเกรงว่าจะมียาพิษเจือปน แต่ชายหนุ่มคนนี้ดื่มไวน์อย่างสบายใจโดยไม่แสดงอาการหวาดระแวงเกินเหตุ
เขาชอบคนแบบนี้