Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2189 มันเป็นใคร?
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2189 มันเป็นใคร?
ตอนที่ 2189 มันเป็นใคร?
“เมื่อกลับถึงเมืองตะวันรอน อย่าเรียกผมว่านายท่านนะ จะทำให้คนอื่นๆรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณได้ง่าย เรียกผมว่านายน้อยก็แล้วกัน” จางเซวียนสั่งการขณะที่ทั้งคู่กำลังขี่หลังอสูรสวรรค์บินได้
“อ้อ คุณยังไม่มีแซ่นี่ ใช่ไหม? ใช้แซ่ ‘จาง’ ของผมก็ได้ จางเจี้ย…นั่นจะเป็นชื่อของคุณ”
“รับทราบ” ชายหนุ่มที่เพิ่งได้ชื่อจางเจี้ยมาหมาดๆพยักหน้า
“อีกอย่าง ผมน่ะชอบเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะฉะนั้นอย่าสร้างปัญหาหรือทำอะไรโดดเด่นเกินไปนะเมื่ออยู่ในเมืองตะวันรอน”
“วางใจเถอะนายน้อย ผมก็ชอบเก็บตัวเหมือนกัน” จางเจี้ยตอบอย่างสบายใจ
แม้จะเป็นอสูรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาบริเวณรอบเมืองตะวันรอน แต่มันก็ถูกจำกัดบริเวณอยู่ในดินแดนของตัวเองและไม่อาจออกมาได้ นั่นคือที่มาของความถ่อมเนื้อถ่อมตัวและการเก็บตัวเงียบ
“ดีแล้ว ว่าแต่คนที่โจมตีคุณเมื่อคืนน่ะเป็นใคร?” จางเซวียนถาม
ครั้งแรกที่เขาพบอสูรเกราะเรืองแสง มีนักรบทรงพลัง 2 คนพยายามลอบสังหารมัน
“พวกนั้นน่าจะมาจากคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง อู๋ฟังชิงพยายามทำให้ผมยอมจำนนหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ” จางเจี้ยตอบ
“ถ้าเจ้าเมืองอยากให้คุณยอมจำนน ทำไมถึงไม่ท้าดวลซึ่งหน้า? มันเรื่องอะไรถึงส่งคนมาลอบสังหาร?”
ด้วยความเก่งกาจของอสูรเกราะเรืองแสง เกียรติยศของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองจะต้องยิ่งใหญ่อลังการขึ้นอีกมากหากเจ้าเมืองทำให้มันยอมจำนนได้ แต่ถ้ามีข่าวรั่วไหลออกไปว่าเจ้าเมืองใช้วิธีลอบสังหารเพื่อจัดการอสูรเกราะเรืองแสง ชื่อเสียงของเขาจะต้องด่างพร้อยแน่!
ถ้าชาวเมืองรู้ว่าผู้กำหนดตัวบทกฎหมายฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง คงพากันลุกฮือครั้งใหญ่
“ทำไมเขาถึงเลือกใช้วิธีลอบสังหารผม? นั่นยังไม่ชัดพอหรือไง? เขาเป็นคนชั่วร้าย!” จางเจี้ยคำราม
“นอกจากพยายามลอบสังหาร เขายังวางยาผมครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะสภาวะร่างกายอันทรงพลังที่ทำให้ผมทำลายฤทธิ์ยาพิษได้เกือบทุกชนิดล่ะก็ ป่านนี้ผมคงตายไปแล้ว!”
“เขาพยายามวางยาคุณด้วย?” จางเซวียนชะงัก
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ต่อไปเขาคงต้องระวังเจ้าเมืองคนนี้ให้ดี
จางเซวียนเคยคิดว่าผู้กำหนดตัวบทกฎหมายของเมืองตะวันรอนน่าจะหยิ่งในเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนกฎหมายเหล่านั้นจะมีไว้เพียงเพื่อให้เขาควบคุมคนอื่นๆ
จางเซวียนกับจางเจี้ยพูดคุยกันบนหลังอสูรสวรรค์บินได้ขณะมุ่งหน้ากลับเมืองตะวันรอนอย่างรวดเร็ว
…..
ในเวลาเดียวกันนั้น สมุดแนะนำตัวเล่มหนึ่งก็ถูกส่งถึงบ้านพักที่จางเซวียนกับคนอื่นๆพำนักอยู่
“หยิงเฟย?” ซุนฉางอ่านชื่อที่อยู่บนสมุดแนะนำตัวพร้อมกับขมวดคิ้ว
นายน้อยไม่อยู่บ้าน และคนอื่นๆก็ง่วนกับการฝึกฝนวรยุทธ ตอนนี้เหลือเขาคนเดียวที่รับหน้าที่ดูแลกิจธุระเบ็ดเตล็ดต่างๆ
“ตามที่เขาบอก ดูเหมือนเขาจะเป็นพ่อค้าจากต่างเมือง มาขอพบนายน้อยด้วยธุระด่วนบางอย่าง” คนรับใช้ที่เป็นผู้รับมอบสมุดแนะนำตัวรายงานต่อซุนฉาง
แม้พวกเขาจะเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน แต่ซุนฉางก็ได้จัดการจ้างคนรับใช้จำนวนหนึ่งเพื่อทำอาหารและทำความสะอาดบ้านพัก คงไม่ดีแน่หากพวกเขาต้องฝึกฝนวรยุทธโดยที่ยังท้องกิ่ว ทั้งๆที่ได้เงินมามากขนาดนี้
“เชิญเขาเข้ามา” ซุนฉางสั่งการ
ไม่ช้าผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถูกนำตัวมาที่ห้องโถงใหญ่
“พ่อบ้านซุน” หยิงเฟยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มกว้าง
เขาสืบเสาะหาชื่อเสียงเรียงนามของทั้งกลุ่มแล้วก่อนจะมาที่นี่ จึงรู้จักทุกคน
ซุนฉางยักหน้าขณะเชื้อเชิญให้หยิงเฟยนั่ง จากนั้นก็มองอีกฝ่ายและตั้งคำถาม “ไม่ทราบว่าคุณมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุผลใด?”
“ผมขอเข้าประเด็นเลยนะ ผมได้ยินว่ายาเม็ดความงามที่ทั่วทั้งเมืองเสาะหาอยู่น่ะเป็นฝีมือการหลอมของนายน้อยจางเซวียน” หยิงเฟยพูด
“ยาเม็ดเพิ่มความงาม?” ซุนฉางทวนคำอย่างงุนงง
นี่นายน้อยทำอะไรลงไป?
เราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย!
เห็นชายร่างตุ้ยนุ้ยเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีทั้งที่ระดับวรยุทธก็ไม่สูง หยิงเฟยหัวเราะหึๆ “คุณไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำต่อหน้าผมหรอกน่ะ ผมทำการบ้านมาดีแล้วก่อนจะมาที่นี่”
“งั้นหรือ?” ซุนฉางตอบอย่างสุขุม “ถ้าอย่างนั้น…คุณต้องการอะไร?”
เขารู้ดีว่านายน้อยมีกลเม็ดเด็ดพรายมากมายและมักตัดสินใจทำอะไรตามใจด้วยความคิดชั่ววูบ ไม่เคยจะบอกกล่าวเขาล่วงหน้า ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนเขาคงทำได้แค่พยายามหยั่งเสียงอีกฝ่าย ประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน แล้วตามน้ำไป
“ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณ, พ่อบ้านซุน! ในเมื่อคุณถามผมตรงๆ ผมก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ สิ่งที่ผมต้องการน่ะง่ายนิดเดียว ผมหวังว่าคุณจะขายสูตรการผลิตยาเม็ดเพิ่มความงามให้ผม แน่นอนว่าเรื่องราคานั้นต่อรองกันได้” หยิงเฟยพูด
“สูตรยา? คุณจะซื้อสูตรยาเม็ดเพิ่มความงาม?”
“ใช่”
“ขออภัยด้วยเถอะ แต่สูตรยาเม็ดเพิ่มความงามน่ะคือสิ่งที่นายน้อยของผมได้มาจากการอดตาหลับขับตานอนไม่รู้กี่คืน มันไม่ได้มีไว้ขาย พวกเรา, ส่งแขก!” ซุนฉางตอบอย่างวางมาดแล้วออกจากห้องไปโดยไม่แยแส
เขาไม่รู้ว่ายาเม็ดเพิ่มความงามคืออะไร แต่ไม่มีวันขายสูตรยาที่นายน้อยเป็นผู้คิดค้นเป็นอันขาด
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของหยิงเฟย
“พ่อบ้านซุน ผมว่าคุณควรทบทวนเรื่องนี้สักหน่อยนะ ยังไม่ต้องรีบให้คำตอบก็ได้ เมืองตะวันรอนน่ะเป็นเมืองมีขื่อมีแป เราใช้ตัวบทกฎหมาย กลุ่มของพวกคุณเพิ่งมาถึงที่นี่ แถมยังทำร้ายสายเทาก่อนจะเข้าเมืองด้วย คงไม่ดีนักหรอกถ้าจอมโจรคนอื่นๆจงใจกลับมาล้างแค้นพวกคุณ คุณคิดอย่างนั้นไหม?” หยิงเฟยคำราม
พร้อมกันนั้น เขาก็ดีดนิ้ว แล้วหมอกบางๆที่ดูน่าขยะแขยงก็คืบคลานเข้าโอบล้อมเท้าของซุนฉาง
เจตนาของท่านเจ้าเมืองนั้นชัดเจน เขาต้องการสูตรยาเม็ดเพิ่มความงามมาให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ซึ่งในเมื่อกลุ่มของจางเซวียนเพิ่งเล่นงานสายเทา ก็สามารถใช้เรื่องนี้บังหน้าเพื่อโจมตีอีกฝ่ายได้
การที่สายเทามีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปราศจากเหตุผล
บางครั้งท่านเจ้าเมืองก็ต้องลงมือโดยหาแพะบังหน้า ซึ่งก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นแพะไปกว่าพวกจอมโจร
“คุณข่มขู่ผมหรือ?” ซุนฉางหรี่ตาขณะลุกพรวด
ท่วงท่าของซุนฉางสง่างาม เขาคำราม “ผมฝ่าฟันอะไรมามากมายพร้อมกับนายน้อย และก็เพราะการเผชิญหน้ากับความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำให้พวกเรามาได้ไกลขนาดนี้ คุณคิดหรือว่าคนอย่างคุณจะทำให้ผมกลัวได้?”
“ผมจะทำให้พวกคุณหวาดกลัวได้หรือไม่ อีกไม่นานก็รู้…” หยิงเฟยยิ้มออกมาขณะแอบนับถอยหลังในใจให้ถึงจุดที่ยาพิษของเขาจะออกฤทธิ์
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน เชิดหน้าขึ้นราวกับกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว เขาพูดต่อ “เป็นอย่างไรบ้าง คุณเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวหรือยัง…”
เพียะ!
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง ถึงกับเจ็บจี๊ดที่แก้ม
“ไม่สบายตัว? พูดบ้าอะไรของคุณ!” ซุนฉางคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “เลิกวางท่าใหญ่โตต่อหน้าผมเสียที ตอนที่ผมเฝ้ามองโลกใบนี้น่ะ คุณยังเล่นดินโคลนอยู่เลย! ผมต้องพูดซ้ำสักกี่หนถึงจะทะลุกะโหลกหนาๆของคุณ? ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณแล้ว ไสหัวไป!”
“คุณ…”
เจ้าอ้วนนี่ควรจะถูกยาพิษเล่นงานจนหมอบกระแตไปแล้ว แต่กลับไม่…หยิงเฟยงุนงงจนถึงกับทำอะไรไม่ถูกที่ถูกตบ แค่คิดถึงความน่าอับอายที่ได้รับก็ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความโกรธ
เขาอยากปลิดชีพอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดถึงผลที่จะเกิดตามมา ก็ระงับความโกรธและยั้งมือไว้
หยิงเฟยกระดิกนิ้วอีกครั้งและปล่อยกระแสยาพิษเข้าใส่ซุนฉาง
เพียะ!
ทันทีที่พลังงานจากยาพิษซึมซาบเข้าสู่ร่างของซุนฉาง หยิงเฟยก็กระเด็นไปอีกครั้งเพราะแรงตบ
“คุณไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง หรือคิดจะท้าทายผม?”
“ทะ-ทำไมคุณถึงไม่เป็นอะไรเลย?” หยิงเฟยตะลึง
การวางยาครั้งแรกของเขาอาจผิดพลาด แต่สำหรับครั้งที่ 2 เขาเห็นกับตาว่ายาพิษซึมเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายแล้ว แต่ทำไมหมอนั่นถึงยังเดินพล่านไปมาอยู่ได้ ดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับยาพิษของเขาเลย มันเกิดอะไรขึ้น?
ถึงยาพิษนี้จะมีอานุภาพไม่รุนแรงพอจะเล่นงานอสูรเกราะเรืองแสง แต่ก็น่าจะเกินพอสำหรับเล่นงานนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงให้ทรุด!
ซึ่งในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ได้เป็นแม้แต่เทพเจ้า ก็ไม่น่าจะต้านทานยาพิษนี้ได้ หรือว่า…หมอนี่จงใจปกปิดระดับวรยุทธที่แท้จริงไว้?
“เราไม่เชื่อหรอก เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้!”
หยิงเฟยกัดฟัน จากนั้นก็นำผงพิษทั้งหมดที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมออกมาโปรย
เพียะ!
ซุนฉางตบหน้าหยิงเฟยอีกครั้งพร้อมกับตวาดก้อง “ยังมัวทำบ้าอะไรอยู่อีก? ถ้าไม่อยากตาย ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น จะมาหาว่าผมหยาบคายกับคุณไม่ได้นะ!”
ผมดูเหมือนลูกแกะโง่เง่าไร้ปัญญาหรือไง ถึงมาโรยแป้งใส่?
ดูเหมือนผมจะใจดีกับคุณเกินไปเสียแล้ว!
ถึงการตบทั้ง 3 ครั้งจะไม่ได้หนักหน่วงเกินไป แต่ก็ทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีของหยิงเฟยจนป่นปี้ เขาไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเกรงว่าซุนฉางอาจปกปิดพละกำลังที่แท้จริงไว้ คงเล่นงานอีกฝ่ายไปนานแล้ว
“คุณรนหาที่เองนะ…”
ในที่สุดหยิงเฟยก็หมดความอดทน
เขาเงื้อมือขึ้น ตั้งใจจะตบพ่อบ้านผู้จองหอง แต่ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินบางอย่าง บริวารของเขาติดต่อมา
หยิงเฟยส่งสายตาอาฆาตใส่ซุนฉาง ก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไป
หลังจากที่เดินออกมาได้เพียงครู่เดียว ชาย 2 คนก็ปรากฏตัวตรงหน้า
ทั้งคู่คือนักรบที่เพิ่งพยายามลอบสังหารอสูรเกราะเรืองแสง
“มีอะไร?” หยิงเฟยขมวดคิ้ว
“นายท่าน มีใครคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะตอนที่พวกเรากำลังพยายามจับตัวอสูรเกราะเรืองแสง ภารกิจจึงล้มเหลว” ชายคนหนึ่งรายงาน
“มันเป็นใคร?” หยิงเฟยซักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“จางเซวียน ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะใช้วิธีอะไรสักอย่างทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้ด้วย!” อีกฝ่ายตอบ
“จางเซวียน…ทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้?” หยิงเฟยแทบไม่เชื่อหู
เขารู้ดีว่าอสูรเกราะเรืองแสงโอหังแค่ไหน ท่านเจ้าเมืองไปพบมันครั้งแล้วครั้งเล่า เพียรพยายามต่อรอง อีกทั้งยื่นข้อเสนอเป็นทรัพย์สมบัติมากมาย เจ้านั่นก็ไม่ยอมก้มหัวให้สักที แต่แล้วมันกลับยอมจำนนให้นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำคนหนึ่ง…
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ และไม่เพียงเท่านั้น ผมยังสงสัยว่าเจ้าจางเซวียนนั่นอาจปกปิดพละกำลังที่แท้จริงมาตลอด!”
หยิงเฟยรู้สึกมึนหัว
เขาเองก็คิดว่ามันออกจะแปลกที่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นต่ำอย่างจางเซวียนสามารถจับตัวนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลางอย่างสายเทาได้อย่างง่ายดาย และมาตอนนี้ หมอนั่นก็ทำให้อสูรสวรรค์ที่แม้แต่ท่านเจ้าเมืองยังจนปัญญารับมือกับมันยอมจำนนได้ด้วย
เป็นไปได้ว่าจางเซวียนคนนั้นปกปิดพละกำลังที่แท้จริงไว้เหมือนพ่อบ้านซุน