Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2216 เหลือเชื่อ!
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2216 เหลือเชื่อ!
ตอนที่ 2216 เหลือเชื่อ!
“ในบัตรใบนี้มีเงิน 100 เหรียญสวรรค์ ทั้งหมดที่ผมอยากขอร้องคุณ
ก็คือช่วยรักษาลูกชายของผมอย่างสุดความสามารถ ถ้าเขาหายดี ผม
จะจ่ายให้คุณเพิ่มเป็น 10 เท่าของมูลค่าในบัตรใบนี้สำหรับความดี
ความชอบของคุณ!”
รวมแล้ว นายพลเกราะเงินกำลังเสนอเงินถึง 1,000 เหรียญสวรรค์ให้
จางเซวียนเป็นค่ารักษาลูกชายของเขา มันคือเงินจำนวนสูงลิ่วแม้จะ
ใช้มาตรฐานของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน
คำพูดนั้นทำให้ฝูงชนที่อยู่โดยรอบอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ
“ผมไม่รับเงินของคุณหรอก เก็บไปเถอะ” จางเซวียนส่ายหน้า
เขาพอเข้าใจว่าทำไมฟ่ านเจ๋อถึงเปิดสอนพิเศษเพื่อหาเงินเพิ่ม
นับตั้งแต่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตทุกประเภท
ในสรวงสวรรค์ก็หลั่งไหลเข้ามาแออัดกันอยู่ในเมือง ทำให้ราคา
อสังหาริมทรัพย์และค่าครองชีพพุ่งพรวด
เงินและทรัพยากรที่มากพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่อยากมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดี อีกอย่าง บรรดาพ่อแม่ก็ยินดีจ่ายเพิ่มอยู่แล้วหากจะเป็น
ประโยชน์กับลูก ๆ ของพวกเขา ฟ่านเจ๋อจึงพ่ายแพ้ต่อความเย้ายวนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่น ๆ พร้อมใจมอบเงินและทรัพยากรต่าง ๆ ให้
ฟ่ านเจ๋อก็คงไม่คิดจะเปิดชั้นสอนพิเศษและอื่น ๆ อย่างที่เขาทำอยู่
หลังจากปฏิเสธนายพลเกราะเงินแล้ว จางเซวียนหันกลับมามองจัว
เหยียนและสั่งการ “ออกหมัดพื้นฐานซิ ผมอยากรู้ว่าคุณยังขับเคลื่อน
พลังงานสวรรค์ได้หรือไม่”
จัวเหยียนออกจะลังเล แต่เมื่อเห็นทีท่าอ่อนโยนและแววตาแจ่มใส
ของจางเซวียน ก็ยอมกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้และยกแขนขึ้นเพื่อ
ออกหมัดพื้นฐาน
วิ้ง!
หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า
“จัวเหยียน, พลเมืองของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน นักรบ
ระดับเทพเจ้าขั้นต่ำ…ด้วยความผิดพลาดในการฝึกฝนวรยุทธ วร
ยุทธของเขาจึงถูกธาตุไฟเข้าแทรก…”
ไม่ช้าจางเซวียนก็อ่านจบ เขาส่ายหน้า
กลับกลายเป็นว่าความโกรธเกรี้ยวของนายพลเกราะเงินไม่ได้เกิดขึ้น
อย่างไร้เหตุผล ที่จัวเหยียนลงเอยด้วยสภาพนี้จะต้องมีบางอย่างเกี่ยว
ข้องกับฟ่านเจ๋อ, อาจารย์ของเขาอย่างแน่นอน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” นายพลเกราะเงินถามอย่างวิตกเมื่อเห็นทีท่าของ
จางเซวียน
“อาการของเขาไม่ค่อยดี แต่ผมคิดว่าผมรักษาได้” จางเซวียนตอบ
พร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ
“คุณรักษาได้?” นายพลเกราะเงินตาโตก่อนจะประสานมืออย่างร้อน
ใจ “ได้โปรดช่วยชีวิตลูกชายของผมด้วย ผมพร้อมทำทุกอย่างให้คุณ
ขอแค่เขากลับมาหายดี!”
“ไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจขนาดนั้นหรอก ผมจะทำเต็มที่”
จางเซวียนสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำเข็มเงินออกมาหลายเล่มก่อนจะ
สั่งจัวเหยียน “อดทนไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าต่อต้านผม”
จากนั้นเขาก็ปล่อยเข็มเงินทั้งหมดให้พุ่งเข้าปักจุดชีพจรของเด็กหนุ่ม
จัวเหยียนกำลังสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีกับที่รู้สึกถึงอาการชา
ที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แล้วพลังงานประหลาดก็ซึมซาบเข้าสู่ร่างของเขา
ขณะที่พลังงานประหลาดนั้นไหลเวียนไปทั่ว ทางเดินพลังปราณที่
เคยเสียหายจากผลของการที่วรยุทธถูกธาตุไฟเข้าแทรกก็เยียวยา
ตัวเองอย่างรวดเร็ว กลับคืนสู่สภาพเดิม
“ฮะ…”
จัวเหยียนตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ
เขาอาจยังหนุ่ม แต่เพราะมาจากตระกูลของนายพล จึงได้รู้เห็นอะไร
มากมาย
เมื่อทางเดินพลังปราณของเขาถูกทำลายหลังจากที่วรยุทธถูกธาตุไฟ
เข้าแทรก เขาก็รู้ทันทีว่าชีวิตนักรบของเขาจบเห่แล้ว ไม่ต้องพูดถึง
การฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิม ที่น่ากังวลมากกว่าก็คือจะมีชีวิตอยู่ได้
นานแค่ไหน…
แต่ด้วยเข็มเพียงไม่กี่เล่ม ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็เยียวยาทางเดินพลัง
ปราณของเขาให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ไม่เพียงเท่านั้น พลังงานสวรรค์
ที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขายังค่อย ๆ ไปรวมตัวกันที่จุดตันเถียนด้วย!
มันน่าทึ่งจนเขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้สุดแสนจะเหลือเชื่อ
นายพลเกราะเงินเห็นสายตาประหลาดของลูกชายหลังจากที่เข็มเงิน
ปักเข้าที่จุดชีพจร เขารีบถามด้วยความกังวล “รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ท่านพ่อ ผมคิดว่า…ผมหายแล้ว”
ขณะที่พูด จัวเหยียนผู้อ่อนระโหยโรยแรงก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วตั้ง
ท่าพร้อมต่อสู้
ในชั่วพริบตา เขาก็สำแดงเทคนิคเพลงหมัดอันทรงพลังที่ทำให้ลม
หอบใหญ่พัดหวีดหวิวไปทั่วห้อง “ผะ-ผมตาฝาดหรือเปล่า?”
“เขาหายดีหลังจากถูกฝังเข็มเงินเพียงไม่กี่เล่ม?”
“เหลือเชื่อ! ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย…”
ฝูงชนพากันงงงัน
เมื่อครู่นี้พวกเขาเห็นแล้วว่าอาการของจัวเหยียนสาหัสขนาดไหน
ขนาดนายแพทย์หยูเฟิงผู้ทรงเกียรติก็ทำได้แค่ให้คำวินิจฉัยในแง่ร้าย
พวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มคงต้องพิการไปตลอดชีวิต ใครจะไปรู้ว่าชาย
หนุ่มจะหายดีได้ด้วยการฝังเข็มเพียงไม่กี่เล่ม?
แถมอีกฝ่ายยังดูกระชุ่มกระชวยกว่าเดิมด้วย
เหลือเชื่อจริง ๆ !
“น้องจาง นี่มัน…”
นายพลเกราะเงินพูดไม่ออก
ถ้าไม่ใช่เพราะคนป่วยคือลูกชายของเขาและเขาได้พยายามรักษาทุก
วิถีทางแล้ว ก็คงจะสงสัยว่าสองคนนี้รวมหัวกันเล่นละครตบตาเขา
หรือเปล่า
จางเซวียนลุกขึ้นยืน “ผมส่งพลังงานสวรรค์ของเขากลับสู่จุดตันเถียน
พร้อมกับซ่อมแซมทางเดินพลังปราณที่ถูกทำลาย”
ฟ่านเจ๋อกับหยูเฟิงกลอกตา
การที่วรยุทธของนักรบคนหนึ่งถูกธาตุไฟเข้าแทรกหมายความว่า
พลังงานในร่างของเขาจะเสียหายและผิดเพี้ยนไป อีกฝ่ายดึงพลังงาน
นั้นกลับมาได้ แถมซ่อมแซมทางเดินพลังปราณที่ถูกทำลายได้ด้วย
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
“ในเมื่อคุณรักษาเขาได้รวดเร็วขนาดนี้ ผมก็เชื่อว่าคุณน่าจะรู้ว่าวรยุทธ
ของเขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกเพราะอะไร ผมก็สอนเขาเหมือนที่สอน
ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ไม่มีใครเคยเจออะไรแบบนี้ แล้วทำไมถึงเกิดปัญหา
กับจัวเหยียน?” ฟ่านเจ๋อถาม
หากเขาไม่ขุดเรื่องนี้ คงต้องถูกตราหน้าไปตลอดว่าเป็นอาจารย์ห่วย
แตก
“ผมรู้ว่าทำไมวรยุทธของเขาถึงถูกธาตุไฟเข้าแทรก” จางเซวียนพูด
“คุณอยากรู้จริง ๆ หรือ?”
“ใช่ ผมอยากรู้” ฟ่านเจ๋อพยักหน้า
คนอื่น ๆ ในห้องก็มองมาด้วยความสนใจ
พวกเขาพบว่ามันแสนจะเหลือเชื่อที่วรยุทธของนักรบคนหนึ่งจะถูก
ธาตุไฟเข้าแทรกเพียงเพราะฝึกฝนเทคนิควรยุทธขั้นพื้นฐาน ดังนั้น
หากรู้เบื้องหลังของความผิดปกติครั้งนี้ ในอนาคตก็น่าจะป้องกันได้
“มันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการสอนพิเศษของคุณ” จางเซวียนพูด
“การสอนพิเศษ?” ฟ่านเจ๋อถึงกับงง
จางเซวียนหันไปมองนายพลเกราะเงิน “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบ
นายพลเกราะเงินคนนี้ แต่เท่าที่ผมรู้มา ดูเหมือนคุณคาดหวังจะได้
เห็นลูกชายประสบความสำเร็จในชีวิต อยากให้เขากลายเป็น
ผู้เชี่ยวชาญเหมือนคุณ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า ไม่ปฏิเสธสักคำ
ในฐานะนายพลของเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน เขามีอิทธิพล
และเกียรติยศมากมาย ทุกคนต่างคิดว่าลูกชายของเขาจะต้องประสบ
ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ไม่ได้
ปราดเปรื่องเท่าไหร่ ถึงขนาดไม่สามารถผ่านการทดสอบเข้าสถาบัน
การศึกษาส่วนใหญ่ได้
เป็นธรรมดาที่นายพลเกราะเงินจะรู้สึกร้อนใจและพยายามผลักดัน
ลูกชายของเขาอย่างเต็มที่
การที่เขาส่งจัวเหยียนมาเรียนที่นี่และให้เรียนพิเศษทุกรูปแบบคือ
หลักฐานที่บอกชัด นายพลเกราะเงินหวังว่าลูกชายของเขาคนนี้จะได้
เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง และสืบทอดชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลต่อไป
ในตอนแรก เขาแสนจะยินดีปรีดาที่ได้เห็นวรยุทธของลูกชายเพิ่ม
สูงขึ้นจนเป็นเทพเจ้าขั้นต่ำ แต่ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่การฝ่าด่านวรยุทธ
จากเทพเจ้าขั้นต่ำไปเป็นเทพเจ้าขั้นกลาง วรยุทธของลูกชายของเขา
ก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรก ทำเอาเกือบเสียชีวิต
นายพลเกราะเงินติดภารกิจของกองทัพเสมอ และเพิ่งได้หยุดพักเมื่อ
2-3 วันก่อน ต้องขอบคุณวันหยุดที่ทำให้เขาเห็นความผิดปกติของ
ลูกชายและช่วยชีวิตได้ทันเวลา หากเขาติดภารกิจอยู่ข้างนอก กว่าจะ
รู้ข่าวก็คงสายเกินไป
เขาจะรู้สึกผิดและโทษตัวเองขนาดไหนหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้น?
แค่คิดก็ทำให้เขาหวาดผวาอย่างหนัก ทำให้คุมสติไม่อยู่และบุก
พรวดพราดเข้ามา
“ตั้งแต่ยังเด็ก…” จางเซวียนพูด “จัวเหยียนถูกปลูกฝังความคิดที่ว่า
เขาจะต้องได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างเหมือนคุณ แม้สติปัญญาของ
เขาจะอ่อนด้อย แต่ก็ต้องแบกรับความกดดันทุกรูปแบบ ต้องขยัน
ศึกษาเล่าเรียนอย่างหนัก เรียนพิเศษครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังว่าจะไม่
ถูกทิ้งให้ล้าหลังเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่มี
เวลาหยุดพักจากการฝึกฝนวรยุทธเลยแม้แต่วันเดียว!”
จัวเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังก้มหน้างุดและเงียบกริบ
ส่วนนายพลเกราะเงินก็โพล่งออกมา “นักรบควรผลักดันตัวเองอย่าง
สุดกำลังขณะที่อายุยังน้อย หากอายุเท่าผมแล้ว การผลักดันตัวเองจะ
มีประโยชน์อะไร? ผมทำแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่อนาคตของเขา! อีก
อย่าง ถ้าเขาไม่ได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ด้วยอายุขัยของนักรบระดับ
เทพเจ้าโดยทั่วไป การจะมีชีวิตอยู่ให้ถึง 100 ปีก็เป็นเรื่องยาก ผมน่ะ
มีอายุขัย 1,000 ปีนะ แล้วผมจะต้องทนดูลูกชายของผมแก่ตัวและ
ตายไปก่อนโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
“ผมไม่ได้จะบอกว่าสิ่งที่คุณวางแผนไว้ให้ลูกชายนั้นไม่ยุติธรรม แต่
การฝึกฝนวรยุทธไม่ใช่การตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนไม่รู้จบ” จางเซวียน
ตอบ “ความก้าวหน้าจะต้องมาคู่กับความสมดุล นอกจากการยกระดับ
วรยุทธ นักรบจะต้องบ่มเพาะเจตจำนงและสภาวะจิตของเขาด้วย หาก
ดันทุรังฝึกฝนโดยไม่มีเวลาหยุดพักและสำรวจสภาวะของตัวเอง ก็
ยากที่จะเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้”
จางเซวียนพอเข้าใจหัวอกของพ่อแม่ที่อยากเห็นลูกได้ดี เพราะเขา
เองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับบรรดาศิษย์สายตรงของเขา แต่เรื่องแบบนี้
จะคิดน้อยเกินไปไม่ได้
การประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นจากปัจจัยหลาย
อย่าง เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะทำสำเร็จเหมือนกันหมด
“จัวเหยียนพยายามอย่างหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จตามความ
คาดหวังของคุณ ถึงขนาดทุ่มสุดตัวเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธก่อนที่จะ
ทันได้ขัดเกลาวรยุทธของตัวเองเสียอีก ความกดดันใหญ่หลวงทำให้
เจตจำนงของเขาอ่อนแอและไม่อาจรวบรวมสมาธิเพื่อก้าวข้ามอุปสรรค
ที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ดูเหมือนอาจารย์ฟ่ านเจ๋อ
จะบอกอะไรบางอย่างกับจัวเหยียนระหว่างการเรียนพิเศษ ซึ่งทำให้
เขายิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้น”
ฟ่านเจ๋อดูจะสับสนเล็กน้อยก่อนจะตาโตด้วยความตกใจ
“เขาเรียนพิเศษกับคุณมาก็ระยะหนึ่งแล้ว แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้
เป็นนักรบระดับเทพเจ้าขั้นกลาง” จางเซวียนพูดต่อ “ผมเดาว่าคุณยื่น
คำขาดกับเขา สั่งให้เขาฝ่าด่านวรยุทธให้ได้ภายในคืนนี้!”
“เจตจำนงของเขาอ่อนล้าอยู่แล้วจากความเครียดและความกดดันที่
ถาโถมเข้าใส่ ซึ่งคำพูดของคุณคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาพ่ายแพ้
เขาหมดความอดทน ทำให้ปีศาจใต้สำนึกมีอำนาจเหนือกว่า ส่งผล
ให้เกิดสภาพอย่างที่พวกเราเห็น”
นายพลเกราะเงินเงียบกริบก่อนจะมองหน้าจัวเหยียนด้วยสีหน้าที่
อธิบายได้ยาก “ที่น้องจางพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?”