Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2272 หญ้าราชันย์เทพเจ้า
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2272 หญ้าราชันย์เทพเจ้า
เจ้านั่นสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าแล้ว และมีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่มีวันตาย น่าจะเก็บหญ้าพวกนั้นให้เขาได้
“ผมหลับอยู่!” ไก่น้อยฟึดฟัดก่อนจะออกมาจากจุดตันเถียนของจางเซวียน มันมองภาพที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นก็หรี่ตาที่กลมดำเหมือนลูกปัดด้วยความสงสัย “ที่นี่…ดูเหมือนผมจะเคยมาที่นี่นะ…”
“แกเคยมาที่นี่หรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว “แล้วจำอะไรได้บ้างไหม?”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไก่น้อยพูดเสมอว่ามันคืออสูรในตำนานที่ครั้งหนึ่งมีอำนาจทั่วดินแดน แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นตัวอะไร แม้หลังจากที่ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ ก็ยังจดจำอะไรที่เกี่ยวกับมรดกตกทอดของมันไม่ได้เลย
หรือว่าคลื่นพลังงานวนแห่งมิติจะเป็นกุญแจที่ฟื้นคืนความทรงจำของมันได้?
“ก็ไม่เชิงหรอก ผมแค่รู้สึกว่าที่นี่ดูคุ้นตา…” ไก่น้อยหันซ้ายหันขวาและยืดคอมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ สุดท้ายก็กระพือปีกเล็กจ้อยไปมาและคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง “ผมจำอะไรไม่ได้เลย! ช่างมันเถอะ ก็ไม่ควรจะไปนึกถึงมันอีก ได้วรยุทธกลับคืนมาเมื่อไหร่ก็คงจดจำทุกอย่างได้เอง อ้อ! ใช่สิ…แล้วคุณเรียกผมออกมาทำไม?”
ถ้าไม่มีอะไร เจ้านายของมันแทบไม่เคยรบกวนมันเลย
“ฉันสงสัยว่าพืชที่ขึ้นอยู่ในคลื่นพลังงานวนแห่งมิตินั่นคือหญ้าราชันย์เทพเจ้า มันเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้นักรบฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ แต่ด้วยวรยุทธของฉันในเวลานี้ ฉันเก็บมันไม่ได้ อยากรู้ว่าแกพอจะเก็บมันได้หรือเปล่า”
“พืชที่อยู่ตรงนั้นหรือ?” ไก่น้อยครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ก็น่าจะเป็นไปได้อยู่นะ พืชนั่นดูประหลาดไม่เบา…”
“ตกลงแกเก็บมันได้ใช่ไหม?” จางเซวียนถาม “ฉันต้องการให้แกเก็บนะ ไม่ใช่กินมันเข้าไป”
ไก่น้อยขึ้นชื่อเรื่องความตะกละขั้นสุดเมื่อเป็นเรื่องอาหาร ถ้ามันรี่เข้าไปแล้วกินหญ้าทั้งหมดล่ะก็…เอาเถอะ เขาคงไม่ง้างปากมันเพื่อล้วงหญ้าพวกนั้นออกมาหรอก!
ขอเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างไปชั่วชีวิตดีกว่าถ้าจะต้องทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนั้น…
ไก่น้อยมองหน้าจางเซวียนและรับคำหนักแน่น “ได้อยู่แล้วล่ะน่ะ ผมเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้วนะ คุณก็รู้ หญ้านั่นน่ะไม่มีประโยชน์กับผมแล้ว ไม่ต้องห่วง…ผมไม่กินมันแน่ ก็แค่จะลองเล็มสักใบหนึ่งเพื่อดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร ถ้าไม่อร่อยก็จะไม่กินมันอีก…ทำไมคุณถึงมองผมแบบนั้น? หญ้านั่นมีมากกว่า 1 ใบนี่นา?”
จางเซวียนพูดไม่ออกขณะมองหน้าไก่น้อย สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ แกจะทำอะไรก็ทำ แต่คลื่นพลังงานวนแห่งมิตินั่นดูจะไม่ธรรมดานะ ถ้ารู้สึกว่ามีอันตราย ให้รีบถอยออกมาทันที”
หญ้าราชันย์เทพเจ้าไม่ได้มีค่าอะไรเลยหากเทียบกับไก่น้อย ถ้าการเก็บหญ้าราชันย์เทพเจ้าจะทำให้ไก่น้อยต้องตกอยู่ในอันตราย เขาก็ไม่อยากได้มันแม้แต่นิดเดียว
“เฮ่อออ ผมน่ะอยากตายมานานแล้ว ถ้าสิ่งนี้ฆ่าผมได้ ผมก็ยิ่งกว่ายินดีที่จะทำ” ไก่น้อยพูดขณะกระพือปีก
ครั้งล่าสุดที่มันแปลงร่าง ก็ยังคงหลงเหลือหัวไก่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ถ้าคลื่นพลังงานวนแห่งมิติสังหารมันได้ คราวนี้ก็น่าจะแปลงร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบเสียที
“อือ…” จางเซวียนพยักหน้า
คงเป็นการโกหกหากจะบอกว่าเขาไม่กังวล แต่เมื่อหวนนึกถึงการที่ไก่น้อยฟื้นคืนชีพได้แม้ร่างกายจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปตามนั้น
พั่บ!
ไก่น้อยกระพือปีกเล็กจ้อยของมัน จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าสู่คลื่นพลังงานวนแห่งมิติ ในชั่วพริบตา ร่างของมันก็บิดเบี้ยวราวกับภาพสะท้อนจากกระจกเงาที่เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม ร่างเล็กสีทองพองตัวขึ้นจนดูคล้ายกับนกฟีนิกซ์ไฟที่จางเซวียนได้เห็นบนหินสะท้อนฟีนิกซ์
“เดี๋ยวก่อน หรือว่า…ไก่น้อยมาจากเผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์?”
จางเซวียนเกิดความคิดขึ้นมาทันที
ในโลกนี้มีอสูรในตำนานอยู่ไม่กี่ชนิด และยิ่งมีน้อยลงไปอีกที่สายเลือดของมันทรงพลังถึงขนาดที่ไม่อาจแปลงร่างอย่างสมบูรณ์ได้แม้จะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ไก่น้อยจะเป็นอสูรที่ทรงพลังขนาดไหน?
มันคือราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ…หรือจอมราชันย์?
คงไม่ใช่ว่าแท้ที่จริงแล้วไก่น้อยคือจอมราชันย์อมตะหรอกนะ? จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
มันดูประหลาดตั้งแต่แรกอยู่แล้วที่จอมราชันย์อมตะซึ่งน่าจะไม่มีวันตายกลับเสียชีวิตไปแบบนั้น
จางเซวียนนึกถึงครั้งแรกที่เขาพบไก่น้อย ตอนนั้นเขายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ และไก่น้อยเป็นแค่น้ำเต้าลูกหนึ่ง มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการซึมซับพลังปราณเทียบฟ้าของเขา
ตอนที่อยู่ในมิติเบื้องบน ขณะที่ทั้งคู่อยู่ตรงหน้าหลุมศพจอมราชันย์อมตะ ไก่น้อยเคยพูดว่ามันอยากกินโครงกระดูกที่อารักขาหลุมศพนั้น
แถมตอนที่มันฟื้นคืนชีพหลังจากถูกตัวโคลนของปรมาจารย์ขงสังหาร บรรยากาศของการเสื่อมถอยก็ถูกปล่อยออกมาจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายอย่างกะทันหันเพื่อช่วยเสริมการเติบโตของมัน ซึ่งมันก็ซึมซับบรรยากาศของการเสื่อมถอยอันเข้มข้นนั้นได้อย่างง่ายดาย…
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความรู้สึกคุ้นตาที่จางเซวียนรู้สึกได้เมื่อเห็นขนนกขนาดใหญ่แบกรับเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดไว้ เช่นเดียวกับที่ไก่น้อยบอกว่ามันรู้สึกคุ้นตากับหลุมดำแห่งนี้
และที่สำคัญที่สุด ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติฉีเหมิงเคยเรียกเขาว่าจอมราชันย์เมื่อครั้งที่อยู่ในทะเลสาบจันทร์กระจ่าง เป็นไปได้ว่านั่นเป็นเพราะมีเลือดของไก่น้อยปะปนอยู่ในทะเลสาบ
ด้วยการซึมซับเลือดของไก่น้อย ร่างกายของเขาจึงได้รับองค์ประกอบที่เป็นอมตะส่วนหนึ่งของจอมราชันย์อมตะมา ทำให้เยียวยาตัวเองให้หายจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
“นี่เราเอาจอมราชันย์มาเป็นอสูรของตัวเองหรือ?”
ยิ่งครุ่นคิดเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ หน้าตาของจางเซวียนก็ยิ่งเหยเกด้วยความพรั่นพรึง
ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ในสรวงสวรรค์ เขาได้เรียนรู้ว่าจอมราชันย์ได้รับความเคารพยกย่องมากแค่ไหน แม้แต่ปรมาจารย์ขงก็ยังต้องได้การยอมรับจากเก้าจอมราชันย์เสียก่อนถึงจะเป็นจอมราชันย์อีกคนหนึ่งได้
แต่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงผู้ต่ำต้อยอย่างเขามีอสูรในครอบครองเป็นจอมราชันย์ ซึ่งตอนนี้ไก่น้อยยังไม่ได้ความทรงจำกลับคืนมา มันจึงไม่อาจพูดอะไร แต่ทันทีที่จดจำอดีตได้ มันจะพยายามฆ่าเขาเพื่อลบประวัติศาสตร์อันน่าอับอายนี้หรือเปล่า?
“แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ลั่วชิงซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นน่าจะเป็นทายาทของจอมราชันย์อมตะ ซึ่งเธอก็เคยพบไก่น้อยในสภาพน้ำเต้าตงฉู่ตอนที่เรายังอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เธอน่าจะจำมันได้และแสดงทีท่าอะไรออกมาบ้าง…”
เท่าที่เขารู้ นี่เป็นครั้งแรกที่จอมราชันย์คนหนึ่งเสียชีวิต จึงเป็นเรื่องพอเข้าใจได้ที่ไม่มีใครแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอมราชันย์อมตะ แต่ในฐานะทายาทของจอมราชันย์อมตะ หลัวลั่วชิงน่าจะจดจำอีกฝ่ายได้แม้จะอยู่ในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิม
แต่ก็แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเขา ยังระบุอะไรชัดเจนไม่ได้
แม้จะเป็นถึงจอมราชันย์ แต่คนเหล่านั้นก็มีศัตรู ถ้าใครสักคนรู้ว่าจอมราชันย์อมตะอยู่ในสภาพที่แสนอ่อนแอแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะถูกสังหารเสียก่อนที่จะได้พละกำลังสูงสุดกลับคืนมา
หลัวลั่วชิงอาจเลือกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพื่อปกปิดเรื่องนี้จากสายตาของคนอื่น
“ช่างมันเถอะ มัวคิดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?” จางเซวียนพึมพำกับตัวเอง “ความลึกลับต่างๆคงคลี่คลายไปเองเมื่อเราได้พบลั่วชิงที่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณในวันพรุ่งนี้…”
จางเซวียนสลัดความคิดต่างๆนานาออกไป เขาหันกลับไปมองคลื่นพลังงานวนแห่งมิติ เห็นไก่น้อยกำลังต่อสู้กับหญ้าราชันย์เทพเจ้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
สมุนไพรที่มีชีวิตรอดอยู่ได้ในคลื่นพลังงานวนแห่งมิติและมีอานุภาพช่วยนักรบให้สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าย่อมไม่อ่อนแออย่างแน่นอน แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันจะยังไม่ถึงขั้นราชันย์เทพเจ้า แต่ก็คงไม่ฉลาดนักหากประเมินความสามารถของมันต่ำไป
โชคร้ายที่ไก่น้อยเป็นราชันย์เทพเจ้าแล้ว แถมยังทรงพลังไม่เบา ไม่ช้ามันก็เอาชนะหญ้าราชันย์เทพเจ้าได้สำเร็จ มันใช้จะงอยปากคาบหญ้าไว้แล้วบินกลับมายังจุดที่จางเซวียนยืนอยู่
ร่างของมันยังคงบิดเบี้ยวแม้จะออกจากคลื่นพลังงานวนมาแล้ว แต่ความบอบช้ำเพียงเท่านี้ไม่รุนแรงพอจะทำอันตรายมันได้ ไก่น้อยยื่นสมุนไพรให้จางเซวียนก่อนจะผลุบเข้าไปในจุดตันเถียนและหลับไป
รวมแล้ว มีหญ้าทั้งหมด 4 ต้น
ที่จริงควรจะมี 5 ต้น แต่ไก่น้อยกินไปต้นหนึ่งระหว่างสู้รบ ซึ่งมันพบว่ารสชาติแสนจะแย่ จึงเก็บที่เหลือไว้ให้จางเซวียน
จางเซวียนนำกล่องหยกออกมาเก็บหญ้าราชันย์เทพเจ้าก่อนจะใช้พลังปราณปิดกล่องไว้ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็บินกลับขึ้นมาที่ปากหลุมดำ
เขาใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบสมุนไพรชนิดนี้แล้วตั้งแต่ได้มันมา ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด มันคือหญ้าราชันย์เทพเจ้าจริงๆ และมีอานุภาพในการเพิ่มโอกาสการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้น อานุภาพของมันจะเข้มข้นขึ้นอีกหากได้ผสมผสานกับสมุนไพรชนิดอื่นๆที่มีคุณสมบัติทางยา
ด้วยสิ่งนี้ ทันทีที่จางเซวียนเข้าถึงเทคนิควรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าที่เหมาะสมกับเวทนาสวรรค์ของเขา เขาก็จะฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างง่ายดาย
“ท่านอาจารย์ คุณเป็นอะไรไหม?”
เมื่อกลับมาถึงจุดที่เขาแยกกันกับฝงจิ่วเกอ จางเซวียนเห็นชายหนุ่มมองมาอย่างเป็นห่วง เขาพยักหน้า “กลับก่อนเถอะ แล้วค่อยพูดกัน”
ทั้งคู่รุดหน้าไปอย่างช้าๆเผื่อว่าจะพบบางอย่างที่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็กลับขึ้นมาถึงพื้นดิน
จางเซวียนเรียกอสูรสวรรค์สร้างบินได้มา แล้วทั้งคู่ก็กลับตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ
“ผมเจอสาเหตุที่ทำให้วรยุทธของคุณตกฮวบแล้ว คุณวางใจได้เลยว่าต่อไปจะไม่เจอปัญหาแบบนี้อีก” จางเซวียนพูดยิ้มๆ “แล้วผมก็พบหญ้าราชันย์เทพเจ้าที่คุณพูดถึงด้วย ผมจะหลอมมันให้เป็นยาเม็ดและมอบให้คุณเม็ดหนึ่ง เพราะฉะนั้น ตั้งใจหมั่นเพียรฝึกฝนให้ดีล่ะ จะได้สำเร็จวรยุทธเป็นราชันย์เทพเจ้าเร็วๆ!”
“คุณพบหญ้าราชันย์เทพเจ้า?” ฝงจิ่วเกออุทานอย่างตกตะลึง
เขาออกจะสงสัยว่าหญ้าราชันย์เทพเจ้ามีจริงหรือไม่ตอนที่ลงไปยังหลุมดำแห่งนั้น แต่ใครจะไปคิดว่ามันมีอยู่จริง และท่านอาจารย์ของเขาก็เก็บมันมาได้!
ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะมอบบางส่วนให้เขาด้วย…