Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2302 สงครามสวรรค์
- Home
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร
- Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2302 สงครามสวรรค์
ตอนที่ 2302 สงครามสวรรค์
“ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ มันคือสงครามสวรรค์!” ปรมาจารย์ขง
ตอบ “เป็นการต่อสู้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พละกำลังทุกรูปแบบของ
โลกจะรวมตัวกันและสลายไปพร้อมกับกาลเวลา นี่คือวัฏจักรของ
ธรรมชาติที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ หากผม
ชนะ ผมก็จะกลายเป็นผู้หยั่งรู้คนใหม่ของสรวงสวรรค์ แต่หากแพ้
จิตวิญญาณของผมก็จะเสื่อมสลายไป และทุกอย่างจะจบลงตรงนี้”
“สงครามสวรรค์…” จางเซวียนหน้าซีด “ถ้าอย่างนั้น เธอกับผมก็…”
นั่นหมายความว่า สุดท้ายเขาก็ต้องสู้กับหลัวลั่วชิงเหมือนกันอย่าง
นั้นหรือ?
เขากับเธอต้องแย่งชิงความเป็นหนึ่งด้วยหรือไง?
หรือนี่คือเหตุผลที่ทำให้เธอไม่เต็มใจตอบรับคำสารภาพความในใจ
ของเขา แถมยังหาข้อบ่ายเบี่ยงมากมายเพื่อผลักไส?
ในครั้งนั้น จางเซวียนเคยคิดว่าอาจมีอำนาจบางอย่างบงการเธออยู่
เบื้องหลังและห้ามไม่ให้พวกเขาสานสัมพันธ์กัน แต่ดูเหมือนจะ
ไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว
ในสงครามสวรรค์ จะมีผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อตอนที่ทั้งคู่อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาเคยถามหลัวลั่วชิงหลาย
ครั้งถึงเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่หนัก
แน่นพอ
เมื่อคิดดูอีกที ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่เต็มใจพูด แต่เธอพูดไม่ได้ ถ้าหลัวลั่ว
ชิงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอให้เขารู้ก่อนเวลา ก็ไม่ต้องสงสัย
เลยว่าสวรรค์จะต้องตอบโต้การเปิดเผยความลับครั้งนี้
ตัวเขากับเธออาจต้องดวลกันแบบชี้เป็นชี้ตายก่อนถึงเวลาอันควร!
“ถ้าผมชนะ คู่ต่อสู้คนต่อไปที่คุณจะต้องเจอก็คือผม แต่ถ้าผมแพ้ ก็จะ
เป็นคุณกับเธอที่ต้องสู้กัน นี่คือชะตากรรม เราไม่อาจเปลี่ยนแปลง
หรือแก้ไขมันได้” ปรมาจารย์ขงพูดอย่างหนักแน่น
แม้สิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุยกันคือเรื่องความเป็นความตาย แต่อีกฝ่าย
ก็ยังรักษาความสุขุมไว้ได้
“สวรรค์ที่คุณพูดถึง…หมายถึงสวรรค์ของสรวงสวรรค์แห่งนี้หรือ
เปล่า?” จางเซวียนถาม “ไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงเลยหรือ?”
“ไม่มี” ปรมาจารย์ขงส่ายหน้า
“แต่…สรวงสวรรค์ก็ยังคงอยู่ดีนี่นา? นักรบส่วนใหญ่ยังพัฒนาตัวเอง
ได้ ชีวิตก็ยังคงเติบโตงอกงาม! ถ้าสวรรค์แตกเป็นเสี่ยง ๆ จริง ๆ ก็
คงไม่ใช่แบบนี้นะ!” จางเซวียนอุทาน
ถ้าสรวงสวรรค์ถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่าย คือพวกเขาทั้งสามคน โลก
นี้ก็น่าจะเกิดความปั่นป่ วนวุ่นวายครั้งใหญ่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่
จางเซวียนได้เห็น
“เติบโตงอกงาม?” ปรมาจารย์ขงส่ายหน้าอย่างขมขื่นใจ “สรวงสวรรค์
น่ะหยุดเติบโตมา 40 ปีแล้วนะ พลังจิตวิญญาณค่อย ๆ เสื่อมถอย พืช
พันธุ์ธัญญาหารและอสูรมากมายสูญพันธุ์ไป บรรดานักรบถูกบีบให้
ต้องอาศัยอยู่เฉพาะภายในเมืองหลวง และประชากรส่วนใหญ่ก็ไม่มี
รังสีสวรรค์มากพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ นี่คือการขาดแคลน
ทรัพยากรสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธครั้งใหญ่ ทุกวันนี้เราอาจมีชีวิต
รอด แต่หากเป็นอีกหลายร้อยปีข้างหน้าล่ะ ทุกอย่างจะต้องเหือดแห้ง
ไม่มีเหลือ ถึงตอนนั้น แม้สิ่งมีชีวิตก็อยู่ไม่ได้…”
“คือ…” จางเซวียนพูดไม่ออก
เขารู้ว่าปรมาจารย์ขงพูดถูก
การเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณตั้งต้นตั้งแต่ 40 ปีก่อน พื้นที่ส่วน
ใหญ่ของสรวงสวรรค์กลายเป็นดินแดนแห้งแล้งทุรกันดาร สิ่งมีชีวิต
มากมายนับไม่ถ้วนตายและสูญพันธุ์ไป
นักรบส่วนใหญ่ไม่อาจยกระดับวรยุทธของพวกเขาได้อีกเพราะการ
ขาดแคลนทรัพยากร
แต่เพราะสรวงสวรรค์สั่งสมทรัพยากรไว้มากมายเนิ่นนานนับปีไม่
ถ้วนตั้งแต่มันถูกก่อตั้งขึ้นมา ทุกวันนี้จึงยังคงอยู่ได้ แต่ทรัพยากร
ทั้งหมดจะใช้ไปได้อีกนานแค่ไหน?
เมื่อนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ 40 ปีก่อนสิ้น
อายุขัยไป จะมีเทพเจ้าสวรรค์สร้างอีกสักเท่าไหร่เข้ามาแทนที่พวก
เขา?
แล้วยังราชันย์เทพเจ้ากับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติอีกล่ะ?
เมื่อพลังจิตวิญญาณในอากาศลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ จะมีผู้คนอีก
มากมายเท่าไหร่ที่ต้องเสียชีวิตเพราะความอดอยากหิวโหย?
แต่เขาไม่กล้านึกภาพเหล่านั้น!
นี่คือผลกระทบจากการที่สวรรค์แตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือ?
“แต่ก็ยังมีการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณอยู่ใช่ไหม?” จางเซวียน
ถาม “ผมรู้มาว่าในช่วงเวลานั้น การเก็บเกี่ยวเอาทรัพยากรจำนวน
มหาศาลเป็นสิ่งที่ทำได้”
การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณคือปรากฏการณ์ธรรมชาติของโลกที่
เกิดขึ้นทุก 10 ปีนับตั้งแต่เกิดการเสื่อมถอยของพลังจิตวิญญาณ ซึ่ง
ในแต่ละครั้งที่เกิดการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ มันจะนำพา
ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเข้าสู่สรวงสวรรค์ ทำให้พืชพรรณที่เหี่ยว
แห้งและดินแดนทุรกันดารกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ก็เพราะเหตุนี้ ภูเขาจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ที่ขาดแคลนพลังจิตวิญญาณ
มาเนิ่นนานจึงยังคงมีพืชพันธุ์ธัญญาหารขึ้นอยู่มากมายจนถึงทุก
วันนี้
“ถ้าเทียบสรวงสวรรค์เป็นอาคารหลังหนึ่ง สวรรค์ก็คือเสาที่ค้ำจุน
อาคารนั้นให้ตั้งอยู่ได้” ปรมาจารย์ขงพูด “แต่ตอนนี้ เสาถูกแบ่งแยก
เป็นคุณกับผม ดังนั้น ไม่ช้าไม่นานอาคารก็จะต้องพังทลาย”
“การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณไม่ได้เป็นอะไรที่มากกว่าการค้ำจุน
โครงสร้างนั้นให้มั่นคงได้ชั่วคราว แม้มันจะช่วยชะลอการพังทลาย
ได้ แต่ก็เป็นแค่การอุดช่องว่างชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจยืนยงได้
ยาวนาน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ความยุ่งเหยิงแตกแยกครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มี
การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ บรรดานักรบจะต้องทำทุกวิถีทาง
เพื่อให้ได้ทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธในปริมาณที่มากขึ้น
แม้มันจะดูเหมือนพลังที่ช่วยค้ำจุนความมั่นคงของสรวงสวรรค์ไว้
แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการเร่งความตายให้ใกล้เข้ามาต่างหาก คุณรู้
ไหมว่ามีเทพเจ้า, เทพเจ้าสวรรค์สร้าง และราชันย์เทพเจ้ามากมายแค่
ไหนที่ต้องตายไประหว่างการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ?”
คำนี้ทำให้จางเซวียนคิดหนัก
เรื่องพวกนั้นคือความลับของสรวงสวรรค์ ไม่เคยมีบันทึกไว้ใน
หนังสือเล่มใดก็ตามที่เขาได้อ่าน
“ไม่มีทางนับจำนวนของเทพเจ้ากับเทพเจ้าสวรรค์สร้างได้ แต่ก่อน
จะเกิดการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ ในสรวงสวรรค์มีราชันย์เทพ
เจ้าผู้ทรงเกียรติมากกว่า 300 คน และราชันย์เทพเจ้าอีกกว่า 1000
คน!”
“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมากกว่า 300 คนกับราชันย์เทพเจ้าอีก
กว่า 1000 คน?” จางเซวียนชะงัก
เท่าที่เขารู้ ตอนนี้มีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเพียง 30 คนกับราชันย์
เทพเจ้าอีกราว 100 คนเท่านั้น…
พูดอีกอย่างก็คือ สรวงสวรรค์สูญเสียผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดไป
แล้วกว่า 90%
แปลว่าหลายปีที่ผ่านมา มีเทพเจ้าสวรรค์สร้างกับเทพเจ้าเสียชีวิตไป
แล้วมากมายแค่ไหน?
“สรวงสวรรค์ไม่อาจอยู่ในสภาพแหว่งวิ่นแบบนี้ได้อีกแล้ว หากเรา
ปล่อยให้มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ต่อไป นับวันสถานการณ์ก็จะเลวร้าย
ลงเรื่อย ๆ โลกจะตั้งอยู่ไม่ได้ และทุกสรรพสิ่งก็จะต้องทุกข์ทรมาน”
ปรมาจารย์ขงพูดอย่างเคร่งขรึม
เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้หากโลกจะต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือนอกจากสละชีวิตของหนึ่งในพวกเรา
เพื่อรักษาโลกเอาไว้ เราจะร่วมมือกันปกป้องสวรรค์ไม่ได้หรือไง?”
จางเซวียนถาม
หากสวรรค์ถูกแบ่งแยกออกจากกัน เป็นไปได้ไหมหากพวกเขาจะ
รวบรวมแต่ละส่วนเข้าด้วยกันและทำให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ?
“ไม่ได้อย่างแน่นอน! สวรรค์เป็นสิ่งที่ไม่อาจถูกแบ่งแยก มันคงสภาพ
อยู่ได้ด้วยการผสมกลมกลืนอันแสนละเอียดอ่อน วิธีเดียวที่จะรักษา
ความมั่นคงของของมันไว้ได้ก็คือรวบรวมมันเข้าด้วยกันให้กลับสู่
สภาพเดิม การควบคุมสวรรค์จากแต่ละเศษเสี้ยวที่แยกจากกันนั้น
เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้” ปรมาจารย์ขงตอบ “ก็เหมือนกับชุดฟันเฟือง
หลายอันที่อยู่ในระบบหนึ่ง ๆ นั่นแหละ มันไม่อาจทำประโยชน์ได้
หากเราหยิบออกมาใช้งานทีละชิ้น”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาถามต่อ “ถ้า
เป็นอย่างนั้นจริง หลัวลั่วชิงก็คงรู้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เราอยู่ด้วยกันใน
ทวีปแห่งปรมาจารย์แล้วว่าผมควบคุมเศษเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์ไว้
แล้วทำไมเธอถึงไม่ฆ่าผม? คุณก็เหมือนกัน, ปรมาจารย์ขง ถ้าคุณ
อยากฆ่าผม ฆ่าเสียตรงนี้เลยก็ได้ แล้วนำเศษเสี้ยวของสวรรค์ที่ผมมี
อยู่ออกไป ทำแบบนั้น…คุณจะไม่ได้ประโยชน์หรือ?”
จางเซวียนไม่ได้โอหังจนจะคิดว่าตัวเขามีความสำคัญมากกว่าสรวง
สวรรค์ทั้งหมด ถ้าการสังหารเขาจะช่วยรักษาสรวงสวรรค์ไว้ได้ เขา
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงถึงไม่ทำแบบนั้น
อีกอย่าง ตอนที่เขาพบเธอเป็นครั้งแรกในทวีปแห่งปรมาจารย์ ตัวเขา
ก็เป็นแค่นักรบธรรมดาคนหนึ่งจากโลกเบื้องล่าง แถมทั้งคู่ยังไม่ได้มี
ความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน จึงไม่มีเหตุผลเลยที่หลัวลั่วชิงไม่จัดการเขา
ตั้งแต่ตอนนั้น
ส่วนปรมาจารย์ขง…ถ้าอีกฝ่ายได้หอสมุดเทียบฟ้าไป ก็จะแข็งแกร่ง
ยิ่งกว่าเดิม เพิ่มโอกาสให้เขาพัฒนาตัวเองไปจนเหนือชั้นกว่าหลัวลั่ว
ชิงและเอาชนะเธอได้ในการดวลที่ใกล้เข้ามาทุกที แล้วทำไมเขาถึง
ไม่ทำ?
ยังไม่ต้องพูดถึงการช่วยชีวิตสรวงสวรรค์ แค่การได้มีอำนาจควบคุม
สรวงสวรรค์ก็หมายถึงความเป็นสุดยอดของโลกใบนี้แล้ว นั่นคือ
ความเย้ายวนใจครั้งใหญ่ที่ไม่น่ามีใครต้านทานได้
“ฆ่าคุณ?” ปรมาจารย์ขงมองจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเป็นประกายก่อน
จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าผมจะช่วยทั้งสรวงสวรรค์ได้ด้วยการฆ่า
คุณ ผมก็คงยอมเป็นคนบาปและทำแบบนั้นไปแล้ว แต่มันไม่ได้ผล
หรอก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่ตอนนี้”
“เพราะอะไร?” จางเซวียนตั้งคำถาม
เขาไม่เข้าใจว่าตัวเขากับหลัวลั่วชิงต่างกันตรงไหน
ทั้งคู่มีเศษเสี้ยวสวรรค์อยู่ในครอบครองเหมือนกัน แล้วทำไมเศษ
เสี้ยวสวรรค์ที่เขามีถึงยังไม่ถูกฉกฉวยไป? เพราะเขาอ่อนแอเกินไป
ใช่ไหม?
“คุณยังไม่ได้เป็นจอมราชันย์เหมือนพวกเรา” ปรมาจารย์ขงตอบ
“ต่อเมื่อสำเร็จวรยุทธระดับนั้น เศษเสี้ยวของสวรรค์ในตัวคุณถึงจะ
เติบโตและมีอำนาจเต็มที่ ไม่อย่างนั้น อำนาจและพละกำลังที่ไม่
สมดุลจะทำให้การหลอมรวม 2 เสี้ยวเข้าด้วยกันเป็นเรื่องที่ไม่อาจทำ
ได้ และความกลมกลืนที่เคยมีอยู่ก็อาจพังทลาย”
จางเซวียนพยักหน้า
หากจะมองเศษเสี้ยวแต่ละส่วนของสวรรค์เป็นอำนาจที่แยกจากกัน
เรื่องสำคัญสูงสุดก็คือการปรับอำนาจนั้นให้สมดุลก่อนจะผสมผสาน
มันเข้าด้วยกัน ไม่อย่างนั้น อำนาจหนึ่งก็จะกดข่มอีกอำนาจหนึ่ง
ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและไม่ผสมกลมกลืน
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น แทนที่จะได้ช่วยโลกใบนี้ไว้ ก็อาจลงเอยด้วย
การที่เขาทำร้ายทุกคน
“สรวงสวรรค์กับสวรรค์?” จางเซวียนพึมพำอย่างขมขื่น
ไม่แปลกอะไรที่ทุกคนพูดกันว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงการดวลแบบชี้
เป็นชี้ตายครั้งนี้ได้ ตอนนี้เขาพอดูออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่คือชะตากรรมที่ถูกลิขิตให้พวกเขาทั้งสามคน หากพยายามบ่าย
เบี่ยงชะตากรรมนี้ ก็หมายถึงจุดจบของโลก
“ไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ หรือ?” จางเซวียนถาม