Love Comedy Manga ni Haitte shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru - ตอนที่ 34
<มุมมองของ ฮิซามูระ สึคาสะ>
“ไม่อยากเชื่อว่าหมอนั่นจะสลบเหมือดไปซะได้… สมกับที่เป็นตัวเอกในมังงะเลิฟคอมเมดี้จริงๆ”
ผมเฝ้ามองการโต้เถียงที่อย่างกับฉากนองเลือดของทั้งสามอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
เจ้าพวกบ้าสามหน่อนั่นเล่นคุยกันดังจนเเทบจะตะโกนอยู่เเล้วนี่นะ จึงไม่เเปลกที่จะลอยมาถึงหูเเม้จะอยู่ไกลก็ตามที
ยังไงดีล่ะจะว่ารู้สึกอิจฉาหมอนั่นพร้อมๆกับเห็นใจไปด้วยก็คงได้…
การที่มีสองสาวซึ่งทั้งสวยเเละน่ารักมาชอบเเละสารภาพรักมันก็น่าอิจฉาตาร้อนอยู่หรอก เเต่ในฐานะสุภาพบุรุษเเล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ที่เฟติชอันดํามืดที่ซ่อนเร้นไว้ของเขาต้องถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้….
อะ.. เอาเถอะ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีเฟติชประหลาดๆเป็นพิเศษด้วย คงไม่ต้องกังวลหรอกมั้ง
อื้ม เป็นเรื่องจริงเเท้เเน่นอน
ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเหมือนกันนะเนี่ยว่าสถานการณ์มันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้
เเหงอยู่เเล้วว่าในเนื้อหาต้นฉบับย่อมไม่มีฉากที่ทั้งคู่มาสารภาพรักกับยูอิจิ ณ สถานที่เเบบนี้
เพราะขืนทําอย่างนั้นเนื้อเรื่องก็เเทบจะเข้าบทสุดท้ายพอดีสิ
ตามจริงเดทของยูอิจิกับฟุจิเสะควรจะจบลงตั้งเเต่ตรงนี้เนื่องจากถูกโทโจวอินซังเข้ามาขัดขวางเเล้ว
ต่อจากนั้นเนื้อเรื่องก็ค่อยดําเนินต่อไปเรื่อยๆ… เเต่ด้วยความที่ผมลงมือตามพลการไปหลายอย่างส่งผลให้ทั้งคู่สารภาพรักกับยูอิจิไปเสียก่อน
กระทั่งเนื้อเรื่องในปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรเเบบนี้เกิดขึ้นเลย
ไม่สิ หากอิงตามต้นฉบับยูอิจิคงจะล่วงรู้ถึงความรักที่โทโจวอินซังมีต่อเขาเเล้วกระมัง?
อย่างไรก็ตามต่อให้นับรวมสองคนนั้นเข้าไปก็ยังไม่มีใครสารภาพรักกับยูอิจิโต้งๆอยู่ดี
เเต่ ณ ที่นี่ เวลานี้ พวกเขาทั้งสองได้สารภาพรักไปเเล้วเนี่ยสิ
ยิ่งกว่านั้นความจริงคนที่ต้องเเก้ปัญหาร้าวฉานระหว่างโทโจวอินซังกับพ่อของเธอควรจะเป็นยูอิจิต่างหาก
เเละด้วยความวู่วามผมจึงทําหน้าที่นั้นเเทนเขา
ก็ถ้าไม่ลงมือทําอะไรสักอย่างโทโจวอินซังอาจจะไม่ยอมเคลื่อนไหวนี่นา…
“…ขอโทษนะ เซย์จัง”
ผมส่งเสียงเรียกเซย์จังผู้เเย้มยิ้มที่ยืนอยู่เคียงข้าง พวกเราลอบมองการโต้วาทีของทั้งสามคนมาด้วยกันจนถึงตอนนี้
“หืม? สําหรับอะไรล่ะ?”
“เเบบว่า… ท้ายที่สุดดูเหมือนคนที่ขัดเเข้งขัดขายูอิจิกับฟุจิเสะมากที่สุด น่าจะเป็นชั้นเองนี่เเหละ”
ทั้งๆที่เซย์จังไม่อยากให้โทโจวอินซังเข้ามายุ่มย่ามกับเดทอันเเสนพิเศษของยูอิจิกับฟุจิเสะเเท้ๆ
หากผมไม่ทําเเบบนั้นลงไปฟุจิเสะกับยูอิจิคงจะผ่านเดทนี้เเละตกลงคบหากันได้ด้วยดีโดยที่ไม่มีโทโจวอินซังเข้ามาขวางทาง
ทุกอย่างเป็นเพราะผมเข้าข้างโทโจวอินซัง…
“ขอโทษจากใจจริงเลย”
“…ฟุฟุ นายเองก็ทําสีหน้าเเบบนั้นเป็นเหมือนกันสินะ”
“เอ่อ?”
พอผมก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อขอโทษขอโพย เซย์จังกลับมอบรอยยิ้มอันอ่อนโยนกลับมาให้เเทน
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตซะหน่อย เเต่ขอถามเผื่อไว้ละกัน ระหว่างชิโฮะกับโทโจวอินนายอยากให้คนไหนคบกับชิเกโมโตะมากกว่ากันล่ะ?”
“…เรื่องนั้นคนที่ต้องตัดสินไม่ใช่ชั้นหรือเซย์จัง เเต่เป็นยูอิจิไม่ใช่เหรอ”
“อืม ตามนั้นล่ะ เเต่จากท่าทีที่ฉันเห็นจากนาย นายคงอยากให้ชิเกโมโตะคบกับโทโจวอินล่ะสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก สําหรับชั้นจะคนไหนก็ไม่เกี่ยง เเต่ที่สําคัญคือชั้นอยากให้ยูอิจิมองทั้งคู่อย่างถี่ถ้วนเเละค่อยเลือก”
“…จะสื่อถึงอะไรน่ะ?”
“เรื่องที่โทโจวอินซังชอบยูอิจิคงจะรู้อยู่เเล้วสินะ เเต่ยูอิจิดันไม่ทราบถึงเรื่องนั้น หากเป็นเด็กผู้ชายทั่วๆไปคงจะสังเกตเห็นทันทีเลยด้วยซํ้า”
“ก็นะ เล่นเข้าใจง่ายซะขนาดนั้น ใครๆก็น่าจะดูออกหมด”
“อืม ทั้งๆที่ใครๆก็ดูออกเเท้ๆ เเต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกตัวเสียได้ โทโจวอินซังก็น่าสงสารอยู่นะ”
“จริงด้วย”
เจ้าหมอนั่นก็สุดยอดเเฮะที่ไม่รู้สึกตัวมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ช่างสมกับเป็นพระเอกสายทึ่มประจํามังงะเลิฟคอมเมดี้ซะจริง
“เพราะอย่างนั้นชั้นเลยคิดว่าจะช่วยเเค่ตรงจุดนั้นสักหน่อย เลยตัดสินใจว่าจะยอมเป็นพันธมิตรจนกว่าความรู้สึกของโทโจวอินซังจะสื่อไปถึงยูอิจิ”
“…เป็นอย่างนั้นเองเหรอ”
“ฉะนั้นต่อจากนี้ชั้นคงไม่เข้าข้างโทโจวอินซังเเล้วเเละบางทีน่าจะรวมถึงฟุจิเสะด้วย”
“…งั้นเดิมทีนายก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดโทโจวอินไม่ให้เข้ามาขัดขวางเดทในวันนี้เเต่เเรกเเล้วสินะ”
“อึก… ขอโทษอย่างสุดซึ้ง ถึงจะลังเลมากเลยก็เถอะ เเต่ก็อย่างที่เธอพูดนั่นเเหละ…”
พูดให้ถูกคือผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าตัวเองกับเซย์จังจะยับยั้งโทโจวอินคนนั้นไหว หากเธอคิดเข้ามาขัดขวางอย่างจริงจัง
ด้วยเหตุนี้เรื่องที่ผมไม่ได้มีไฟที่จะหยุดโทโจวอินให้ได้ดั่งเซย์จังจึงเป็นความจริง
“เห้อ… ช่างเถอะ ฉันพอเข้าใจอยู่ว่านายทําไปเพราะนึกถึงชิเกโมโตะกับโทโจวอิน เเต่ถ้าอย่างนั้นนายก็ไม่จําเป็นต้องมาสวนสนุกด้วยกันกับฉันเพื่อสกัดโทโจวอินเลยนี่”
“มันก็ใช่อยู่หรอก… เเต่เเค่คิดว่าจะได้ไปเดทที่สวนสนุกกับเซย์จังสองต่อสอง มันก็น่าดึงดูดจนต้องมาเเล้วล่ะ”
“หา!? งะ.. งั้นเหรอ…”
พูดตามตรงหากเป็นคําขอร้องของยูอิจิเพียงอย่างเดียว ผมคงไม่ถ่อมาถึงสวนสนุกหรอก
ตอนที่ได้ยินว่าเซย์จังจะไปสวนสนุกเพียงเพื่อฟุจิเสะ ผมก็คิดขึ้นมาทันทีว่าจะปล่อยเซย์จังไปคนเดียวไม่ได้พร้อมตั้งปฏิญาณเเน่วเเน่ว่าจะตามมาด้วย
…เอาเถอะ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกําลังจะได้ไปเดทกับเซย์จังเเล้ว อะไรอย่างการหยุดยั้งโทโจวอินซังก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สลักสําคัญทันที
“ขอโทษจริงๆ เซย์จังอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาพยายามเพื่อฟุจิเสะเเท้ๆ”
“มะ.. ไม่เป็นไรหรอก เเถมฉันก็ไม่ได้ทําประโยชน์ระหว่างที่อยู่ในสวนสนุกนี้สักเท่าไหร่ด้วย ยิ่งกว่านั้นเมื่อกี้ยังไปได้ยินว่าโทโจวอินมีปัญหาบางอย่างกับพ่ออีก… ฉันเองก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าไปห้ามเหมือนกัน ฉะนั้นถือว่าเราเจ๊ากันเถอะ”
“…ขอบใจมากนะ”
ผมชอบเซย์จังที่มักจะอ่อนโยนเเละเท่ในเวลาเเบบนี้ที่สุดเลย
คิดว่าบางทีความเเตกเเยกระหว่างโทโจวอินซังกับพ่อคงจะถูกชําระล้างจากสายโทรศัพท์เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้นเเล้ว
ดูท่าคงต้องขอบคุณข้อมูลความรู้เกี่ยวกับต้นฉบับซะเเล้วล่ะ
บิดาของโทโจวอินซังเป็นคนที่เอาใจใส่ลูกสาวอย่างเเท้จริง
เขาเป็นคนที่งานยุ่งเพราะเป็นถึงประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนําระดับโลก ถึงอย่างนั้นเขาก็มักจะหาเวลาอย่างน้อยเดือนล่ะครั้งเพื่อมารับประทานอาหารกับลูกสาวอยู่เสมอ
หากเมินเฉยต่อลูกสาวเเละอุทิศตนให้กับงานจริงๆ เขาคงไม่เสียเวลามาทําเรื่องพรรค์นั้นด้วยซํ้า
นอกจากนี้สายโทรศัพท์เมื่อสักครู่ยังเป็นการเดิมพันของผมว่าเขาจะรับหรือไม่อีกด้วย
เเต่ผมก็มั่นใจว่าโอกาสที่เขาจะรับสายมีสูงกว่า
นั่นก็เพราะพ่อของโทโจวอิน คาโอริ พกโทรศัพท์มือถือไว้หลายเครื่อง เเต่เครื่องที่เขาใช้เป็นการส่วนตัวมีอยู่เพียงเครื่องเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลติดต่อในนั้นยังมีอยู่เเค่สองรายชื่อ
นั่นคือโทโจวอิน คาโอริ ลูกสาวของเขา… กับภรรยาที่จากไปเมื่อนานมาเเล้ว
เขาพกโทรศัพท์ที่มีเบอร์ติดต่อเพียงสองรายชื่อนั่นติดตัวอยู่ตลอด
กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็จะทราบได้ทันทีว่าเป็นสายที่ส่งตรงมาจากลูกสาวสุดที่รัก
ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าบิดาที่ได้เห็นในต้นฉบับคนนั้นผู้รัก โทโจวอิน คาโอริ จากก้นบึ้งของหัวใจจะต้องรับสายอย่างเเน่นอน
ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นั้นเรียกว่าเยี่ยมยอดเหนือความคาดหมายทีเดียวเชียว
ขณะที่โทโจวอินซังพูดคุยกับพ่อผ่านทางโทรศัพท์ เสียงของเขาก็ลอยมาถึงหูทางนี้ด้วยเช่นกัน… ทําเอาซะผมอยากร้องห่มร้องไห้ด้วยคนเลย
รู้สึกตื้นตันใจสุดๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นฉากอันเเสนโด่งดังในต้นฉบับเเสดงสดอยู่เบื้องหน้า
ตอนนั้นผมกลั้นนํ้าตาไม่ให้ไหลพรากอย่างสุดชีวิตเลยล่ะ
“สุดท้ายชิเกโมโตะจะเลือกคบกับใครนะ”
“หืม? นั่นสิ จะเป็นยังไงหว่า น่าจะยังไม่ได้ฟังคําตอบในวันนี้หรอก เเถมต่อจากนี้ทั้งคู่คงจะรุกใส่ยูอิจิอย่างไม่ลดละด้วย… หมอนั่นจะเลือกไหวเร้อ?”
“หืม ส่วนตัวยังไงก็อยากให้เลือกเพื่อนสนิทของฉันอย่างชิโฮะอยู่ดีนั่นเเหละ… มีเเต่ต้องรอให้ชิเกโมโตะตัดสินใจเท่านั้นสินะ”
“ตามนั้นเลย ถ้าสองคนนั้นคิดจะรุกใส่ยูอิจิต่อไปเรื่อยๆ ดูท่าจะเป็นการเเข่งขันว่าใครจะพิชิตใจเขาได้ก่อนล่ะมั้ง? ตอนสารภาพรักต่างฝ่ายก็ต่างโชว์เสน่ห์ของตัวเองเต็มที่เลยนี่”
“จะ.. จริงด้วยนะ…”
หืม? จู่ๆเซย์จังก็หน้าขึ้นสีด้วยความขวยเขินซะอย่างงั้น
ทําไมกันนะ… อ๊ะ!
งั้นเหรอ! จะว่าไปไอเรื่องโชว์เสน่ห์ตอนสารภาพรักเมื่อตะกี้นี่มันเผยความต้องการทางเพศเเละเฟติชของสามหน่อนั่นหมดเลยนี่หว่า!
ก็เล่นคุยกันใหญ่เลยนี่ว่าใครเป็นฝ่ายรุกเอย ใครเป็นฝ่ายรับเอย
ถึงยูอิจิจะไม่ได้ปริปากออกมาสักเเอะเลยก็เถอะ การที่หมอนั่นต้องถูกเปิดโปงเฟติชจนหมดเปลือกปานนั้น ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
เซย์จังไม่มีความคุ้นชินต่อบทสนทนาลามกจกเปรตจําพวกนี้สักเท่าไหร่
อย่างไรถ้าจําไม่ผิดในต้นฉบับรู้สึกจะมีบรรยายไว้เหมือนกันว่าเธอไม่คุ้นชินก็จริง เเต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกสนใจนิดหน่อยด้วย… พอเเค่นี้ก่อนดีกว่า ขืนมโนเลยเถิดกว่านี้มีหวังเลือดกําเดาไหลออกมาอีกเเหงๆ
“ละ.. เเล้วนาย… เป็นสายไหนล่ะ?”
“หืม? เอ๊ะ หมายถึงอะไรเหรอ?”
“เอ่อ… เเบบ… อะ.. เอาเป็นว่า! ไม่มีอะไรทั้งนั้นเเหละ!”
ดูเหมือนเธอจะพยายามถามบางอย่าง เเต่ล้มเลิกไปกลางทาง
เเม้จะสงสัยอยู่บ้างว่าเธออยากรู้อะไร… เเต่ดูท่ามันจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียมากกว่า ไม่ซักไซ้สุ่มสี่สุ่มห้าคงจะดีกว่าเเฮะ
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides