Love Comedy Manga ni Haitte shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru - ตอนที่ 9
***เปลี่ยนชื่อตัวละครจาก ฮิซามูระ รินเกะ เป็น ฮิซามูระ ริเอะ (凛恵りえ) เเทนครับ***
***เปลี่ยนคําเรียกจาก โอนี่จัง ไปเป็น พี่ เเต่อาจใช้ โอนี่จัง เป็นบางครั้ง***
หลังจากนั้น ชั้นก็ออกจากบ้านมาพร้อมกับริเอะเเละเเน่นอนว่าต้องไม่ลืมที่จะล็อคกุญแจบ้าน
ระยะทางระหว่างบ้านของพวกเราไปยังโรงเรียนอยู่ในระยะที่สามารถไปได้โดยที่ไม่จําเป็นต้องใช้รถไฟในการเดินทาง
ถึงอย่างนั้นถ้าเดินไปตามปกติก็ต้องใช้เวลาขั้นตํ่าสี่สิบนาทีเลยทีเดียว ปกติชั้นเลยจะปั่นจักรยานไปตลอด
“พี่ วันนี้หนูก็ขอซ้อนท้ายไปด้วยนะ”
“อา เเน่นอนว่าพี่ไม่มีปัญหาหรอก..”
“หืม? เป็นอะไรไปเหรอ?”
ไม่คิดเลยนะว่าวันที่ชั้นให้เด็กผู้หญิงซ้อนท้ายจักรยานจะมาถึงเนี่ย
ถึงเด็กผู้หญิงที่ว่าจะเป็นน้องสาวของชั้นก็เถอะ
เเต่จะว่าไปมันถูกกฎหมายหรอ?
มันก็มีเรื่องเเบบนี้ในพวกมังงะเลิฟคอมเมดี้หรือนิยายอยู่หรอก พวกที่เเสดงถึงการขี่จักรยานซ้อนท้ายน่ะ เเต่ถ้าเป็นในโลกเเห่งความจริงคงมีปัญหาด้านกฎหมายหลายๆอย่างตามมาเเน่ๆ
อืม พอมาลองคิดดู
โลก “โอโจ้วจามะ” เเห่งนี้ก็เป็นโลกมังงะเลิฟคอมเมดี้เหมือนกันบางทีเรื่องกฎหมายคงไม่มีปัญหาหรอก
“คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง.. ริเอะ ขึ้นนั่งดีๆรึยัง? พี่จะไปเเล้วนะ”
“อืม ไม่มีปัญหา”
เอาล่ะ งั้นออกเดินทางกันเลย!
ดูเหมือนตอนขยับครั้งเเรกจะรู้สึกหนักกว่าตอนปั่นคนเดียวอยู่หรอก เเต่หลังจากปั่นไปสักพักก็รู้สึกว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเเฮะ
ถึงจะรู้สึกเหนื่อยทุกครั้งที่ต้องหยุดตามไฟจราจรก็เถอะ เเต่ถ้าเพื่อน้องสาวสุดเเสนจะน่ารักเเล้วมันก็เเค่ของกล้วยๆล่ะนะ
เเล้วชั้นก็ปั่นไปโรงเรียนทั้งอย่างนั้น จนมาถึงที่ประจําของชั้น
ไม่สิ ถึงจะบอกว่าที่ประจําเเต่ก็เเค่ของ ฮิซามูระ สึคาสะ ในโลกนี้เท่านั้นเเหละ ชั้นพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งเเรกเลย
ก่อนที่จะถึงโรงเรียน ชั้นจะมาส่งริเอะตรงจุดนี้ตลอด
เพราะงั้นริเอะถึงเร่งให้ชั้นรีบไปก่อนตลอด เพราะถ้าชั้นไม่รีบอาจทําให้ส่งเธอช้าเเละเธออาจจะไปสายได้
“งั้นหนูไปล่ะ ขอบใจนะ พี่”
“ถึงจะบอกมาตลอดก็เถอะ เเต่พี่ไปส่งให้ถึงโรงเรียนเลยก็ได้นะ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหนูเดินไปจากตรงนี้เอง พี่ปั่นจักรยานไปก่อนเลยก็ได้”
อย่างที่คิดริเอะคงไม่อยากให้ใครรู้สินะว่าเธอซ้อนจักรยานมากับพี่ชายของเธอน่ะ
“อืม เข้าใจเเล้วล่ะ เเต่นานๆทีไปโรงเรียนด้วยกันก็ได้นะ เเบบนั้นน่าสนุกกว่าใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่หนิ.. บางครั้งตอนเดินไปโรงเรียนหนูก็เจอเพื่อนด้วย”
“ย.. อย่างงั้นหรอ..”
มันก็ต้องเป็นเเบบนั้นสินะ ถ้าเดินทางไปด้วยจักรยานอย่างเดียว ช่วงเวลาวัยรุ่นที่ได้เดินไปโรงเรียนด้วยกันกับเพื่อนคงจะหายไปหมดสินะ
ในโลกเดิมหลังจากเดินทางด้วยรถไฟเสร็จชั้นก็เดินไปโรงเรียนเหมือนกัน เพราะงั้นความสนุกที่ได้พบกับเพื่อนระหว่างทางเดินไปโรงเรียนชั้นรู้ดีเลยล่ะ
ชั้นเองก็ลองเดินไปโรงเรียนในโลกนี้บ้างดูดีไหมนะ
เเต่มันทั้งไกลเเถมยังมีริเอะอยู่ด้วยนี่นะ…
“ถ.. ถ้านานๆทีก็คงไม่เป็นไรหรอก”
ไม่รู้ว่าเพราะกังวลที่เห็นชั้นรู้สึกซึมรึเปล่า ริเอะเบี่ยงสายตาอย่างอายๆเเละพูดออกมาเเบบนั้น
“..ริเอะ! ขอบใจนะ!”
ชั้นดีใจมากจนเผลอลูบหัวของริเอะไปอีกครั้ง
“ทําอะไรน่ะ.. ต..ตาพี่บ้า! อย่ามาลูบหัวในที่เเบบนี้สิ!”
“โทษทีนะ งั้นพี่ไปก่อนล่ะ อย่าไปสายนะ ริเอะ”
ชั้นรีบขึ้นขี่จักรยาน ก่อนที่จะโดนเธอทุบอีกรอบ
“อ๊ะ โถ่ว.. ตาพี่บ้า..”
เสียงเช่นนั้นดังมาถึงหูของชั้น ถึงจะถูกบอกว่าบ้าก็เถอะเเต่วิธีการพูดของเธอมันน่ารักเกินไป จนทําให้ชั้นไม่รู้สึกโกรธขึ้นมาเลย
หลังจากปั่นจักรยานไปไม่กี่นาทีชั้นก็เจอกับคนรู้จักที่กําลังเดินอยู่ข้างหน้า
ถึงจะบอกว่าคนรู้จักก็เถอะ หมอนั่นมัน..
“โอ้ย! ยูอิจิ!”
“หืม? โอ้ สึคาสะ หรอ”
หมอนี่เเหละคือ ชิเกโมโตะ ยูอิจิ ตัวเอกจากมังงะเรื่อง “เพราะมีลูกคุณหนูที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กขัดขวางอยู่ เลิฟคอมธรรมดาๆคงเป็นไปไม่ได้”
เขามีผมสีดําสั้นเเละยังมีใบหน้าที่ดูสะอาดสดใสพูดสั้นๆก็พวกหล่อนั่นเเหละ
เรื่องส่วนสูงเพราะอยู่ในชมรมบาสเกตบอลเลยค่อนข้างสูงอยู่เเล้ว เห็นว่าสูงกว่า 180 เซ็นเลยทีเดียว
ชั้นปั่นไปข้างๆยูอิจิก่อนจะลงจากจักรยานเเละค่อยๆเดินเคียงข้างเขา
“โย่ว! ไม่มีฝึกช่วงเช้าของชมรมบาสหรอ?”
“อา วันนี้ไม่มีหรอก เพราะอย่างนั้นชั้นเลยหลับได้เต็มอิ่มเลยดีจริงๆ”
“งั้นเหรอ อย่างที่คิดเเม้เเต่เอสของชมรมบาสก็ยังต้องพักในวันหยุดเหมือนกันสินะ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่เเล้วสิ การพักก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเหมือนกันนะ”
ยูอิจิเป็นพวกที่มีทักษะทางกีฬาสูง เห็นว่าได้เป็นเอสของชมรมบาสตั้งเเต่ยังอยู่ปีหนึ่งเลยล่ะ
เเถมยังมีใบหน้าที่หล่ออีก เเน่นอนอยู่เเล้วว่าหมอนี่จะเนื้อหอม
เรื่องนิสัยในฐานะที่เป็นเพื่อนชั้นรู้ดีว่าหมอนี่ก็เป็นคนนิสัยดีทั่วๆไป
ยูอิจิมีส่วนประกอบที่ทําให้เนื้อหอมตั้งหลายอย่าง เเต่หมอนี่กลับเข้าใจผิดว่าตัวเองไม่เนื้อหอมซะงั้น
สาเหตุที่ทําให้หมอนี่เข้าใจผิดไปเเบบนั้นก็เป็นเพราะเพื่อนสมัยเด็กของเขา โทโจวอิน คาโอริ
เพราะยูอิจิถูกโทโจวอินชอบมาตั้งเเต่สมัยอนุบาลเเล้ว ทําให้เธอใช้อํานาจกดดันผู้หญิงรอบๆตัวไม่ให้เข้าใกล้เขา
ทั้งๆที่หมอนี่เท่ขนาดที่สามารถมีเเฟนคลับของตัวเองได้เลยเเท้ๆ เเต่ปัจจุบันหมอนี่ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่เท่เเละไม่เนื้อหอมอยู่
ถึงมันจะเป็นความผิดของโทโจวอินก็เถอะ จะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็คงได้ล่ะนะ
เเต่ว่ายูอิจิที่เป็นเเบบนั้นพอขึ้น ม.ปลาย ก็มีคนที่ชอบขึ้นมา
เธอคนนั้นคือนางเอกอีกคนนึง ฟุจิเสะ ชิโฮะ
“จะว่าไป ยูอิจิ ชั้นได้ยินเรื่องเเล้วนะ ในที่สุดนายก็ชวนฟุจิเสะไปเดทสักทีสินะ”
“ห๊ะ!? น.. นายไปได้ยินเรื่องนั้นมาจากไหนน่ะ!?”
“เเน่นอนว่าเป็นเเค่ข่าวลือลอยๆเฉยๆ”
“ย.. อย่าบอกนะว่านายปลุกพลังเเห่งลมที่อยู่ในตัวนายขึ้นมางั้นเหรอ!?”
“หึ.. ถ้าชั้นเเกว่งเเขนล่ะก็ กระโปรงของเหล่าเด็กสาวจะ… คงพูดมากกว่านี้ไม่ได้เเฮะ”
“เอ๊ะ เอาจริงดิ? มี JK อยู่รอบๆตั้งเยอะด้วย ทํามันเลยสิ” [ JK = เด็กสาวม.ปลาย ]
“นายนี่นะ อย่าเรียกเด็กหนุ่มม.ปลายว่า JK สิฟะ”
พวกเรารู้สึกสนุกไปกับการคุยอย่างร่าเริงที่เหมือนกับเด็กผู้ชายม.ปลายทั่วๆไปเช่นนั้น
ถึงอย่างนั้นก็เถอะชั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าจะได้เข้ามาในโลกของ “โอโจ้วจามะ” เเละยังมาคุยเรื่องไร้สาระกับตัวเอกได้เเบบนี้เนี่ย
ถึงจะไม่รู้สึกดีเท่ากับตอนที่ได้คุยกับเซย์จังก็เถอะ เเต่ถ้าพูดตามตรงในฐานะโอตาคุชั้นรู้สึกดีใจมากๆเลยล่ะ
“เเล้วจริงๆนายได้ยินมาจากใครล่ะ?”
“เเน่นอนว่าจากฟุจิเสะ.. ก็อยากจะพูดเเบบนั้นอยู่หรอก เเต่ชั้นเเค่บังเอิญไปได้ยินฟุจิเสะคุยกับเซ.. ชิมาดะเฉยๆน่ะ”
“เอาจริงดิ.. เเล้วพวกเธอคุยเรื่องอะไรกันล่ะ?”
“เเน่นอนว่าต้องเป็น [ฉันถูกชิเกโมโตะคุงชวนไปเดทล่ะ เเต่มันรู้สึกน่าขยะเเขยงเกินไปน่ะ] คุยกันเรื่องนั้นเเหละ”
“อุก..!? น.. นี่นายล้อกันเล่นใช่มั้ยล่ะ..?”
“ฮ่าๆๆ ก็ล้อเล่นน่ะสิ”
“ถึงจะล้อเล่น เเต่มันจะติดอยู่ในใจชั้นไปตลอดนะ ช่วยหยุดทีเถอะ”
“ถ้าเป็นเเบบนั้นคงเเย่เเฮะ”
ถึงจริงๆเธอจะพูดเรื่องน่ารักสุดๆอย่าง ”ฉันควรจะสารภาพรักกับชิเกโมโตะคุงดีไหมนะ” ก็เถอะ เเต่ว่าเรื่องนั้นคงเป็นเรื่องที่ชั้นไม่สมควรพูดออกมาสินะ
“วันที่จะไปเดตนี่วันไหนล่ะวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้หรอ?”
วันนี้เป็นวันศุกร์ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้อีกสองวันจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
“วันอาทิตย์น่ะ วันนั้นชมรมบาสไม่มีฝึกซ้อมเเถมดูเหมือนฝั่งชมรมเทนนิสเองก็จะไม่มีซ้อมเหมือนกันล่ะ”
“งั้นเหรอ ถึงชั้นจะช่วยอะไรนายไม่ได้ก็เถอะ เเต่พยายามเข้าละกัน”
“อา เเน่นอนอยู่เเล้ว..”
“เเหม~ ดูเหมือนจะกําลังพูดเรื่องสนุกกันอยู่เลยสินะคะ ยูอิจิ”
ขณะที่ยูอิจิกําลังจะพยักหน้าอย่างเเข็งขันนั้น ชั้นก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงมาจากด้านหลัง
พวกเราตัวเเข็งทื่อไปทั้งๆที่ยังอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
กะ.. โกหกน่า.. ความคิดเช่นนั้นเเล่นเข้ามาในสมองพวกเราอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกเราขยับเหมือนกับหุ่นยนต์ ก่อนจะหันกลับไปด้านหลัง..
“อรุณสวัสดิ์นะคะ ยูอิจิ ฮิซามูระคุง”
“อะ.. อรุณสวัสดิ์นะ คาโอริ..”
“..อรุณสวัสดิ์ โทโจวอินซัง”
ตรงนั้นมีนางเอกหลักอีกคนนึง โทโจวอิน คาโอริ ที่มีสีหน้าสุดเเสนจะน่ากลัวอยู่
ผมสีทองของเธอซี่งส่องประกายอย่างงดงามยาวไปถึงหลังเเละปลิวไสวไปตามสายลม
มันเป็นผมที่สวยถึงขนาดสามารถเเสดงความงดงามของเธอออกมาได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว
เธอใส่เครื่องเเบบนักเรียนอยู่ เเต่ทั้งที่เป็นเครื่องเเบบนักเรียนปกติที่นักเรียนคนอื่นๆก็ใส่เหมือนกันเเท้ๆ เเต่ไม่รู้ทําไมเวลาใส่มันเธอถึงดูสง่างามกว่าคนอื่นๆ
ใบหน้าของเธอเองก็งดงามมากๆเช่นกัน เป็นความสวยงามที่ไม่ได้มาจากญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว
ถ้าจําไม่ผิดรู้สึกว่าเธอจะเป็นลูกเสี้ยวหรืออะไรสักอย่างนี่เเหละเเละดูเหมือนปู่ของเธอจะเป็นคนยุโรปอีกด้วย
“เเล้ว.. ยูอิจิ ดูเหมือนจะคุยกันอย่างสนุกสนานตั้งเเต่เช้าเลยนะคะ ถ้าไม่ว่าอะไรให้ดิฉันเข้าร่วมด้วยคนได้รึเปล่าคะ?”
“ไม่สิ คือว่า.. มันเป็นเรื่องที่มีเเค่ชั้นกับสึคาสะคุยกันได้น่ะ นั่นไงพวกเรื่องที่ผู้ชายเขาคุยกัน! เนอะ สึคาสะ?”
“จะ.. จริงด้วยสินะ ชั้นว่าโทโจวอินซังเองก็คงไม่อยากได้ยินหรอกใช่มั้ยล่ะ? เรื่องที่ยูอิจิสั่งให้ชั้นไปไล่เปิดกระโปรง JK เเถวๆนี้น่ะ”
“ชั้นไปพูดเรื่องเเบบนั้นตอนไหนฟะ!?”
ยูอิจิตบมุขของชั้นกลับมาด้วยพลังอันเปี่ยมล้น
ใจเย็นๆสิยูอิจิ ก่อนอื่นพวกเราต้องพยายามเปลี่ยนเรื่องให้ได้ก่อนนะ
“เเหม~ ถ้างั้นคุยกันเรื่องไหนเหรอ ยูอิจิ?”
“มะ.. ไม่ใช่ว่าชั้นสั่งหมอนี่ให้ไปไล่เปิดกระโปรงชาวบ้านหรอกนะ คือว่าสึคาสะอยู่ๆก็พึมพําออกมาน่ะสิว่า [เห้อ~ ถ้าพลังตาทิพย์ของชั้นตื่นขึ้น จะมองเห็นร่างเปลือยของเหล่าเด็กสาวม.ปลายไหมนะ] พึมพําออกมาเเบบนั้นเลยนะ?”
“ชั้นไปพูดเรื่องเเบบนั้นตอนไหนฟะ!?”
คราวนี้เป็นฝั่งชั้นที่ต้องตบมุขออกมา
“ตายจริง~ ฮิซามูระคุงจะเผยเเพร่ความปรารถนาของตัวเองไปทั่วไม่ได้นะคะ ถ้าจะทําก็ควรทําในที่เงียบๆคนเดียวซะนะคะ”
“โทโจวอินซัง นี่มีความทนทานกับเรื่องพวกนี้เยอะกว่าที่คิดอีกนะ”
“ดิฉันศึกษาไว้ตลอด เผื่อวันที่ยูอิจิจะรุกเข้ามาเสมอนั่นเเหละค่ะ”
“ดีจังเลยนะยูอิจิ คราวนี้อนาคตของนายในฐานะประธานของโทโจวอินกรุ๊ปก็ถูกตัดสินเเล้วล่ะ”
“รอก่อนสิ! นายทรยศชั้นเหรอ!”
หุบปากเฟ้ย ใครกันเเน่ที่เป็นคนทรยศก่อน ก็ชั้นเองนี่นะ
เเต่ว่าเเค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนเรื่องคุยได้เเล้ว..
“เเล้ว.. ยูอิจิ วันอาทิตย์นี้มีเเผนจะทําอะไรรึเปล่าคะ?”
โอ๊ะ ดูเหมือนจะวนกลับมาเรื่องเดิมอีกเเล้วเเฮะ
“คะ.. คือว่ามีกิจกรรมชมรมน่ะ”
“รู้สึกว่าตามกําหนดการวันอาทิตย์ชมรมวอลเลย์จะเป็นคนใช้ยิมนะคะ”
“ทําไมคาโอริถึงรู้ล่ะ ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ชมรมวอลเลย์เลยเเท้ๆ?”
“เพราะเป็นดิฉันไงล่ะคะ”
“สมกับเป็นโทโจวอินซังที่เป็นลูกสาวของคนที่ก่อตั้งโรงเรียนโทโจวอินขึ้นมาเลยเเฮะ”
ถึงบางทีมันจะไม่เกี่ยวกันเลยก็เถอะ เเต่ตอนนี้ชั้นชมไปก่อนละกัน
“ขอบคุณนะคะ ฮิซามูระคุง เเล้วมีเเผนอะไรสําหรับวันอาทิตย์ล่ะคะ? ถ้าไม่มีเเผนล่ะก็ทําไมไม่มาปาร์ตี้ที่บ้านดิฉันล่ะ? พวกเราสามารถเช่าเรือสําราญเเละจัดปาร์ตี้ที่นั่นเลยก็ได้นะคะ”
“เธอนี่มีเรือสําราญอยู่เยอะจริงๆเลยนะ”
จํานวนเงินที่เธอใช้ไปไม่ปกติสุดๆ
“ยะ.. ยังไงก็เถอะถึงชั้นจะไม่มีเเผนในวันอาทิตย์ เเต่ชั้นอยากจะพักน่ะ! ปกติชั้นต้องซ้อมบาสจนถึงเที่ยงเลยนี่นะ!”
“เอ๊ะ เป็นงั้นหรอกเหรอคะ ทั้งๆที่เมื่อวานชมรมบาสหยุดเเต่นายกลับพูดออกมาว่า [รีบๆซ้อมกันสักทีสิ วันหยุดอะไรนั่นชั้นไม่ต้องการหรอก] อยู่เเท้ๆเชียว เเต่จริงๆเเล้วคงอยากจะหยุดสินะ”
“ระ.. รอก่อนนะ เธอไปได้ยินเรื่องนั้นมาจากไหนน่ะ!? ถ้าจําไม่ผิดชั้นพูดเรื่องนั้นออกมาตอนกลางดึกของเมื่อวานนะ!?”
โอ๊ะ ยูอิจิชั้นว่านายไม่ถามไปมากกว่านั้นจะดีกับตัวนายเองมากกว่านะ
ด้านมืดของ โทโจวอิน คาโอริ นางเอกเพื่อนสมัยเด็กที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีองค์ประกอบของยันเดเระน่ะ ยังเร็วเกินไปสําหรับนาย
“เข้าใจเเล้วค่ะ ถ้ายูอิจิไม่คิดจะพูดล่ะก็.. ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันเองก็มีความคิดดีๆอยู่ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ดิฉันต้องไปโรงเรียนเเล้วด้วย ลาก่อนนะคะ ฮิซามูระคุง”
“ละ.. ลาก่อน”
หลังจากพูดเเบบนั้นออกมา โทโจวอิน ก็เดินไปสู่โรงเรียนในขณะที่สะบัดผมของเธอให้ปลิวไสวไปตามสายลม
ยูอิจิกับชั้นพวกเราตัวเเข็งทื่ออยู่ตรงนั้นไปสักพัก
“…สึคาสะ ถึงเมื่อกี้นายจะบอกว่าช่วยอะไรชั้นไม่ได้ก็เถอะ เเต่ดูเหมือนชั้นจะมีเรื่องเล็กๆให้นายช่วยหน่อยน่ะ”
“อืม ถึงชั้นจะจินตนาการออกว่านายจะขออะไรบ้าๆออกมาก็เถอะ เเต่ลองพูดออกมาหน่อยสิ?”
“ช่วยยับยั้ง โทโจวอิน คาโอริ ให้ทีสิ!”
“มันก็ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่เเล้วสิฟะ ลองคิดโดยใช้สามัญสํานึกดูสิ เเล้วเอ็งก็ระเบิดไปซร้าา!”
“ไหงเป็นงั้นล่ะ!?”
เอาล่ะ.. จะทํายังไงดีนะ
ว่าไปเเล้วการเดินเรื่องเเบบนี้ มันมีในต้นฉบับด้วยเหรอ?
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides