Love Comedy Manga ni Haitte shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru - ตอนที่ 11
…ในที่สุดก็ถึงหลังเลิกเรียนสักที
เหมือนกับที่หมอนั่นได้พูดไว้ในตอนพักเที่ยง ยูอิจิ ได้รีบออกจากห้องเรียนเพื่อไปทํากิจกรรมชมรม
“ขอโทษจริงๆนะ! เรื่องอธิบายสถานการณ์กับชักชวน ชิมาดะ ก็ขอฝากเป็นหน้าที่นายด้วยละกัน!”
“ชั้นเริ่มจะเเค้นนายขึ้นมาจริงๆเเล้วนะเนี่ย”
นั่นคือบทสนทนาสุดท้ายระหว่างชั้นกับยูอิจิในวันนี้
ทําไมถึงกลายเป็นว่าชั้นต้องมาคุยกับเซย์จังสองต่อสองด้วยล่ะ…!
ถึงชั้นจะรู้สึกดีใจสุดๆถ้าได้คุยกับเซย์จังสองต่อสองก็เถอะ เเต่มันต้องไม่ใช่ในสถานการณ์เเบบนี้สิ!
เพราะเรื่องเมื่อวานทําให้บรรยากาศระหว่างชั้นกับเซย์จังอึดอัดสุดๆเลยนะ!
ช่างเถอะ ยูอิจิเองก็คงไม่รู้เรื่องนั้นเเละชั้นก็ไม่คิดจะโทษหมอนั่นหรอก
ที่บรรยากาศอึดอัดเเบบนี้ส่วนนึงมันก็เป็นความผิดของชั้นเองเเหละ
เห้อ~ ไม่ไปก็คงไม่ได้สินะ… เเถมจะปล่อยให้เซย์จังรออยู่ตัวคนเดียวได้ยังไงล่ะ
ถึงจะยังรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อย ชั้นก็เก็บสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะออกจากห้องเรียนไป
พอชั้นออกจากโรงเรียนไปยังหน้าประตูทางเข้า ที่นั่นชั้นเห็นเซย์จังที่ยืนรออยู่ตัวคนเดียว
ผมสีเงินของเธอที่ไม่ค่อยยาวนักปลิวไสวไปตามสายลม ทิวทัศน์นั้นมันช่างงดงามเหลือเกิน
ทั้งๆที่เเค่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนเเท้ๆ ทําไมเธอถึงทําให้ชั้นหลงใหลได้ขนาดนี้กันนะ
“…อ๊ะ! ฮะ.. ฮิซามูระ เองเหรอ”
คงสัมผัสได้ล่ะมั้งว่าชั้นกําลังเดินเข้าไปใกล้ เซย์จังจึงพูดตะกุกตะกักออกมาเเบบนั้น
ถึงเมื่อวานจะถูกเรียกชื่อเหมือนกันก็เถอะ เเต่การที่ถูกโอชิของตัวเองเรียกชื่อนี่ให้ความรู้สึกดีจริงๆเลยนะ
ดีจังเลยที่ในโลกเดิมชั้นก็ชื่อ ฮิซามูระ สึคาสะ
“อึก.. คือว่าเวลานี้ไม่มีปัญหาสินะ?”
“นะ.. เเน่นอน! ชั้นเองก็ไม่มีกําหนดการจะทําอะไรหลังจากนี้อยู่เเล้วด้วย”
ถึงเซย์จังดูเหมือนจะมองมาที่ชั้นก็จริง เเต่เธอไม่ได้มองมาตรงๆ เธอเบี่ยงสายตาหลบไปทางขวาของตัวชั้นเล็กน้อย
“คะ.. คือว่า เเล้วชิเกโมโตะล่ะ?”
“อ๊ะ! เจ้ายูอิจิดูเหมือนจะมีกิจกรรมชมรมเลยไม่มีเวลามาพบหลังเลิกเรียนน่ะ”
“ห๊ะ? ทั้งๆที่หมอนั่นมีธุระอยู่เเล้วเเท้ๆ ก็ยังเรียกพวกเราออกมาเนี่ยนะ?”
“อื้ม ทั้งๆที่มีธุระอยู่เเล้วเเท้ๆ ก็ยังเรียกพวกเราออกมา”
“หมอนั่น คิดอะไรอยู่กันเเน่นะ…”
“เรื่องนั้นชั้นก็เห็นด้วยเหมือนกัน”
“ปะ.. เเปลว่า.. ตอนนี้พวกเราอยู่กันสองต่อสองเหรอ..” (พึมพํา)
“หืม? เซย์จ.. ชิมาดะ ได้พูดอะไรออกมารึเปล่า”
“มะ.. ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักหน่อย!”
เกือบไป! ชั้นเกือบจะเผลอเรียกเซย์จังไปอีกเเล้วเเฮะ
ฮิซามูระในโลกนี้น่ะปกติจะเรียกเซย์จังด้วยนามสกุลเฉยๆ
ถ้านี่ไม่ใช่ความฝันล่ะก็ การจะให้เรียกเซย์จังว่าเซย์จังตรงๆน่ะ มันยังยากเกินไปสําหรับชั้น
สําหรับเรื่องเมื่อวานมันเเก้ไขไม่ได้เเล้ว คงช่วยไม่ได้หรอก
ชั้นคงได้เเต่หวังให้เซย์จังลืมมันไปเท่านั้นเเหละ… เเต่คงจะเป็นความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงสินะ
“ละ.. เเล้วเรื่องที่ชิเกโมโตะอยากจะบอกคืออะไรเหรอ? ถ้าจําไม่ผิดเป็นเรื่องของวันอาทิตย์ที่พวกเขาทั้งคู่จะไปเดทกันใช่ไหม”
“อื้ม! ใช่เเล้วล่ะ ก่อนอื่นจะพูดตรงนี้ก็ลําบาก เดินไปคุยไปกันดีกว่า”
เพราะนี่เป็นหน้าประตูโรงเรียนทําให้มีนักเรียนคนอื่นๆอยู่เต็มไปหมด
ถ้าเกิดชายหญิงยืนคุยกันเเถวนี้ คงจะโดดเด่นในหลายๆความหมายเเน่ๆ
ถึงเเค่ยืนเฉยๆเซย์จังก็น่ารักซะจนดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างเเล้วก็เถอะ
“ขะ..เข้าใจเเล้ว งั้นทําไมพวกเราไม่ไปคาเฟ่เเถวๆนี้ดูล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้รับคําเชื้อเชิญเเบบนั้น ชั้นจึงเผลอตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ใช่นะ! นั่นไง ฉันคิดว่าจะคุยกันยาวน่ะสิ จะให้ยืนคุยมันก็อาจจะลําบากไง! ก็เลยอยากหาที่ให้พวกเราได้คุยกันอย่างใจเย็นน่ะ! เป็นอย่างนั้นจริงๆนะ! คือว่า… ไม่ได้งั้นเหรอ…?”
“เเน่นอนว่า ไม่มีปัญหาครับ!”
ชั้นหลุดพูดอย่างเป็นทางการออกมา
ช่วยอย่าช้อนตามองกันด้วยสีหน้ากังวลใจเเบบนั้นสิครับ ถ้าทําเเบบนั้นต่อให้จะขออะไรผมก็ยอมทําตามหมดนั่นเเหละ
ยกตัวอย่างเช่น [นายช่วยตาย.. จะได้ไหมนะ~?] ต่อให้ถูกบอกออกมาเเบบนั้น ชั้นก็ยินดีที่จะตายโดยไม่ติดค้างอะไรกับชีวิตเลยล่ะ
“งะ.. งั้นเหรอ! งั้นพวกเราไปตรงนั้นกันเถอะ!”
เซย์จังเดินไปยังทิศทางของคาเฟ่ ในขณะที่ชั้นเดินเคียงข้างตามเธอไป
เเป๊ปนะ.. อย่าบอกนะว่า.. นี่คือสิ่งที่เขาเรียกกันว่า [เดทหลังเลิกเรียน] น่ะ!?
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเดทหลังเลิกเรียนกับตัวละครโอชิที่ชั้นรักสุดๆอย่างเซย์จังน่ะ.. นี่ชั้นช่างเป็นคนที่มีความสุขอะไรอย่างนี้นะ
ยูอิจิ เเต๊งกิ้วนะ! ดีจริงๆที่นายไม่อยู่!
หลังจากนั้นชั้นกับเซย์จังก็มุ่งหน้าไปที่คาเฟ่กัน เเต่ว่า…
ดูเหมือนบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างพวกเราจะยังไม่หายไป
ขอบอกไว้ก่อน ชั้นว่ามันไม่เเปลกหรอกนะที่ระหว่างเดินผู้คนจะอยู่เงียบๆน่ะ เเต่บรรยากาศนี้มันเเตกต่างจากนั้น
อย่างที่คิดดูเหมือนทั้งชั้นเเละเซย์จังจะสังเกตุถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ได้
“เอ่อ.. คาเฟ่ที่กําลังจะไปนี่ เธอชอบมากับฟุจิเสะบ่อยๆงั้นเหรอ?”
“อ๊ะ.. อา ใช่เเล้วล่ะ ชิโฮะ ยุ่งกับกิจกรรมของชมรมเทนนิสก็จริง เเต่ก็ไม่ได้ยุ่งถึงขั้นชิเกโมโตะที่อยู่ในชมรมบาสหรอก เพราะฉะนั้นตอนที่ฉันกลับกับชิโฮะ พวกเราจะเเวะมาเป็นบางครั้งน่ะ”
“เป็นอย่างนั้นเหรอ ชิมาดะเองก็ไม่ได้เข้าชมรมไหนใช่ไหมล่ะ?”
“…จริงด้วยนะ เเต่ฮิซามูระที่พูดเรื่องนั้นออกมาก็ไม่ได้เข้าชมรมไหนเหมือนกันหนิ ไม่มีความคิดที่จะเข้าบ้างเหรอ?”
“พวกกิจกรรมชมรมตอนม.ต้นมันเหนื่อยนี่นะ พอขึ้นม.ปลายชั้นก็อยากจะทําตัวสบายๆบ้างน่ะ”
“ฟุฟุ~ เป็นคําตอบที่สมเป็นฮิซามูระดีนะ”
พอพูดเเบบนั้นเสร็จ เซย์จังก็หัวเราะคิกคักออกมาเล็กน้อย
ว่าไงดีล่ะ ดีจังที่ตอนนี้ดูเหมือนบรรยากาศที่น่าอึดอัดระหว่างเราจะค่อยๆหายไปเเล้ว
ถ้าบรรยากาศเป็นเเบบนั้นไปจนถึงคาเฟ่ ชั้นคงไม่รู้เลยนี่นะว่าจะอธิบายเรื่องราวให้เธอฟังได้รึเปล่า
นอกจากนี้เกี่ยวกับเรื่องชมรม สาเหตุที่ทั้งชั้นเเละฮิซามูระในฉบับมังงะไม่คิดจะเข้าชมรมก็อย่างที่ได้พูดไป
เเม้เเต่เรื่องนี้พวกเราก็เหมือนกัน นี่คงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทําให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับ ฮิซามูระ สึคาสะ ด้วยนั่นเเหละ
ต่อให้จะบอกว่าเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นโดยมีชั้นเป็นเเรงบันดาลใจก็คงไม่ใช่การพูดเกินจริงหรอก ถึงเเม้มันจะเป็นการพูดเกินจริงก็เถอะ
เเล้วก็ถึงเซย์จังจะไม่ได้เข้าชมรมเหมือนกันกับชั้น เเต่เธอมีทักษะด้านกีฬาที่ยอดเยี่ยมมาก
ชิเกโมโตะ ยูอิจิ ตัวเอกของเรื่องไม่ได้เก่งเเค่บาสเกตบอลอย่างเดียวกีฬาอื่นๆเขาก็เก่งเหมือนกัน เเต่เซย์จังเหนือยิ่งกว่านั้นอีก
เธอมีทักษะด้านกีฬาถึงขนาดที่ว่าถ้าเอาจริงกับกีฬาชนิดไหนก็สามารถไปถึงระดับประเทศได้เลยทีเดียว
เพราะเเบบนั้นเลยทําให้เซย์จังถูกทาบทามให้เข้าร่วมชมรมกีฬาอยู่บ่อยๆ
เเม้เเต่ในกีฬาประเภทที่ต้องเล่นเป็นทีม ถ้ารวมเซย์จังเข้าไปด้วย ก็สามารถติดอันดับดีๆในระดับจังหวัดได้เลยเชียวล่ะ
ดังนั้นเซย์จังจึงถูกเรียกไปช่วยกิจกรรมชมรมของพวกชมรมกีฬาในฐานะผู้ช่วยอยู่เสมอ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดีมากๆ ทําให้เธอถูกชวนให้มาเป็น [สมาชิกอย่างเป็นทางการ] อีกต่างหาก
พวกตัวละครที่มีทักษะด้านกีฬาดีเยี่ยมเเบบนี้ เป็นเซตติ้งในมังงะที่เห็นได้ทั่วไปเลยล่ะ
ในชีวิตจริงมันจะมีเหรอ? คนที่ถูกเรียกไปช่วยหลายๆชมรม เเถมยังทิ้งผลลัพธ์ที่ดีไว้อีก สุดท้ายก็ถูกชวนให้มาเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของชมรมน่ะ
นอกจากในโลกของมังงะชั้นก็ไม่เคยเห็นเลยเเฮะ
“ชิมาดะล่ะไม่คิดจะเข้าร่วมชมรมไหนบ้างเหรอ? เธอถูกชวนจากหลายๆที่เลยหนิ?”
“ก็รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่หรอกนะที่ชวน เเต่เหมือนกับฮิซามูระนั่นเเหละ หลังเลิกเรียนฉันก็อยากจะทําตัวสบายๆเหมือนกัน เเถมฉันก็ไม่ได้รู้สึกจริงจังกับเรื่องกีฬาขนาดนั้นด้วย”
“อื้ม! เป็นคําตอบที่สมเป็นชิมาดะดีนะ”
ทั้งเท่เเถมยังมีทักษะกีฬาดีเยี่ยมอีก ไหนจะเรื่องที่เธอนึกถึงเพื่อนก่อนตัวเองนั้นก็อ่อนโยนมากๆ
“เห้อ~ ชั้นชอบเธอจังเลยน้า~”
“ฮึน!? มะ.. เมื่อกี้นายพูดอะไรออกมาน่ะ..?”
“เอ๊ะ! อ๊ะ.. ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่สิ เเต่เมื่อกี้นายพึ่ง.. งะ.. งั้นเหรอ”
เซย์จังพยายามจะถามชั้นต่อ ก่อนจะเลิกไปกลางทาง อยู่ๆหน้าของเธอก็เเดงกํ่าขึ้นมา
บางทีคงเพราะต่อให้ถามต่อไป ก็มีเเต่จะสร้างความเสียหายใส่พวกเราทั้งคู่เท่านั้นล่ะมั้ง
เเต่ว่าเมื่อตะกี้ชั้นเองก็ประมาทเกินไปหน่อย ดันทําตัวเหมือนกับพวกคนอ่านมังงะที่พูดความเห็นออกไปหลังอ่านจบประมาณว่า “เห้อ~ ลํ้าค่าชะมัด” ซะได้
คงต้องระวังตัวไว้ซะแล้ว เพราะโลกนี้ได้กลายเป็นชีวิตจริงของชั้นไปเเล้วยังไงล่ะ
การที่ได้คุยกับเซย์จังเเบบนี้มันดูเหมือนฝันเกินไป จนทําให้ชั้นเผลอลืมไปชั่วขณะนึงเลยว่านี่คือความเป็นจริง
หลังจากนั้นทั้งชั้นเเละเซย์จังก็ไม่ได้สบตากันเลยจนกว่าจะถึงคาเฟ่ เพียงเเค่เงียบเเละเดินไปเฉยๆ
คาเฟ่ที่เซย์จังกับฟุจิเสะชอบเเวะมาบ่อยๆคือ [มูนบัค] คาเฟ่ชื่อดังที่มีหลายสาขามากๆตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟ [ผู้เเปล:สตาร์บัคนั่นเเหละ]
เอาเถอะ คงเพราะเป็นโลกของมังงะด้วยล่ะมั้ง ชื่อคาเฟ่เลยถูกเปลี่ยนจากที่มีอยู่ในโลกจริงไปเล็กน้อย
นอกจากนี้ในเมนูเเนะนํายังมีกาเเฟที่ชื่อ “ฟรานชิโน่” อยู่อีกด้วย คงเเทบจะเหมือนกับคาเฟ่ในโลกเเห่งความจริงเลยล่ะ
พวกเราเข้าไปในร้านเเละสั่งเครื่องดื่มที่ต้องการกับพนักงานเสิร์ฟ
“ชั้นเอา [ดริป คอฟฟี่ ทอล] ชิมาดะล่ะ?”
“ฉันเหรอ นั่นสินะ… ขอเป็น [วานิลลา ครีม ฟรานชิโน่ เเกรนเด้] เปลี่ยนไซรัปธรรมดาเป็นไวท์มอคค่าไซรัปเเละช่วยเพิ่มซอสคาราเมลกับวิปครีมด้วยค่ะ”
นั่นมันคาถาอะไรน่ะ?
ยาวกว่าที่ชั้นสั่งตั้งสามหรือสี่เท่าเลยนะนั่น?
ไม่รู้เพราะคุณพนักงานเสิร์ฟเขาชินเเล้วหรือเปล่า เขาเเค่ตอบกลับว่า [รับทราบเเล้วครับ] ก่อนจะเริ่มลงมือทำตามที่สั่ง
ชั้นชักจะไม่รู้เเล้วสิว่าสิ่งที่สั่งไปมันยังเป็นเครื่องดื่มอยู่หรือเปล่า
“ชิมาดะมาที่ [มูนบัค] นี้บ่อยๆงั้นเหรอ?”
“อา ถึงจะมากับชิโฮะซะส่วนใหญ่ เเต่บางครั้งตอนวันหยุดฉันก็เเวะมาบ้างเหมือนกัน”
“โอ้ คงชอบมากเลยสินะ”
ชั้นไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย หรือพูดให้ถูกมันยังเป็นข้อมูลที่ไม่ได้เปิดเผยมาในเนื้อเรื่องสินะ
ถึงจะไม่รู้ว่ามันจะไปตรงกับในเนื้อเรื่องไหมก็เถอะ เเต่ดูเหมือนชั้นจะค้นพบด้านใหม่ๆของเซย์จังที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเเล้วเเฮะ
“คะ.. คือว่า มันคงไม่เหมาะสินะ? การที่ฉันชอบของหวานๆเเบบนี้เนี่ย..”
“ไม่หรอก ชั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีจะตายไป ลํ้าค่- ไม่ใช่สิ มันน่ารักดีออก”
“งะ.. งั้นเหรอ ขอบใจนะ”
ถึงเซย์จังจะถูกบรรยายว่าเป็นสาวคูลสาวเท่ในเนื้อเรื่องก็เถอะ เเต่เธอก็เป็นเด็กสาวม.ปลายธรรมดาๆคนนึงเหมือนกันนะ การที่เธอจะชอบพวกของหวานมันผิดตรงไหนล่ะ?
ถึงชั้นจะหลุดพูดไปชั่วขณะนึงเเล้วก็เถอะ เเต่ชั้นคิดจริงๆนะว่าเธอทั้งลํ้าค่าเเละน่ารักมากๆ
ดริป คอฟฟี่ ทอล ที่ชั้นสั่งไปมาเสิร์ฟก่อน เเละ ไม่กี่นาทีต่อมาฟรานชิโน่อะไรสักอย่างของเซย์จังก็มาเสิร์ฟทีหลัง
ถ้าเทียบกับกาเเฟของชั้นไซส์ของมันใหญ่กว่ามาก เเถมยังมีครีมอยู่เต็มไปหมดอีกต่างหาก เเทนที่จะเรียกเครื่องดื่ม เรียกมันว่าของหวานคงจะเหมาะกว่า
เเล้วชั้นกับเซย์จังก็ไปนั่งบนโต๊ะที่นั่งสําหรับสองคนเเละหันหน้าเข้าหากัน
ชั้นใส่นมกับกัมไซรัปลงไป อื้ม รสชาติเหมือนกับกาเเฟทั่วๆไปเลย อร่อยดีเเฮะ
เซย์จังเองก็คาบหลอดไว้ในปากเเละเริ่มดูดมันเหมือนกัน มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อยเเสดงให้เห็นถึงความอร่อยของเครื่องดื่ม ช่างเป็นภาพที่มองเเล้วชวนให้มีความสุขตามจริงๆเลยนะ
อ้า~ การที่สามารถเห็นรอยยิ้มของโอชิใกล้ๆเเบบนี้ได้เนี่ย จะน่ายินดีเกินไปเเล้ว~
“อร่อยมั้ย? เซย์จัง~”
“หืม!?”
อ๊ะ! เเย่ล่ะ! ดันเผลอเรียกเซย์จังไปซะเเล้ว
เธอเบิกตากว้างตอบสนองต่อคําพูดของชั้น ก่อนจะสําลักออกมาเล็กน้อย บางทีเธอคงเผลอดูดเข้าไปรวดเดียวเลยล่ะมั้งนั่น
“ชิ.. ชิมาดะ เป็นอะไรมากไหม?”
“มะ.. ไม่เป็นอะไรเเล้ว จะว่าไปฮิซามูระทําไมนายถึงเรียกฉันเเบบนั้นล่ะ?”
หลังจากที่เซย์จังใจเย็นลงเเล้ว เธอก็ถามออกมาเเบบนั้น
นั่นสินะ กะเเล้วเชียวว่าเธอต้องถามมาเเบบนั้น
“คะ.. คือว่า ชั้นเรียกเธอในใจเเบบนั้นมาตั้งนานเเล้วล่ะ”
“ยะ.. อย่างงั้นเหรอ”
“อื้ม เพราะงั้นตอนที่สารภาพรักไปเมื่อวานจะเรียกว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบหรือยังไงดี…”
พอชั้นพูดถึงเรื่องการสารภาพรักเมื่อวาน หน้าของเซย์จังก็เเดงกํ่าขึ้นไปอีก
“งะ.. งั้นเหรอ..”
“โทษทีนะ ต่อจากนี้ชั้นจะเรียกเธอว่า ชิมาดะ เหมือนเดิมละกัน”
“ฉะ.. ฉันไม่ขัดข้องหรอกนะ! นายจะเรียกเซย์จังต่อไปก็ได้…”
“เอ๊ะ? จะดีเหรอ?”
“อะ อา… เเต่ว่ามันค่อนข้างน่าอายน่ะ เรียกเฉพาะตอนที่พวกเราอยู่กันสองต่อสองเท่านั้นนะ”
เซย์จังพูดออกมาเเบบนั้น ในขณะที่หลบสายตาด้วยความเขินอาย
เอ๊ะ? เเต่เเบบนั้นมันก็เหมือนกับ… เอ๊ะ?
“หรือว่านี่จะเป็นการตอบตกลงคําสารภาพรักเเบบอ้อมค้อมงั้นเหรอ…?”
“ห๊ะ!? ไหงมันถึงกลายเป็นเรื่องเเบบนั้นไปได้ล่ะ!?”
“ก็เเบบการที่ให้เรียกเซย์จังได้เฉพาะตอนที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองเนี่ย มันก็คิดได้เเค่อย่างนั้นใช่ไหมล่ะ…”
“มะ.. ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันเเค่ยอมให้นายเรียกเเบบนั้นเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าฉันยอมรับคําสารภาพรักของนายหรอกนะ!”
“ขะ.. เข้าใจเเล้วล่ะ! อย่าโกรธขนาดนั้นสิ ชั้นเป็นฝ่ายผิดเองเเหละ”
พอถูกปฏิเสธถึงขนาดนี้ก็ทําให้รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเลยเเฮะ
เเถมเธอยังยืนกรานที่จะไม่ยอมรับซะขนาดนั้น… กะเเล้วคําตอบของการสารภาพรักเมื่อวานคงถูกตัดสินไปเเล้วสินะ
บางทีคงเพราะเห็นชั้นหดหู่อย่างโจ่งแจ้งล่ะมั้ง เซย์จังพึมพำคําว่า [อ๊ะ!] ออกมา ก่อนจะรีบพูดต่อในทันที
“ทะ.. โทษทีนะ ฮิซามูระ ไม่ใช่ว่าฉันปฏิเสธคําสารภาพรักของนายหรอกนะ! กลับกัน… ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องคําตอบเลยน่ะ.. เอาเป็นว่าฉันพิจารณามันไปในเเง่บวกละกัน…”
“เอ๊ะ?”
“เรื่องนี้พอกันเเค่นี้ก่อนเถอะ!”
“ตะ.. เเต่ว่า..”
“ตอนที่พวกเราอยู่กันตามลําพัง นายจะเรียกชั้นว่าเซย์จังก็ได้! เข้าใจเเล้วใช่ไหม!?”
“คะ.. ครับ! เข้าใจเเล้วครับ!”
ด้วยเหตุนี้ทําให้ชั้นได้รับอนุญาติในการเรียก เซย์จัง เฉพาะตอนที่พวกเราอยู่กันตามลําพัง
ถึงข้อสังเกตเมื่อกี้นี้ที่เซย์จังพูดทิ้งไว้จะทําให้ชั้นรู้สึกสงสัยกับมันมากๆเลยก็เถอะ เเต่ตอนนี้คงยังถามออกไปไม่ได้สินะ
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides