Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - ตอนที่ 433
บทที่433 เซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก
พอตกกลางคืน หลังจากที่ลี่จุนถิงเลิกงานแล้วก็ติดต่อเจียงหยุนเอ๋อ แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็บอกที่อยู่กับเขา
เพียงไม่นาน ลี่จุนถิงก็มาถึงที่นั่น คนในคลับนั้นคุ้นเคยกับลี่จุนถิงอยู่พอตัว ดังนั้นทุกคนเลยเข้ากันได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นท่าทีที่สบายอารมณ์ของถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้จะจากไปโดยเร็ว แต่กลับนั่งเล่นอยู่กับพวกเขาสักพัก
ตอนที่แยกย้ายกันกลับบ้านนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็มองไปทางลี่จุนถิงเล็กน้อย เลยทำให้ลี่จุนถิงเองก็มองกลับมาเหมือนกัน
“มีอะไรเหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัวเล็กน้อย: “ไม่มีอะไร แค่สงสัยนิดหน่อย ว่าปกติคุณไม่ชอบร่วมงานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงอยู่นานขนาดนี้ล่ะ”
“ถึงอย่างไรพวกคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย ฉันจะไม่ชอบได้อย่างไรล่ะ?” ลี่จุนถิงฉีกยิ้มขึ้นเบาๆ พลางหยอดคำหวานโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร
หน้าของเจียงหยุนเอ๋อแดงขึ้นเล็กน้อย ยังไม่ทันจะพูดอะไรกลับไป จู่ๆ ถวนจื่อกลับปรี่เข้ามาหาทั้งสองคน: “หม่ามี้ แด๊ดดี้ พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่!”
เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไป จากนั้นก็ผลุบตามองไปอีกทาง พลางพูดด้วยท่าทีที่ดูไม่ธรรมชาติว่า: “ไม่มีอะไร ถวนจื่อ วันนี้เที่ยวเล่นนานขนาดนี้ เหนื่อยไหม?”
“ไม่เหนื่อย!ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว!” ถวนจื่อพูดด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยพลัง ดูเหมือนมีความเหนื่อยล้าอยู่บนตัวเขาที่ไหนกัน?
เจียงหยุนเอ๋อมองเขาด้วยความตลกเอ็นดูอยู่สักพัก: “ถึงจะไม่เหนื่อย แต่เดี๋ยวก็ต้องกลับไปพักแล้วนะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียนอีกนะ”
ถึงปกติจะเข้าใจโลกและเชื่อฟังมากแค่ไหน ถวนจื่อเองก็เป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน ก็เริ่มอิดออดขึ้นมาไม่น้อย
เขาพูดพึมพำด้วยความไม่พอใจเสียงเบา: “หึ น่าหงุดหงิดจังเลย ฉันไม่อยากไปเรียนเลย”
ท่าทีน่ารักของถวนจื่อนั้นทำให้คนอื่นหันมาสนใจ ดังนั้นเลยพากันเข้ามาปลอบถวนจื่อ
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เจียงหยุนเอ๋อก็คิดถึงเรื่องที่ได้เจอลี่หุยที่โรงแรม แต่ว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลี่จุนถิงเองก็ไม่ค่อยชอบลี่หุยเท่าไหร่ เลยคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอกเขา ดังนั้นเลยไม่ได้พูดอะไรออกไป
……
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ลี่หุยก็ได้เป็นที่รู้จักของท่านปู่ลี่อย่างยากลำบากแล้ว
“อือ?บริษัทหนันซื่อยินยอมจะร่วมงานกับพวกเราแล้วเหรอ?” ถึงท่านปู่ลี่จะโอนกรรมสิทธิ์ให้ลี่จุนถิงไปแล้ว แต่ว่าก็ยังสนใจความเป็นไปของบริษัทอยู่บ้าง ดังนั้นเลยรู้ข่าวนี้อย่างรวดเร็ว
ลูกน้องพูดขึ้นด้วยความเคารพ: “ใช่แล้ว เรื่องนี้เหมือนว่า……ลี่หุยจะเป็นคนทำ”
ท่านปู่ลี่พยักหน้าเบาๆ เพียงไม่นานก็คิดถึงครั้งก่อนที่ลี่เจี้ยนหวาพูดต่อหน้าตัวเอง ว่าลี่หุยกับตระกูลร่ำรวยของบริษัทหนันซื่อนั้นสนิทกันไม่เบา น่าจะใช้เส้นสายนี้ในการทำให้เรื่องนี้สำเร็จหรือเปล่านะ?
เรื่องแบบนี้มันไม่น่าแปลกใจเลยในแวดวงธุรกิจของพวกเขา ขอแค่มีเส้นสาย ก็เจอเรื่องยากลำบากน้อยลง
ตอนแรกเรื่องนี้ทำให้ท่านปู่ลี่สนใจลี่หุยขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะในเมื่อนี่มันเป็นเพียงการใช้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่เพียงเท่านั้น เลยไม่เห็นความสามารถอะไรของลี่หุยสักเท่าไหร่ ดังนั้นท่านปู่ลี่เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่
แต่เพียงไม่นาน ลี่หุยก็ทำเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งได้สำเร็จอีกครั้ง ทำให้ท่านปู่ลี่เมินลี่หุยต่อไปไม่ได้เลย
ต่างประเทศมีบริษัทโซ่ซี ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่ว่าไม่เคยได้ร่วมงานกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเองก็หัวสูงอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะไม่เคยทำงานกับบริษัทนี้ แต่ก็มีบริษัทอื่นๆ ที่รอที่จะได้รับโอกาสในการร่วมงานจากพวกเขาเหมือนกัน ดังนั้นบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลยไม่เคยไปขอร้องอะไรเลย
พูดอีกอย่างได้ว่า บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปกับบริษัทโซ่ซีไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อน นอกจากนี้ยังแทบจะไม่เคยได้ร่วมงานกันเบื้องต้นเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร ทำไมครั้งนี้ลี่หุยถึงทำให้บริษัทโซ่ซีเข้ามาเสนอเพื่อร่วมงานกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปด้วยตัวเอง
เรื่องที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายนั้น บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว ดังนั้นเลยรีบตอบตกลง ตอนนี้เองก็เข้าสู่ช่วงการเจรจากันทางธุรกิจ แต่พวกเขาต้องการให้ลี่หุยมาทำการวางแผนจัดการเอง
ตอนแรกคนของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปนั้นไม่วางใจลี่หุยเท่าไหร่ รวมไปถึงฐานะของลี่หุยนั้นมันพิเศษมากเกินไป พวกเขาเองก็ไม่กล้าไปถามลี่จุนถิง ดังนั้นเลยไปหาท่านปู่ลี่ เพื่อถามความเห็นของท่านปู่ลี่
“อือ?บริษัทโซ่ซีมาเสนอให้เขาเป็นคนจัดการโปรเจคนี้เหรอ เชื่อความสามารถของเขาขนาดนี้เลยเหรอ?ดูๆ ไปแล้ว ลี่หุยเองก็เป็นคนที่ไม่สามารถเมินไปได้เลย”
ท่านปู่ลี่พูดขึ้นพลางครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยชอบลี่หุยสักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ลูกนอกสมรส ไม่ว่าอย่างไรเอาไปพูดให้ใครฟังก็ดูไม่ค่อยดีทั้งนั้น
แต่ว่า ถ้าเกิดลี่หุยมีความสามารถจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมฝึกสอนงานเขา
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ ท่านปู่ลี่ก็รู้สึกขอบใจลี่หุยเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ต้องสอนงานเขาสักหน่อย เพราะจะให้เขาเข้ามาอยู่ในตระกูลลี่ แล้วให้ตำแหน่งคุณชายของตระกูลลี่เลยไม่ได้
หลังจากที่รู้ว่าเขาทำโปรเจคนี้สำเร็จ ลี่เจี้ยนหวาก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก
หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเปิดโปงแล้ว ลี่เจี้ยนหวาก็ได้เห็นแต่สายตาเย็นชามาตลอด โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่มองหน้าเขาดีๆ เลย ขนาดลี่จุนซินกับลี่จุนถิงเองก็เริ่มห่างเหินจากเขาไปไม่น้อย
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าในใจของลี่เจี้ยนหวาก็รู้สึกร้อนรนอยู่ไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เหมือนจะไม่มีใครช่วยเหลือเลยในบ้านหลังเลย
ดังนั้น เขายิ่งรู้เข้าไปใหญ่ ว่าตัวเองต้องหาที่พึ่งใหม่ แล้วลี่หุยก็เป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเขาสามารถช่วยให้ลี่หุยเข้าไปในตระกูลลี่ ลี่หุยเองก็สามารถรับรองได้ว่าหลังจากนี้จะเป็นที่พึ่งของเขาได้ในอนาคต
แต่สิ่งที่ทำให้ลี่เจี้ยนหวาคิดไม่ถึง ก็คือท่านปู่ลี่ยังไม่ยอมถึงแม้ว่าลี่หุยจะทำเรื่องดีๆ มามากมายก็ตาม ดังนั้นเลยยังต้องไปหาท่านปู่ลี่สักหน่อย
หลังจากที่ได้ยินว่าลี่เจี้ยนหวาจะมา ท่านปู่ลี่ก็แทบจะรู้สิ่งที่เขาต้องการได้ในทันที เลยทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าลี่เจี้ยนหวาจะเป็นลูกชายของเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้ลี่เจี้ยนหวามาเปลี่ยนการตัดสินใจของตัวเอง
เมื่อบอกแล้วว่าไม่ยอมรับลี่หุยก็คือไม่ยอมรับ ลี่เจี้ยนหวาจะอยากปกป้องลี่หุยก็เป็นเรื่องของลี่เจี้ยนหวา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง แต่เขาเองก็ไม่มีทางยอมรับลี่หุยเด็ดขาด
ลี่เจี้ยนหวาพยายามพูดถึงเรื่องดีๆ ของลี่หุยต่อหน้าท่านปู่ลี่ ลี่หุยเองก็พยายามเข้ามาในบ้านพร้อมกับลี่เจี้ยนหวาหลายต่อหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งก็มักจะทำเป็นเด็กกตัญญูไม่น้อยเลย แต่ท่านปู่ลี่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร
จากนั้นไม่นานลี่หุยกับลี่เจี้ยนหวาก็เริ่มร้อนใจ พลางคิดว่าถึงตอนนี้บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปจะมีอำนาจมาก แต่ว่าถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์ได้อย่างแน่นแฟ้นมันจะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นลี่หุยเลยพูดเรื่องการร่วมงานกับบริษัทหนันซื่อต่อหน้าท่านปู่ลี่ขึ้นมา
เมื่อเรื่องนี้ลอยเข้าไปในหูของโม่เสี่ยวฮุ่ยในเวลาอันสั้น
“อะไรนะ?”
ฐานะของบริษัทหนันซื่อนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้เป็นอย่างดี ถ้าเกิดเรื่องนี้สำเร็จ ไม่แน่ว่าท่านปู่ลี่อาจจะเปลี่ยนมุมมองไปจากลี่หุยบ้าง