Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่713 เพลิดเพลินขนาดนี้
ลี่จุนซินกับเวียร์ชอบAnneBarge—เป็นหนึ่งในนักออกแบบชุดเจ้าสาวนานาชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
เอกลักษณ์อยู่ที่การสื่อสารกับลูกค้า เธอสามารถเอาความต้องการของลูกค้ามาผสมผสานกับการออกแบบมืออาชีพได้เป็นอย่างดี เลยทำให้มีชุดเจ้าสาวและชุดเจ้าบ่าวที่มีเอกลักษณ์ออกมาได้อย่างในทุกวันนี้
ไม่ว่าจะงานปั้นที่เหมือนพระตำหนักหรือความสง่างามของอัญมณีอันวิจิตรตระการตา และความทันสมัยหรืออะไรต่างๆ นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเวียร์เลย เขาคิดเพียงว่าฝีมือของAnneBargeจะทำให้ดึงความสวยงามออกมาจากลี่จุนซินได้
ดังนั้น ทั้งสองคนเลยบินไปที่อิตาลีเพื่อไปเจอกับนักออกแบบคนนี้ แต่ว่าก่อนจะไปทั้งสองคนก็ไปเจอเจียงหยุนเอ๋อที่ฝรั่งเศสก่อน
ลี่จุนถิงเคยรับปากกับเจียงหยุนเอ๋อแล้วว่าจะไปฝรั่งเศสกับเธอ หลังจากที่ลี่จุนถิงจัดการเรื่องของบริษัทเสร็จ เลยโยนงานให้ซู่จี้งยี้ต่อ จากนั้นก็พาถวนจื่อกับกุ่นกุ่นเจ้าน้อยไปไว้ที่บ้าน แล้วก็ให้โม่เสี่ยวฮุ่ยกับซูม่านลีดูแล แล้วทั้งสองคนก็ไปที่ฝรั่งเศส
ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง บริษัทมีเรื่องด่วนเกิดขึ้น ซู่จี้งยี้จัดการเองไม่ได้ ลี่จุนถิงเลยกลับไป ส่วนเจียงหยุนเอ๋อเองก็ไปที่ฝรั่งเศส
วันนี้ เวียร์พาลี่จุนซินมาที่ฝรั่งเศสก่อน——เพื่อมาเลือกชุดแต่งงาน
ตอนที่ทั้งสองคนมา ลี่จุนถิงก็จัดการเรื่องในบริษัทเสร็จแล้ว แล้วก็ตามพวกลี่จุนซินมา
ลี่จุนถิงไม่ได้เจอเธอมาสักพัก เลยรู้สึกว่าตัวของเธอนั้นอวบอ้วนขึ้นเล็กน้อย เลยเข้ามากอด ก็พบว่าอ้วนขึ้นจริงๆ ด้วย เลยรู้สึกว่าไม่คุ้นมือสักเท่าไหร่
“ที่รัก คุณนี่จริงๆ เลย สวยมากเลยล่ะ……” เมื่อรู้ว่าลี่จุนถิงจะตามมา เจียงหยุนเอ๋อก็นั่งรออยู่บนโซฟา ก่อนจะผล็อยหลับไปอีก
“ฉันเหมือนจะอ้วนขึ้นแล้วล่ะ” เจียงหยุนเอ๋อที่ถูกลี่จุนถิงกอดกระซิบข้างหูลี่จุนถิง
“SEXช่วยผลาญได้360แคลอรีเลยนะ พวกเรามาลดน้ำหนักกันดีกว่าไหม?” ลี่จุนถิงพูดกระซิบเหมือนไม่มีใครอยู่พลางจะไม่ทำทั้งสองคนที่อยู่ในห้องรับแขกรู้สึกกดดัน
“ที่รักพวกเราเองก็ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นหน่อยแล้วล่ะ” เวียร์มองลี่จุนซินพลางยิ้ม มือก็วาดไปบนเรือนร่างของเธอ: “เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณลดน้ำหนักเอง”
“พี่” เจียงหยุนเอ๋อพยายามถอดออกห่างจากเขาเพื่อให้ปล่อยตัวเอง ก่อนจะเรียกลี่จุนซิน
ลี่จุนซินมองเวียร์ ก่อนจะมองเจียงหยุนเอ๋อที่กอดกันเหมือนคู่รักนิรันดร
จู่ๆ บริเวณแขนก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที ประธานลี่ “แยก” ทั้งคู่ออกจากกัน พลางดึงเจียงหยุนเอ๋อให้เธอมานั่งอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“ที่รัก ต้องเชื่อวิทยาศาสตร์นะ”
เจียงหยุนเอ๋อไม่มีทางสนใจคนที่คิดเรื่องสัปดน เลยลุกไปพลางจะหยิบเครื่องดื่มให้ทั้งสองคน
คิดไม่ถึงว่าลี่จุนถิงจะรีบแย่งพูดออกมาก่อนทันที:
“อยากกินอะไรก็ไปหยิบที่ห้องครัว หยิบเอาเองได้เลย”
เมื่อบีบเนื้อบนใบหน้าของเธอ ไม่รู้ว่าทำไม ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแดงขึ้นมาเป็นอย่างมาก ทำให้ลี่จุนถิงอยากจะกัดแก้มแดงๆ สักครั้ง สองครั้ง……
ทำไมลี่จุนซินยังไม่ไปตัดชุดแต่งงานอีก?มันไม่สะดวกเลย ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมา
“พี่” เจียงหยุนเอ๋อชะโงกหน้าไปตะโกนเรียกลี่จุนซินที่อยู่ในห้องครัว: “วันนี้จะพาคุณไปที่นั่นสักหน่อย ร้านอาหารจีนของเขานั้นมันถึงรสถึงเครื่องมากเลยล่ะ”
“ขอร้องล่ะ ที่รัก ฉันกินแต่อาหารจีนทุกวัน ทำไมมาถึงที่นี่แล้วฉันยังต้อง ‘เพลิดเพลินแบบนี้’ อยู่อีกเหรอ?” ลี่จุนซินได้ยินคำที่เขาเน้นเสียง ก็แสดงความสงสัยออกมา
ลี่จุนถิงฟังคำว่า “ที่รัก” ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นั่นเป็นพี่แท้ๆ ของตัวเอง เลยทำให้ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะตัดสินใจ:
“ตามสบายเลย”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นด้วยกับเขาเป็นอย่างมาก ลี่จุนซินที่ถือแก้วแล้วรินน้ำร้อนก็พูดออกมาเสียงดังว่า: “พวกเราเป็นแขกงั้นเหรอ?!”
“แต่ว่า ถ้าเกิดเจ้าของร้านนั้นอารมณ์ไม่ดี พวกเรากลัวว่าจะต้องไปกินอาหารฝรั่งเศสแล้ว”
“หือ?” ลี่จุนถิงทำเหมือนไม่รู้เรื่องนี้ เลยถามด้วยความสงสัย
“ตอนที่ฉันไปเมื่อวาน เจ้าของร้านบอกว่าไม่รับลูกค้า น่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ เห้อ?คุณรู้ไหม?ว่าบางทีร้านนี้ก็ส่งถึงที่ก็มีนะ น่าจะเป็นเพราะเจ้าของร้านอารมณ์อารมณ์ดีมากล่ะมั้ง ฮิๆ”
ท่าทีแอบขำของเธอทำให้ลี่จุนถิงมันเขี้ยว เขาเลยใช้โอกาสนี้ในการแอบจุ๊บ จนทำให้คู่หมั้นถึงกับหายใจเฮือก
“อือ เจ้าของร้านนี้……เอ่อ……เอาแต่ใจไม่น้อยเลย” ลี่จุนถิงคิดอยู่สักพัก ก่อนจะอธิบายลักษณะออกมาได้
ก่อนที่เจียงหยุนเอ๋อจะปารีส ลี่จุนถิงได้ให้คนมาเก็บกวาดห้องที่ปารีสแล้ว
แต่ร้านอาหารจีนที่เธอบอกนั้น และก็เป็นลี่จุนถิงที่กำชับให้ไปทำโดยเฉพาะ เพราะเกรงว่าเธอจะไม่ชินกับอาหารตะวันตก แต่ว่าลี่จุนถิงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ
ลี่จุนถิงกำชับเข้มงวดกับร้านอาหารนี้มาก เลยทำให้ลูกน้องของเขาเข้าใจผิดคิดว่าเจ้านายของเขานั้นจะเข้าไปเกณฑ์ทหารหรือเปล่า
ลี่จุนซินกับเวียร์อยู่ที่นี่มาตั้งหลายวันแล้ว และกำลังจะไปเจอกับนักออกแบบของแบรนด์ที่พวกเขาชอบเป็นครั้งแรก
ลี่จุนถิงยังอยากจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเจียงหยุนเอ๋อ เลยไม่ได้ไปกับพวกเขาด้วย ลี่จุนถิงยังคิดเรื่องการลดน้ำหนักตามทฤษฎีนั้นอยู่ เลยปล่อยให้พวกเขาสองคนไปทำอะไรตามที่ควรจะทำ
เขาอยากจะลดน้ำหนักกับเจียงหยุนเอ๋อเป็นอย่างมาก เป็นแบบนี้ก็พอดีเลย ได้ออกกำลังกาย ใช้พลัง แล้วก็เสริมกลับมา จากนั้นก็สะสมใหม่ เหมือนเป็นวงจร มันจะไม่มีความสุขเหรอ?!
ตอนนี้เป็นหน้าหนาวแล้ว ปารีสมักจะมีลมพัด เมฆเองก็พัดไปอย่างรวดเร็ว และก็ดันลงต่ำเป็นอย่างมาก คนข้างนอกต่างใส่เสื้อผ้าหนาๆ พลางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นภายในห้องก็มีอากาศอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เมื่อกลับมาที่ร้านอาหารจีน ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็ไปเก็บไปรษณีย์ที่ส่งมาในห้องหนังสือ เจียงหยุนเอ๋อเลยเอนกายหลับอยู่บนโซฟา
อยู่ในปารีสที่อากาศหนาว เลยต้องสนใจเรื่องเสื้อผ้าเป็นพิเศษ ในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าบางๆ แค่ตัวเดียว ส่วนเสื้อโค้ตด้านนอกนั้นต่างมีแต่เสื้อผ้าหนาๆ
เมื่อเข้ามา ท่ามกลางอากาศอบอุ่น เขาก็ถอดเสื้อคลุมของเธอออก ตอนนี้เธอเหลือเพียงแค่เดรสสีชมพูบางๆ ตัวเดียว เพราะเกรงว่าเธอจะหนาว ลี่จุนถิงเลยเข้าไปพยุงเธอเล็กน้อย
เจียงหยุนเอ๋อมีท่าทีหาความสบายอย่างัวเงียในอ้อมกอดของเขา ท่าทีขดตัวอยู่ตรงโซฟา
คอที่นอนอยู่บนต้นขาของเขานั้นบางเรียวสวย ผมสยายปกคลุมหน้า ลี่จุนถิงใช้มือปัดผมให้เธอ เมื่อปลายนิ้วได้สัมผัสกับผิวขาวเนียน ก็รู้สึกเหมือนตุ๊กตาเครื่องปั้นไม่มีผิด
นิ้วมือนั้นสัมผัสเบาๆ จนลืมเวลาไปเลย
อาจจะเป็นเพราะถูกรบกวน เธอเลยขยับตัวเล็กน้อย ลี่จุนถิงรีบชักมือกลับ ก่อนจะวางอยู่บนตัวเธอ
อยู่ดีไม่ว่าดี หน้าของเจียงหยุนเอ๋อนั้นอยู่ตรงเข็มขัดของลี่จุนถิงพอดี บริเวณที่ลับนั้นอยู่ใกล้เพียงแค่เปลือกตาของเธอเท่านั้นเอง
เจียงหยุนเอ๋อหลับตาอยู่แท้ๆ แต่ลี่จุนถิงกลับรู้สึกเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เลยมองไปทางอื่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ยังพอรับได้สักหน่อย ที่เมื่อคิดถึงตอนบ่ายที่พวกเขายังจะออกไปเดินเล่น ลี่จุนถิงก็โค้งตัวลงมาพูดเบาๆ : “ที่รัก ตื่นได้แล้ว……”
เจียงหยุนเอ๋อกะพริบตาอย่างเบาๆ “ไปนอนสักหน่อย เดี๋ยวหนาวตายหรอก”
จุ๊บหน้าผากของเธอ เจียงหยุนเอ๋อกะพริบตาจนขนตาลูบไปกับคางของเขา ลี่จุนถิงหาวอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ ก่อนจะฮุบเอาอากาศเข้าไป
พลางหาวไป และยืดตัวขึ้นมา: “ง่วงน่ะ”
เธอหรี่ตาลง เจียงหยุนเอ๋อตั้งใจทำตัวโอนเอน เพื่อรอให้เขารับ
ลี่จุนถิงที่ตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นเพิ่งจะยืนขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อเอามือทั้งสองโอบคอเขาเหมือนคนไร้กระดูก ก่อนจะใช้น้ำหนักทั้งตัวกดไปทางเขา