Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - ตอนที่ 415
บทที่ 415 ถือว่าเป็นการชดเชย
แต่ว่าเคธี่มีความไม่ค่อยเข้าใจ ผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงสนิทสนมกับลี่จุนถิงขนาดนี้ อีกอย่างแววตาที่ลี่จุนถิงมองเธอในเมื่อกี้ เหมือนจะไม่ค่อยปกติ………
เคธี่กะพริบตา พยายามควบคุมอารมณ์ภายในใจของตัวเอง ที่มุมปากมีรอยยิ้มอ่อนๆ เผยออกมา “อื้ม แน่นอนค่ะ ไม่ว่ายังไงแล้วอยู่ที่นี่ฉันก็รู้จักแค่ลี่จุนซินแล้ว แต่ไม่รู้ว่า คุณคือใครคะ?”
“ภรรยาของผม” ยังไม่ทันรอให้เจียงหยุนเอ๋อพูด ลี่จุนถิงที่อยู่ข้างๆ ก็พูดก่อนแล้ว
ได้ยินคำตอบจากลี่จุนถิงแล้ว เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ก็หน้าแดงกระหน่ำ พยักหน้าตอบกลับอื้มเบาๆ ด้วยความเขินอาย
เคธี่อึ้งไปสักพัก ยืนอยู่ที่เดิม ผ่านไปนานมากจึงจะดึงสติกลับมาได้ แล้วเผยรอยยิ้มที่ลำบากใจออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณลี่ที่ยังหนุ่มก็ประสบผลสำเร็จถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีภรรยาที่สวยขนาดนี้อีก ฉันไม่เคยได้ยินจุนซินพูดถึงเลยค่ะ”
“ทำไมถึงไม่บอกฉันเร็วกว่านี้เนี่ย แบบนี้ฉันจะได้หาซื้อของขวัญมาด้วย จะได้ไม่ต้องมือเปล่าแบบนี้ กลายเป็นเรื่องตลกเลย” เคธี่พูดโทษลี่จุนซินไปสองสามประโยค ไม่รู้ตั้งใจพร่ำบ่นหรือว่าเสแสร้งไม่พอใจ ที่ไม่บอกเธอตั้งแต่แรก
“ไม่สามารถโทษพี่สาวได้จริงๆ ค่ะ ตอนแรกที่เราแต่งงานกันก็รีบเร่งมาก ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย ฉะนั้นพวกญาติๆ เพื่อนๆ ที่รู้ก็น้อยมากค่ะ แทบจะไม่ได้บอกใครเลยค่ะ” เจียงหยุนเอ๋อรีบช่วยพูด แล้วตาก็มองไปทางผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้ม
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง……” เคธี่หยุดพูดไปสักพัก
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ควรจะออกไปทานข้าวดีๆ สักมื้อ ถือว่าเป็นการตอบกลับบุญคุณที่พวกเธอดูแลฉันในช่วงเวลานี้ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดแล้ว ในอนาคตก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือจากพวกเธออยู่ดี” เคธี่พูดด้วยความไม่ย่อท้อ
“แต่ว่า วันนี้ที่ฉันมาเพราะ….” เจียงหยุนเอ๋อก้มหน้าลงมองดูขวดน้ำอุ่นในมือของตัวเอง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ไม่ว่ายังไงแล้วความเฟรนลี่ของเคธี่นี้ เธอกลัวว่าตัวเองจะทำลายมันทิ้งเพราะตัวเธอคนเดียว จะพูดยังไงดี ไม่ว่ายังไงแล้วก็คือเพื่อนที่พี่สาวพามา อีกอย่างก็มาจากที่ไกลมากด้วย ตัวเองจะไม่ให้หน้าก็ไม่ได้…..
เคธี่มองไปทางขวดน้ำอุ่น จากนั้นก็มองผ่านไป ในไม่ช้าก็เงียบลง
“วันนี้ ไม่ได้จริงๆ ถ้าหากวันหลังมีโอกาส จะเลี้ยงพวกเธอกินอิ่มๆ สักมื้อแน่นอน” ลี่จุนถิงที่เงียบมาตลอดไม่พูดอะไรมองออกถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้ของเจียงหยุนเอ๋อ จึงเปิดปากพูด
เห็นสถานการณ์แล้ว ทั้งสองก็ไม่ดีที่จะรั้งต่อ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็กลับก่อนนะ มื้อนี้นายติดไว้นะ” ลี่จุนซินขี้เกียจอยู่ต่อแล้ว ลุกขึ้นมา แล้วพูด
ลี่จุนถิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
หลังจากที่บอกลากันแล้ว ทั้งสองก็สวมเสื้อผ้า เตรียมตัวจะจากไป
แต่ว่าเดินไปยังไม่ทันกี่ก้าว ทันใดนั้น “ปัง——” ดังขึ้น มีของที่หนักตกลงพื้น
ขวดน้ำอุ่นตกลงพื้นด้วยความแรง กับข้าวที่อยู่ข้างในก็หกออกมาทั้งหมด เต็มพื้นเลย
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ สรุปแล้ว กับข้าวที่พึ่งอุ่นเสร็จข้างใน ต่างก็เสียหายหมดแล้ว
“นี่……” เคธี่มองดูพื้นที่เต็มไปด้วยเศษอาหาร ร้องตะโกนไปหลายเสียงมาก เท้าของเธอหลบหนีออกทันที กลัวว่ารองเท้าที่แพงของตัวเองจะไปติดกับของสกปรกพวกนั้น
ลี่จุนถิงที่อยู่ข้างๆ มองภาพนี้ด้วยตัวเอง แววตายิ่งมืดมิดลง ขมวดคิ้ว
“อันนั้นขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้เห็นว่ามีขวดน้ำอุ่นวางอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าเมื่อกี้เดินเร็วเกินไป ไม่ทันระวังไปชนโดน ให้ฉันช่วยเก็บกวาดไหมคะ?” เห็นเจียงหยุนเอ๋อนั่งลงเก็บกวาดอยู่ เคธี่ที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพูดขอโทษ
หลังจากพูดจบ ก็โค้งตัวลง อยากจะช่วยเจียงหยุนเอ๋อ
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ นี่เป็นอาหารที่คุณทำเสร็จแล้วใช่ไหมคะ? ยังทำได้ตั้งใจมากๆ ฉัน…..ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ” จี้ขอโทษไม่หยุดเลย
แต่ว่าในใจกลับรู้สึกดีใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือเริ่มตื้นตันใจขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่มีแล้วสามารถทำให้ได้ ไม่เป็นไร” เจียงหยุนเอ๋อมองดูกับข้าวอาการที่อยู่บนพื้น,อยู่ที่พื้น แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็พยุงเคธี่ขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
“ในเมื่อกับข้าวก็หกแล้ว งั้นก็ออกไปทานข้างนอกเถอะ” เจียงหยุนเอ๋อสูดหายใจลึก ลุกขึ้นแล้วพูด
เห็นสถานการณ์แล้ว ลี่จุนซินที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้า “เอาเถอะ งั้นก็ถือว่าเป็นคำขอโทษของฉัน มื้อนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง”
ไม่ว่ายังไงแล้วคนที่ทำล้มก็เป็นเคธี่ ตัดขาดความสัมพันธ์จากเธอไม่ได้ เพื่อนของเธอ ในเมื่อเธอเป็นคนเชิญมา แน่นอนว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบ
เจียงหยุนเอ๋อใช้หางตามองไปทางกับข้าวอาหารที่ตัวเองใช้เวลาสามชั่วโมงทำมา หยุดไปสักพัก แล้วตอบกลับอื้มไป
เห็นการพูดคุยของทั้งสองแล้ว เคธี่ดีใจจนยิ้ม “ดูเหมือนว่าฟ้าจะลิขิตไว้แล้ว มื้อนี้พวกเราต้องออกไปทานด้วยกัน”
“หยุนเอ๋อ เธอก็ไม่ต้องเสียใจแล้ว เดี๋ยวเราไปทานอาหารอร่อยกัน ถือว่าเป็นการชดเชย ขอโทษจริงๆ นะ” เคธี่จบไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อ ปลอบใจด้วยความสงสาร
หลังจากพูดจบแล้วเคธี่ยังหันไปมองลี่จุนถิงที่อยู่ข้างๆ เป็นพิเศษ กลับเห็นว่าแววตาของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งสุขุม
เปลือกตาที่ดูหนักขยับเล็กน้อย ความเย็นชาของลี่จุนถิงหยุดอยู่บนตัวของเคธี่ นานมาก
“ไปเถอะ” ลี่จุนถิงหันหลัง แล้วเดินออกไปทางนอกประตู
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า เผยรอยยิ้มที่ลำบากใจออกมา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
มีรถคันหนึ่งขับผ่านถนน แล้วเผยเสียงซวาซวาซวาออกมา ทำเอาใบไม้ที่อยู่ข้างถนนปลิวอยู่บนอากาศ ราวกับว่าเต้นรำอย่างสง่างามอยู่
“แต่แค่ไม่รู้ว่า คุณลี่จะมีผลงานด้านการก่อสร้างด้วย ฉันก็คิดว่าคุณอายุยังน้อยมากสุดก็แค่รู้แค่ผิวเผินซะอีก” มองดูรายงานที่อยู่บนรถของลี่จุนถิงแล้ว เคธี่พูดด้วยความตกใจ
แต่ว่าสู้กับความตกใจของเคธี่แล้ว ลี่จุนถิงกลับตอบกลับด้วยสีหน้าที่ปกติว่า “รู้แค่ผิวเผินจริงๆ แต่เพราะว่าโชคดีก็เท่านั้นเอง”
“อัยยา คุณลี่ทำไมถ่อมตนขนาดนี้ล่ะคะ ฉันเห็นคำสั่งซื้อข้างบนแล้วไม่ง่ายเลย อยากจะเก็บทั้งหมดไว้อย่างน้อยก็ต้องสร้างความแตกต่างในสถานที่เชิงพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นบริษัทการก่อนสร้างที่สูงที่สุดในเมืองM จะถูกนัดออกมาได้ง่ายดายแบบนี้ได้ยังไงล่ะ ฉันว่านะคะ นี่เป็นเพราะคุณลี่มีความสามารถสูง……..” เคธี่พูดด้วยความนับถือ
ลี่จุนถิงไม่ได้พูดอะไร วางคิ้วลง จากนั้นก็จุดบุหรี่หนึ่งม้วน
แสงสว่างตกอยู่บนตัวของลี่จุนถิงโดยที่ไม่สว่างและไม่มืด แสดงออกถึงเค้าโครงร่างของใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ดวงตาที่น่าดึงดูดคู่หนึ่ง ปากเล็กๆ ดั่งเชอร์รี่ ทำให้ผู้คนรู้ได้ถึงกลิ่นอายพิเศษที่มีเสน่ห์และความสูงส่งดั่งเจ้าชายที่ผู้ชายคนนี้แพร่ออกมา
ในตอนที่ขึ้นรถเมื่อกี้ เคธี่ได้พูดว่าตัวเองไม่สบายตั้งแต่แรกแล้ว ไม่สามารถนั่งข้างหลังได้