Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - ตอนที่ 425
บทที่ 425 ลงโทษให้คุกเข่าสำนึกผิด
“ขอบคุณค่ะ พี่สะใภ้เฉิน”เจียงหยุนเอ๋อหันกลับมายิ้มให้กับพี่สะใภ้เฉินเป็นการขอบคุณอย่างจริงใจ
ขณะเดียวกัน เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกหงุดหงิดโมโหกับความประมาทนี้ของเธอ หากเมื่อสักครู่เกิดเกตุไม่คาดคิดขึ้นมาจริงๆ แล้วจะทำยังไง ? ช่างสะเพร่าจริงๆ!
พี่สะใภ้เฉินก็พอจะมองออกว่าเจียงหยุนเอ๋อนั้นมีอาการผิดปรกติเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงไปว่า:“คุณผู้หญิงค่ะ มีอะไรหรือเปล่า ? ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ ป้าเองก็พอจะดูออกว่าเธอนั้นคิดไม่ซื่อ คุณเองก็อย่าใส่ใจมากนัก คุณผู้ชายไม่มีทางคิดอะไรกับเธอแน่นอน ”
เจียงหยุนเอ๋อคิดไม่ถึงว่า แม้แต่คนรับใช้ในบ้านก็ยังเดาความคิดของเธอออก
แต่พอมาคิดอีกที พวกเขาทุกคนต่างมองออกว่าเคธี่นั้นคิดยังไง แล้วลี่จุนถิงเองละจะไม่รู้เลยหรือ ?
ในเมื่อเขาเองก็รู้อยู่แล้ว ทำไมถึงยังไม่รักษาระยะห่างกับเคธี่? อีกทั้ง……ยังให้เคธี่ส่งตัวเองในสภาพที่มึนเมากลับมา เขาไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเลยเชียวเหรอ ?
ความคิดของเจียงหยุนเอ๋อลึกลับซับซ้อน และพี่สะใภ้เฉินเองก็สังเกตเห็นรอยลิปสติกบนเสื้อของลี่จุนถิง ทันใดนั้นก็พลันเงียบไป
เมื่อครู่เธอไม่แน่ใจนัก ตอนนี้เห็นรอยลิปสติก แค่คิดก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่เจียงหยุนเอ๋อจะรู้สึกไม่พอใจ
ไม่ว่ายังไง พี่สะใภ้เฉินก็ยังยืนยันความคิดเห็นในมุมมองของตัวเอง
เธอไม่คิดว่าลี่จุนถิงจะทำอะไรที่ผิดต่อเจียงหยุนเอ๋อได้
พี่สะใภ้เฉินรับใช้ตระกูลลี่มานานหลายปี กับนิสัยใจคอของลี่จุนถิงถึงแม้ไม่ได้ถึงขั้นรู้ลึกทะลุปรุโปร่งรู้อะไร แต่ก็รู้อยู่มากไม่น้อย
อีกทั้ง เธอรู้ดีว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่จุนถิงมีใจให้กับใครสักคนอย่างจริงจัง และก็คงจะไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆเป็นแน่
พี่สะใภ้เฉินริมฝีปากขยับไปมา เดิมทีอยากจะพูดเกลี้ยกล่อมอีกสักคำสองคำ แต่เห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อพยุงร่างของลี่จุนถิงขึ้นบันไดไปแล้ว
ภายในใจที่ยังไม่คลายกังวล พี่สะใภ้เฉินคิดไปคิดมา ก็รีบเดินตามหลังไป แล้วพูดว่า:“คุณผู้หญิงค่ะ ตอนนี้คุณกำลังท้องอยู่ ให้ป้าจัดการเถอะค่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อเม้มปากแน่นไม่ได้พูดตอบอะไร มือก็ยังพยุงร่างชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย
พี่สะใภ้เฉินถอนหายใจอย่างเงียบๆ แล้วพยุงร่างของลี่จุนถิงไปพร้อมๆกับเจียงหยุนเอ๋อจนถึงที่หน้าประตูห้องนอน
แม้สภาพของลี่จุนถิงจะเมามายอยู่มาก แต่ก็ยังพอที่จะมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง เขามองไปยังเจียงหยุนเอ๋อ แล้วเอ่ยเรียก :“ที่รัก”
เจียงหยุนเอ๋อตัวแข็งทื่อ เธอก็ไม่รู้ว่าที่ชายหนุ่มกำลังเรียกอยู่นั้นใช่เรียกตัวเธอเองหรือไม่
เพราะ เมื่อครู่เขายังอยู่กับเคธี่อยู่เลย และตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเดิมคนนั้นแต่เปลี่ยนเป็นอีกคนแล้ว ?
แต่ในความเป็นจริง ลี่จุนถิงรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าคือเจียงหยุนเอ๋อ เขาจึงได้มีอาการดั่งที่เห็นและไม่ได้ระวังตัวอะไร แต่เขาไม่รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อในตอนนี้กำลังกังวลใจกับสิ่งใดอยู่
ลี่จุนถิงหันกลับมาเพื่อต้องการที่จะกอดเจียงหยุนเอ๋อ สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อดูจะไม่พอใจเล็กน้อยจึงได้ผลักเขาออกไป เบี่ยงศีรษะออกแล้วพูดว่า:“ตัวคุณมีแต่กลิ่นเหล้า ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ”
ลี่จุนถิงเองไม่ได้คิดมากอะไร หัวเราะแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่หน้าห้องไม่ได้ขยับไปไหน เธอมีอาการงุนงงแล้วยืนมองดูลี่จุนถิงเดินเข้าห้องน้ำไป
ในตอนนี้เอง พี่สะใภ้เฉินเดินเข้ามา แล้วเอ่ยปลอบเสียงเบากับเจียงหยุนเอ๋อไปว่า :“คุณผู้หญิงค่ะ รอยลิปสติกนั่นเหมือนจะเลอะด้วยความไม่ตั้งใจ คุณอย่าเก็บมาคิดมากไปเลยนะคะ ”
เจียงหยุนเอ๋อฝืนยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นบ่งบอกว่ายากที่จะเข้าใจได้อย่างชัดเจน
เวลานอนในตอนกลางคืน ลี่จุนถิงมักจะกอดเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้ตลอด แต่วันนี้เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้กอดลี่จุนถิงเหมือนทุกครั้ง
ลี่จุนถิงเองก็ยังคงมีอาการมึนๆเพราะฤทธิ์เหล้าอยู่บ้าง เอ่ยถามไปว่า :“เป็นอะไรไป?”
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัวเบาๆ :“ไม่ได้เป็นอะไร วันนี้อากาศร้อน……เลย……”
พอได้ยินแบบนั้น ลี่จุนถิงเองแม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร หากเจียงหยุนเอ๋อไม่ยินดี เขาก็ไม่บังคับ แล้วต่างคนก็ต่างนอนหลับไป
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หลับใหลของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อเองกลับนอนไม่หลับ เพียงแค่หลับตาลง ก็จะมีแต่ภาพรอยลิปสติกบนเสื้อของลี่จุนถิงปรากฏอยู่ตรงหน้า
เพราะเหตุนี้ ทำให้เจียงหยุนเอ๋อนอนไม่หลับทั้งคืน จนใกล้จะรุ่งสางถึงได้ผล็อยหลับไป
เพราะนอนหลับไม่สนิท ลี่จุนถิงที่ลุกขึ้นมาก็ทำให้เธอสะดุ้งตื่น เจียงหยุนเอ๋อลืมตาขึ้น ก็พบว่าลี่จุนถิงจ้องมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อละสายตาออกไปโดยแทบจะทันที ลี่จุนถิงก็เอ่ยพูดว่า:“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ คุณนอนต่ออีกสักงีบเถอะนะ”
เจียงหยุนเอ๋อตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็ส่ายหัวไปมา แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง
“เมื่อวานคุณไม่ได้พักผ่อนเหรอ ? ทำไมขอบตาถึงได้คล้ำขนาดนี้ ?”ลี่จุนถิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามออกไป
เมื่อครู่เขาไม่ได้สังเกตมันให้ดี แต่ตอนนี้พบว่าขอบตาของเจียงหยุนเอ๋อนั้นคล้ำลงมากอย่างเห็นได้ชัด
เจียงหยุนเอ๋อตื่นตกใจ กำลังคิดหาคำอธิบายกับลี่จุนถิง แต่ลี่จุนถิงเองก็กลับพูดขึ้นเองว่า:“ เพราะเมื่อคืนผมดื่มจนเมา เลยกวนคุณทั้งคืนใช่ไหม ? ลำบากคุณเลย หยุนเอ๋อ ”
เจียงหยุนเอ๋อไม่ได้คิดมากอะไร ไหนๆลี่จุนถิงก็พูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็เลยตามเลยไปแล้วกัน
“อืม” ยังไงแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับลี่จุนถิงต่อ “ไปเถอะ เราลงไปกินข้าวกัน”
ตลอดช่วงเวลาของอาหารมื้อเช้านั้น เจียงหยุนเอ๋อเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และลี่จุนถิงเองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ของเธอ
บนโต๊ะอาหาร ลี่จุนถิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไปว่า:“หยุนเอ๋อ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนบวกกับมีเรื่องให้ต้องคิด ทำให้ใบหน้าของเธอซีดเซียว พอได้ยินที่ลี่จุนถิงเอ่ยถามเธอก็เพียงส่ายหน้าไปมา:“ไม่เป็นไรค่ะ”
ลี่จุนถิงที่คิ้วขมวดเป็นปม ไม่รู้จะพูดอะไรดี จากนั้นก็ได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดต่อไปว่า:“ต่อไปคุณออกไปสังสรรค์ข้างนอกก็อย่าดื่มหนักแบบนี้อีกนะคะ มันเสียสุขภาพ”
ลี่จุนถิงรีบพยักหน้ารับทันที เขาคิดว่าเจียงหยุนเอ๋อคงโกรธเขาเพราะเรื่องนี้:“ได้ครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
พี่สะใภ้เฉินเองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อลุกออกจากโต๊ะไปแล้วเธอเดินเข้าไปหาลี่จุนถิง แล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ชายหนุ่มฟัง
ในเวลานี้เอง ลี่จุนถิงถึงได้เข้าใจ แล้วรีบไปที่ห้องเพื่ออธิบายกับเจียงหยุนเอ๋อ
“หยุนเอ๋อ เมื่อวานไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ได้โปรดคุณต้องเชื่อใจผมนะ” ลี่จุนถิงเอ่ยกล่าวด้วยความจริงใจ การแสดงออกของเขาเป็นไปด้วยความระมัดระวัง
เขาไม่ต้องการให้เจียงหยุนเอ๋อสงสัยในตัวเขา
เจียงหยุนเอ๋อตกตะลึง แม้เธอจะไม่รู้ว่าลี่จุนถิงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่พอเห็นท่าทีที่จริงจังของลี่จุนถิงแล้ว เธอก็ใจอ่อนลงมาได้บ้าง
หรือบางที มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดก็ได้……
สุดท้ายแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็พยักหน้ารับ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกไปว่า:“ฉันหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะลงโทษคุณให้คุกเข่าสำนึกผิดบนกระดานซักผ้าซะ ”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อยังมีอารมณ์มาพูดเล่นกับตัวเองแบบนี้ ลี่จุนถิงเองก็คลายกังวลลงไปไม่น้อย :“ได้ครับ”
หลังออกจากบ้านระหว่างทางที่จะไปบริษัท ใบหน้าของลี่จุนถิงก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งเย็นชาขึ้นมา