Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่ - บทที่ 738 จะตกอยู่ในอันตราย
ลี่จุนถิงสืบอยู่หลายวัน แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไร แม้แต่ลี่จุนถิงเองก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก เพราะเขาไม่เคยเจอเรื่องที่ยากขนาดนี้มาก่อน
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนถิงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ภายในใจของเธอรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากแต่ก็ไม่ได้เร่งเร้าลี่จุนถิง เพราะเธอรู้ดีว่าลี่จุนถิงกดดันอย่างมาก
วันนี้ เจียงหยุนเอ๋อกำลังฝึกความรู้พื้นฐานให้ถวนจื่ออยู่นั้น จู่ๆก็มีคนโทรมา ปลายสายบอกว่าต้องการเจอเธอ
“คุณเป็นใครคะ?” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกแปลกใจอย่างมาก คนๆนี้ไม่บอกว่าตนเป็นใคร เอาแต่บอกว่าจะเจอเธอแค่คำเดียว
“ฉันถือว่าเป็นคนในครอบครัวของแม่เธอ อยากรู้ข่าวคราวของแม่เธอก็มาหาฉัน”
ปลายสายพูดจบก็บอกที่อยู่ให้เจียงหยุนเอ๋อ จากนั้นตัดสายไป
เจียงหยุนเอ๋ออยากจะถามคำถามอื่น แต่ก็ถูกตัดสายอย่างไม่ทันตั้งตัวเพราะโม่เสี่ยวฮุ่ยกำลังพักผ่อน เจียงหยุนเอ๋อรีบตามป้าเฉินมา ให้เธอช่วยดูแลกุ่นกุ่นเจ้าน้อย จากนั้นก็บอกกับเธอคำหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป
สถานที่ที่ใครคนนั้นนัดอยู่ไม่ห่างจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเท่าไหร่ หลังจากเจียงหยุนเอ๋อเข้าไป มองดูรอบๆหนึ่งรอบ พบว่ามีคนกำลังโบกมือให้ตน
หลังจากเจียงหยุนเอ๋อเห็น ก็เดินไป เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้รู้จักเธอ
หลังจากที่เธอนั่งลง มองดูอย่างพิจารณา มั่นใจว่าก่อนหน้านี้ตนไม่เคยเจอคนๆนี้มาก่อน
ผู้ชายคนนี้ยังหนุ่มมาก ดูแล้วน่าจะอายุพอๆกับลี่จุนถิง ระหว่างคิ้วหล่อมาก หน้าตาก็ดูเคร่งขรึม ใบหน้าและกรามดูคมชัด
มองจากภาพลักษณ์ภายนอกไม่ค่อยมีระเบียบเท่าไหร่ ผมสีดำสนิท ดวงตาคมกริบทว่าเรียวยาวเหมือนดอกท้อ แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความดูถูก ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
หลังจากเจียงหยุนเอ๋อสั่งชาผลไม้หนึ่งแก้ว เธอก็พูดขึ้นก่อน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมาหาฉันมีธุระอะไร? คุณบอกว่ามีคุณมีข่าวคราวของแม่ ตอนนี้บอกฉันได้รึยังคะ?”
ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน หลังจากเจียงหยุนเอ๋อเห็น ภายในใจของเธอรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก ขมวดคิ้วเป็นปม แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม
“ข่าวคราวเหรอ แน่นอนว่ายังบอกไม่ได้ ขอแค่คุณเอาของออกมา ผมก็จะบอกคุณ”
ได้ยินว่าให้ตนเอาของออกมา เจียงหยุนเอ๋อไม่เข้าใจอย่างมาก “ของอะไรคะ?”
ผู้ชายคนนี้คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อรู้ดีแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ หัวเราะในลำคอ
“ของที่แม่ของคุณให้คุณ”
“ของที่แม่ของฉันให้ฉัน?” เจียงหยุนเอ๋อสับสนยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งคนๆนี้ก็ไม่ยอมพูดกับเธอ ทำเหมือนว่าถ้าพูดกับเธอแล้วราคาจะตกอย่างไรอย่างนั้น เวลาพูดหนึ่งประโยคก็ดูนอกเรื่องไปหนึ่งประโยค
เมื่อเป็นแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“หึ คุณจำเอาไว้ ถ้าไม่มีของสิ่งนั้น แม่ของคุณก็อย่าคิดว่าจะได้กลับมาอีก”เจียงหยุนเอ๋อได้ฟังก็เป็นกังวลขึ้นมาทันที “ฉันไม่รู้จริงๆว่าของสิ่งนั้นที่คุณพูดถึงคืออะไร แล้วพวกคุณทำอะไรกับแม่ของฉันกันแน่? คุณให้ฉันได้เจอกับแม่ก่อนได้ไหม?”
“ฉันต้องมั่นใจก่อนว่าท่านอยู่ในมือคุณรึเปล่า ถ้าหากคุณหลอกฉันล่ะ?”
ตอนนี้เจียงหยุนเอ๋อไม่แม้แต่จะสามารถยิ้มบางๆได้ ร้อนใจจนน้ำตาแทบจะรินไหลออกมาแล้ว
“หลอกคุณ? ผมไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระกับคุณที่นี่ ผมไม่แคร์ว่าคุณจะไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ ถึงอย่างไรคุณก็ตอแหลกับผมต่อไปได้ แต่แม่ของคุณจะกลับมาในสภาพที่ดีได้รึเปล่านั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อย่างชัดเจน ความอดทนของผู้ชายคนนี้ถูกเจียงหยุนเอ๋อบั่นทอนไปไม่น้อยแล้ว
ทิ้งคำพูดเอาไว้แล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป “ผมให้เวลาคุณคิดอีกสามวัน”
“คุณอย่าไปสิ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณชื่ออะไร อีกเรื่องหนึ่งคุณพักอยู่ที่ไหน? ถ้าหากฉันเจอของที่คุณต้องการแล้วฉันจะติดต่อคุณได้ยังไง”
เจียงหยุนเอ๋อเองก็ลุกขึ้น รีบตามเขาออกไปด้วยความร้อนใจ
ผู้ชายคนนั้นยืนนิ่ง ไม่หันกลับมา หยิบนามบัตรออกมาจากเสื้อแล้วโยนลงบนพื้น จากนั้นก็เดินสาวเท้าออกไป
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาทำงาน แต่ในคาเฟ่แห่งนี้ยังมีคน อีกทั้งในสายตาของคนนอก มองดุแล้วทั้งสองกำลังทำข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง สายตาที่มองเจียงหยุนเอ๋อไม่ดีเท่าไหร่นัก
แต่ในเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถสนใจอะไรมากมายแล้ว รีบหยิบนามบัตรที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
นามบัตรเป็นสีทอง ดูแล้วมีระดับอย่างมาก ด้านบนมีแค่ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีตำแหน่งและชื่อบริษัท ดูจากเบอร์โทรศัพท์แล้วน่าจะเป็นเบอร์ที่ทำงาน
ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อซูซีหลี่ นามสกุลเดียวกับแม่ของเธอซูม่านลี ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ก็เป็นความจริง อีกทั้งดูจากท่าทีของคนๆนั้นแล้ว ไม่เหมือนคนที่สร้างเรื่องมาหลอกเธอ
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เจียงหยุนเอ๋อเดาว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกชายของพี่ชายหรือน้องชายของแม่เธอ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นลูกพี่ไม่ก็ลูกน้องของเธอ
เจียงหยุนเอ๋อถือนามบัตรเอาไว้ ยืนขมวดคิ้วอยู่ที่เดิม เม้มปากแน่น สายตาที่คนรอบๆมองดูเธอก็ยิ่งแปลกไปกว่าเดิม
ทนัใดนั้นเองก็มีเสียงแตรดังขึ้น เจียงหยุนเอ๋อดึงสติกลับมา เธอมองดูรอบๆ กลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะแล้วไปบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
สำหรับการมือของเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงตกใจอย่างมาก อีกทั้งสีหน้าของเธอยังดูเป็นกังวลอย่างมาก รู้ทันทีว่าเธอน่าจะมีข่าวคราวของซูม่านลี่แล้ว
“จุนถิง จุนถิง……”
ลี่จุนถิงลุกขึ้น พยุงเธอไปนั่งที่โซฟา เติมน้ำหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้เธอ “ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ พักหายใจแล้วค่อยพูด”
เจียงหยุนเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดื่มน้ำหนึ่งอีก “จุนถิง ฉันได้ข่าวของแม่แล้วค่ะ”
“อย่าเพิ่งใจร้อน ค่อยๆพูด”
“เมื่อกี้ฉันไปเจอผู้ชายคนหนึ่งมา เขาบอกว่าเขาเป็นคนในครอบครัวของแม่ ทันทีที่ฉันเจอกับเขา เขาก็บอกให้ฉันเอาของออกมา แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าของที่เขาพูดถึงคืออะไร”
“หลังจากนั้น เขาก็โยนนามบัตรให้ฉันแล้วก็ออกไป สำหรัรบแม่ เขาพูดแค่คำเดียว ถ้าฉันไม่เอาของสิ่งนั้นให้เขา แม่ก็จะตกอยู่ในอันตราย”
“จุนถิง ทำยังไงดีคะ? ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาพูดถึงอะไร”
สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเต็มไปด้วยความกังวล ภายในใจของเธอเป็นห่วงซูม่านลี
“นามบัตรละครับ? ให้ผมดูหน่อย”
“อ่อๆๆ อยู่นี่ค่ะ ฉันใจร้อนไปหน่อย เลยลืมเอาให้คุณดู” เจียงหยุนเอ๋อรีบหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงมองดูชื่อบนนามบัตร ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วครุ่นคิด ไม่มีชื่อนี้ในความคิดของเขา
เจียงหยุนเอ๋อนั่งอยู่ข้างๆ มองดูสีหน้าเคร่งขรึมของลี่จุนถิง ก็ยิ่งเป็นกังวล เม้มปากแล้วกลืนน้ำลายไม่หยุด
“หยุนเอ๋อ คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ ผมไปสืบเรื่องของคนๆนี้ดูหน่อย สองสามวันนี้ถ้าไม่มีธุระอะไรไม่ต้องออกจากบ้านแล้วนะครับ เรื่องของคุณแม่ยายผมจะจัดการเอง”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
ลี่จุนถิงลุกขึ้นแล้วส่งเจียงหยุนเอ๋อไปที่รถ ประทับจุมพิตลงบนหน้าผากของเธอ “ไม่ต้องกังวลนะครับ มีผมอยู่”