Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 1053 ภาพสะท้อนไท่ซางโบราณ
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 1053 ภาพสะท้อนไท่ซางโบราณ
เหย้เฟิงกล่าวว่า: “หมอนี่เหมือนกับเข้าใจบางสิ่ง ฉันรับรู้ถึงเขาหดหู่น้อยลงจากก่อนหน้านี้นะ”
เหย้หมิงพูดอย่างประหลาดใจว่า:“ไม่ได้เว่อร์ขนาดนั้นหรอกมัง? หมอนี่ทะลวงถึงแดนทะลุเทพหนึ่งวังยังไม่ถึงครึ่งเดือนนี่? แค่นี้ก็มีความเข้าใจใหม่แล้วงั้นเหรอ?”
เหย้เฉิงมองไปที่พวกเขาทั้งสองด้วยสีหน้าที่งุนงง
ฉันฟังพลาดไปหรือเปล่า?
คำพูดของโจวเฉิงเมื่อสักครู่ก็ปกตินี่?
ทำไมถึงทำให้เย่เซิ่งเทียนมีความเข้าใจใหม่ล่ะ?
โจวเฉิงกล่าวต่อ: “แดนเทพ ข้อที่ได้เปรียบที่สุด คือเข้าใจกฎ และกฎ ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่คนแดนเทพเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้ แดนเป็นสิ่งคงที่ คนเป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่ แดนไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ในยุคของพวกเรา แดนของผู้แข็งแกร่งก็ไม่ได้สูงมาก แต่ทรงพลังมาก คนที่แดนต่ำกว่าแดนเทพฆ่าคนแดนเทพ เทพฆ่าเซียน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงแดนนั้นแล้วค่อยไปบำเพ็ญตน”
เย่เซิ่งเทียนถามด้วยความสงสัยว่า: “แล้วกฎคืออะไรล่ะ?”
โจวเฉิงกล่าว: “ที่เรียกว่ากฎ ก็เป็นแค่กฎฟ้าดิน และทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติเพียงเท่านั้น เกิดแก่เจ็บตาย ฤดูกาลผันผ่านมันก็ยังเป็นกฎ ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุด นั่นคือกฎของโลก ควบคุมคนว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ นี่ก็คือกฎที่ง่ายที่สุด วางไว้ในหลักธรรม ดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิร่วงหล่น ฟ้าแลบฟ้าผ่า เป็นต้น กฎของโลกควบคุมผู้คน กฎแห่งสวรรค์และโลกควบคุมสรรพสัตว์ทั้งหมด”
เย่เซิ่งเทียนเข้าใจในทันที เมื่อก่อนไม่มีใครบอกสิ่งเหล่านี้ให้เขาฟัง
ทุกอย่างทำได้เพียงพึ่งความเข้าใจของตน ก็ไม่เหมือนวัยรุ่นเหล่านั้นในตระกูลลี้ลับมีคนมาคอยชี้นำ เขาเดินมาถึงวันนี้ ล้วนแล้วก็พึ่งความเข้าใจของตัวเองทั้งหมด
ดังนั้นโจวเฉิงจึงเขี่ยเล็กน้อย และเย่เซิ่งเทียนเปรียบเสมือนสายฝนหลังจากความแห้งแล้ง มองเห็นสว่างในความมืดมิด
ความสงสัยเหล่านั้นในก่อนหน้านี้ ได้คลายลงในทันที
ที่เรียกว่าได้ฟังประสบการณ์ เหมือนได้เรียนรู้จากการอ่านหนังสือมา 10 ปี ที่พูดมาก็มีเหตุผล
ไม่ใช่พูดคำเดียวก็เหนือกว่าการอ่านหนังสือ 10 ปี และเมื่อติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มีคนขยับเล็กน้อย ชีวิตก็จะกลับคืนสู่ความปกติสุข ความจริงได้กระจ่างแจ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เย่เซิ่งเทียนปิดตาทั้งคู่ และไม่ขยับ
เหย้หมิงถามด้วยความสงสัย: “หมอนี่เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าจะถูกจิตมารครองงำหรอกนะ?”
เหย้เฟิงพูดอย่างครุ่นคิดว่า: “เขา เหมือนว่าจะกำลังจะเข้าสู่เต๋า!”
“เข้าสู่เต๋าเหรอ?”
เหย้เฉิงใจสั่นสะท้าน จ้องมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความเหลือเชื่อ
เข้าสู่เต๋า เข้าใจกฎ นั่นไม่ใช่ว่าเป็นแดนทะลุเทพหรอกเหรอถึงจะทำได้?
ตอนนี้เย่เซิ่งเทียนเป็นเพียงแดนทะลุเทพหนึ่งวังเท่านั้น ทำไมเขาถึงสามารถเข้าสู่เต๋าได้ล่ะ
หรือว่าจะเป็นโจวเฉิง?
ดวงตาทั้งหกของทั้งสามคนจับจ้องไปที่โจวเฉิง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
เย่เซิ่งเทียนเป็นเพียงแค่แดนทะลุเทพหนึ่งวังเท่านั้น และพวกเขาทั้งสามคนเป็นแดนทะลุเทพเก้าวังแล้ว ถ้าโจวเฉิงสามารถให้คำชี้แนะได้ งั้นพวกเขาจะไม่ยิ่งทะลวงผ่านได้ง่ายกว่าเย่เซิ่งเทียนอีกเหรอ?
“ผู้อาวุโส……”
เหย้เฉิงยังไม่ทันได้พูด โจวเฉิงก็หันหลังกลับและเดินไปยังโถงข้างหลัง โดยไม่สนใจพวกเขา
ทั้งสามคนรู้สึกลำบากใจแล้ว
มาพร้อมกันทั้งนั้น ทำไมถึงมีความแตกต่างมากขนาดนี้?
สามารถชี้แนะเย่เซิ่งเทียนได้ ทำไมถึงไม่สามารถแนะนำเราได้ล่ะ?
ทั้งสามคนมองเย่เซิ่งเทียน นั่นเรียกว่าอิจฉาริษยาเกลียดชัง
หมอนี่ดวงดีเกินไปแล้ว
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะต้องตายแน่ ผลสุดท้ายคนที่ตายคือชายชุดดำ
เมื่อสักครู่โจวเฉิงเพิ่งจะพูดอะไรบางอย่าง เจ้าหมอนี่ก็เข้าสู่เต๋าเลย
นี่ยังจะให้คนมีชีวิตอยู่ต่ออีกไหม?
หดหู่ชะมัดเลย!
“พี่ชาย? งั้นเราทำยังไงดี?”
เหย้หมิงถามด้วยความงุนงง
“รอเถอะ”
เหย้เฉิงถอนหายใจ คนที่ชอบเปรียบเทียบกับใครต่อใคร ช่างน่าโมโหนัก
ในขณะเดียวกัน ด้านนอก
พญาดำและคนอื่นๆก็มาถึงแล้ว
ตระกูลลี้ลับก็มีคนมาไม่น้อย ในหมู่พวกเขายังมีคนอายุน้อยอยู่บ้าง ซึ่งมาหาประสบการณ์จากผู้อาวุโส
ผู้นำตระกูลสองสามตระกูล ในดวงตามีความเกลียดชังอยู่เล็กน้อย
เหล่าจู่ของตระกูลพวกเขา เมื่อก่อนตามฆ่าเย่เซิ่งเทียน แต่กลับตายในเงื้อมมือของเย่เซิ่งเทียน
การมาครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการฆ่าเย่เซิ่งเทียน
และยังมีบางตระกูล อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจ เหล่าจู่ตระกูลของพวกเขามาถึงนานแล้ว ตอนนี้น่าจะเข้าไปแล้วมั้ง? จะต้องได้ของดีไม่น้อยแน่นอน
ผู้คนต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
“ภาพสะท้อนไท่ซางโบราณปรากฎ วิหารปีศาจกำลังจะเปิดแล้ว!”
พญาดำจ้องมองไปบนอากาศ แสงสีรุ้งค่อยๆปรากฎขึ้น
ภาพลวงตาของภูเขาทวยเทพราวกับภาพ ค่อยๆปรากฎขึ้น
ภูเขาสูงหลายพันฟุต สูงกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ของจริง มองไม่เห็นยอดเขา
เพียงแค่ภาพลวงตาปรากฎ ทำให้คนรู้สึกถึงความกดดันอย่างมาก
ภาพสะท้อนไท่ซางโบราณ ปรากฎตัวขึ้นแล้ว!