Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 650 ฝืนยิ้ม
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 650 ฝืนยิ้ม
หลี่กั๋วหรงถอนหายใจ และไม่สามารถหาข้อแก้ตัวแทนเย่เซิ่งเทียนได้
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเย่เซิ่งเทียนจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ แต่คือเย่เซิ่งเทียนและหลี่เย็นหรานมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว และถูกหวางซีจับได้คาหนังคาเขาบนเตียง
นี่คือสิ่งที่หวางซีรับไม่ได้จริง ๆ
หากหวางซีไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถอธิบายและผ่านไปได้
แต่หวางซีเห็นทั้งหมดนี้ด้วยตาตนเอง และได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
หลี่กั๋วหรงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดเรื่องมากมายกับตระกูลหลี่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า แต่ก็มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
ประกอบกับเมื่อวานลูกชายคนโตของเขาถูกพวกผู้อาวุโสยุยงและทำการยึดอำนาจจนสำเร็จ ซึ่งมันเป็นการทำร้ายจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก
และตอนนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก สำหรับเขาแล้วมันเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
“เฮ้อ”
หลี่กั๋วหรงส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น เหลือบมองซือซือที่วิ่งเข้ามาในห้องและกล่าวด้วยความยากลำบากว่า “แล้วซือซือล่ะ ทำอย่างไรดี? ลูกจะเฝ้ามองพวกเขาสองคนหย่ากันแบบนี้เหรอ?”
หลี่หลานกล่าวด้วยความผิดหวังที่ไม่ได้ดังที่คาดหวัง “ซีเอ๋อร์ได้รับความสะเทือนใจมาก และตอนนี้เธอแค่ต้องการหย่ากับไอ้สัตว์เดรัจฉานเท่านั้น แต่ตอนนี้ทะเบียนสมรสอยู่ที่เมืองเฉียนถัง และคาดว่าการหย่าร้างจะใช้เวลาพอสมควร หนูแค่สงสารซือซือเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ และในที่สุดซือซือก็สามารถยิ้มออกมาได้ แต่กลับต้องเผชิญกับการหย่าร้างของพ่อแม่อีก ตอนนี้ทำได้เพียงปิดบังซือซือไว้ก่อน รอให้เธอเติบโตขึ้นหน่อยแล้วค่อยบอกเธอ”
“ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้”
หลี่กั๋วหรงหลังค่อมและเดินโซเซเข้าไปในห้อง เขาเห็นหวางซีมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาลูบศีรษะของเธอด้วยความปวดใจ และกล่าวว่า “หลานของตา ลำบากหนูแล้ว”
“คุณตา หนูไม่เป็นไร หนูชินแล้วค่ะ”
หวางซีหันกลับมาและพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นน่าเกลียดกว่าการร้องไห้เสียอีก
ทำให้มือของหลี่กั๋วหรงสั่นขึ้นมาและกล่าวว่า “หลานเอ๊ย ถ้าหนูอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ อย่าเก็บไว้ในใจ เรื่องทุกอย่างมีทางออกเสมอ”
หวางซีส่ายศีรษะและฝืนยิ้ม “คุณตา ไม่ต้องกังวล หนูไม่เป็นไร หนูจะไม่เสียน้ำตาให้เขาอีก!!”
หัวใจของหลี่กั๋วหรงสั่นสะท้าน เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาถอนหายใจยาวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้หลี่กั๋วหรงดูเหมือนจะแก่ในชั่วเวลาข้ามคืน
สีหน้าไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และไม่มีความกระปรี้กระเปร่า หลังค่อมลงและผมขาวราวกับหิมะ
ผู้นำตระกูลหลี่ที่ฉลาดหลักแหลมคนนั้นหายไปแล้ว ถูกแทนที่โดยชายชราที่เป็นเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง
เมื่อเดินมาถึงห้องหนังสือของตนเอง หลี่กั๋วหรงก็โทรศัพท์เรียกเย่เซิ่งเทียนมา
เขายังคงคิดที่จะพยายามเพื่อไม่ให้พวกเขาสองคนเดินไปถึงจุดนั้น มิเช่นนั้น เมื่อเสียใจภายหลังมันก็อาจจะสายเกินไปแล้ว
“คุณท่าน ท่านเป็นอะไร…….”
เมื่อเย่เซิ่งเทียนเห็นท่าทางของหลี่กั๋วหรงแล้ว เขาแอบตกใจ เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่พบกัน ตอนนี้คุณท่านดูเหมือนจะเป็นคนละคน
หลี่กั๋วหรงถอนหายใจ “เมื่อคนแก่แล้ว ก็จะเป็นแบบนี้แหละ การที่ตาเรียกนายมาเพื่ออยากบอกนายว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายและซีเอ๋อร์จะเดินมาถึงจุดนี้ ตาไม่ต้องการให้พวกเธอหย่าแล้วเสียใจในภายหลัง ตารู้ว่านายเป็นคนดี และเรื่องนั้นอยู่เหนือการควบคุมของนาย ตอนนี้ซีเอ๋อร์แค่ดันทุรังเท่านั้น และยังไม่สามารถยอมรับได้ ตาหวังว่านายจะไม่โกรธเธอ ตอนนี้เธอยังมีอารมณ์โกรธอยู่ เมื่อเธอหายโกรธแล้ว นายค่อยมาง้อเธอ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง”
เย่เซิ่งเทียนส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ผมไม่ได้โกรธซีเอ๋อร์ คุณท่าน ผมถูกใส่ร้าย ท่านเชื่อผมหรือเปล่า?”
หลี่กั๋วหรงถามด้วยความสงสัย “หรือว่าเย็นหรานวางยานายจริง ๆ?”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผมยังไม่รู้อย่างชัดเจน แต่ผมดื่มเหล้าเพียงแค่สองแก้วแล้วก็เมา ผมรู้ว่าตนเองสามารถดื่มเหล้าได้มากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นผมยังเป็นนักบู๊ นอกจากเรื่องวางยาแล้ว ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออก”
ริมฝีปากของหลี่กั๋วหรงสั่น อดทนต่อความโกรธของตนเอง และกล่าวว่า “แล้วนายคิดว่าเย็นหรานเป็นคนวางยาใช่ไหม?”
เย่เซิ่งเทียนส่ายศีรษะและพูดว่า “ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสร้างเล่นเกมนี้ขึ้นมา เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะใส่ยาลงไปในเหล้าแก้วขณะที่พวกเราไม่อยู่ มีความเป็นไปได้ที่ตัวหลี่เย็นหรานเองก็มีปัญหาเช่นกัน และผมก็เป็นหมอด้วย ทักษะทางการแพทย์ของผมนั้นก็ไม่ธรรมดา แต่ตอนที่ดื่มเหล้าสองแก้วนั้น ผมไม่ได้รู้สึกมีอะไรผิดปกติ และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสงสัย”