Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 698 กู่ชางหลง
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 698 กู่ชางหลง
“พ่อ”
กู่ฉิงฉิงมองพ่อตนเองด้วยความกังวล ตอนนี้บุคคลสำคัญของครอบครัวลูกชายคนรองถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าตายหมดแล้ว
ถ้าเช่นนั้นการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลเซียวก็สามารถยกเลิกได้แล้ว
“รอพ่อกลับมา เฝ้าคนของครอบครัวลูกชายคนรองไว้ให้ดี”
กู่เหอสั่งเบา ๆ
กู่ฉิงฉิงพยักหน้า เธอรู้สึกว่าดูเหมือนพ่อจะเปลี่ยนไป อารองและปู่รองเสียชีวิตแล้ว แต่สีหน้าของพ่อกลับผ่อนคลาย แต่เธอไม่รู้ว่าตนเองมองผิดหรือเปล่า
“เหล่าจง ที่นี่มอบให้เป็นหน้าที่ของคุณ”
กู่เหอส่งสายตา ให้เขาเฝ้าคนของครอบครัวลูกชายคนรองให้ดี
จงฮั่นพยักหน้าแสดงเข้าใจแล้ว ถึงแม้กู่เต้าหมิงกับกู่ชวนจะตายไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะการแย่งชิงอำนาจมันไม่ง่ายขนาดนั้น
ครอบครัวลูกชายคนรองครอบครองอำนาจมาหลายสิบปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมวางมือแบบนี้ เพราะมันเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ส่วนรวมมานานแล้ว ต้องควบคุมไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใหญ่
“วางใจเถอะ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เย่เซิ่งเทียนยิ้มเบา ๆ และให้หนิงเจ๋อฮ่าวอยู่ช่วยเหลือ
ท่านหวังกับท่านหลิวต่างมองไปที่กู่เหอ เดิมทีพวกเขาเป็นสมาชิกของครอบครัวลูกชายคนรอง ตอนนี้กู่เต้าหมิงกับกู่ชวนตายไปแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
กู่เหอเป็นหุ่นเชิดมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีการแผนการของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับครอบครัวลูกชายคนรองแล้ว ยังไม่มีความสำคัญเพียงพอให้เอ่ยถึง
กล่าวได้ว่าปัญญาชนของตระกูลกู่ ส่วนใหญ่เป็นคนของครอบครัวลูกชายคนรอง หากพลังอำนาจของกู่เหอสามารถสยบคนเหล่านี้ได้ เขาคงลงมือนานแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้แล้วอาศัยพลังจากภายนอกทำไม?
“ผู้นำตระกูลกู่ ไปกันเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนมองกู่เหอด้วยความหยอกล้อ คนเจ้าเล่ห์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะปานกลาง แต่ทักษะการแสดงของเขานั้นสมบูรณ์แบบจริง ๆ
ผ่านมาหลายปี แต่คนครอบครัวลูกชายคนรองกลับมองไม่ออกว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก
“ฮึ่ม”
กู่เหอยังคงแสดงละครอยู่ พ่นลมออกมาอย่างเย็นชา แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้องห้าม
ตาแก่นี่แสดงละครเก่งจริง ๆ
ถ้าไม่ให้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแก่เขา จะเป็นการผิดต่อทักษะการแสดงของเขา
เมื่อคนของตระกูลกู่มองไม่เห็นพวกเขาแล้ว กู่เหอถึงได้หยุดเดินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเทพ คราวนี้ขอบคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากคุณ ตระกูลกู่คงจะจบสิ้นแล้วจริง ๆ”
กู่เหอไม่ได้รู้สึกเก้อเขินอายแม้แต่น้อย หลังจากแสดงมาหลายปี หน้าของเขาก็หนากว่าของทุกอย่างแล้ว และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถ้ากู่ชวนและคนอื่น ๆ สามารถทำให้ตระกูลกู่เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ ผมก็จะไม่ทำแบบนี้”
“ตอนแรกผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้จริง ๆ เพราะทุกคนล้วนเป็นคนของตระกูลกู่ ขอเพียงแค่ตระกูลกู่สามารถเจริญรุ่งเรืองก็พอแล้ว แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลกู่ตกต่ำขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่สามารถทนดูตระกูลกู่ถูกพวกเขาทำลายได้ ผมจึงทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวด ไม่ว่าจะอย่างไร ความร่วมมือของพวกเราครั้งนี้ตกลงโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายใช่มั้ย?”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวหยอกล้อว่า “เท่าที่ผมรู้เจ็ดตระกูลเก่าแก่ได้รวมกันเป็นพันธมิตรแล้ว ตอนนี้พวกเขากับขุนหลวงเป็นเหมือนน้ำกับไฟ ถ้าตระกูลกู่ของคุณเปลี่ยนข้าง เกรงว่าพวกคุณจะถูกพวกเขาฉีกเป็นชิ้น ๆ?”
กู่เหอกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้เจตนารมณ์สวรรค์ไม่ได้อยู่ข้างเจ็ดตระกูลเก่าแก่แล้ว นี่เป็นการทำลายตนเองให้วิบัติลง ผมคิดว่าเจ็ดตระกูลเก่าแก่ควรปฏิบัติตามคำสั่งของบรรพบุรุษ สละอำนาจทางโลกฆราวาสแล้วอ่อนน้อมถ่อมตน และการทำเช่นนี้ถึงจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ การที่เจ็ดตระกูลเก่าแก่ดำรงอยู่มาหลายร้อยปี ก็เพราะความอ่อนน้อมถ่อมตน”
“ตอนนี้คนเหล่านี้ไม่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องการตำแหน่งนั้น แล้วพวกเขาจะไม่พ่ายแพ้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเจ็ดตระกูลเก่าแก่สร้างความโกลาหลวุ่นวาย มันจะเป็นหายนะของต้าเซี่ย ตอนนั้นพ่อของผมเสียชีวิตจากการก่อตั้งประเทศนี้ แล้วผมจะขัดเจตนารมณ์ของพ่อได้อย่างไร ปล่อยให้พวกเขาสร้างความโกลาหลวุ่นวายอีก”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าตระกูลกู่สามารถเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่เข้าไปยุ่งกับอำนาจทางโลกฆราวาส ถ้าให้ตระกูลกู่กับขุนหลวงเสพสุขพร้อมกัน แล้วไงล่ะ? ในฐานะนักบู๊ สิ่งที่พวกเราแสวงหาไม่ใช่อำนาจทางโลกฆราวาส ซึ่งตอนนี้คนเหล่านี้ถูกอำนาจบังตา ละเลยสิ่งสำคัญและสนใจแต่ผลประโยชน์เล็กน้อยเท่านั้น ช่างเป็นคนที่โง่เขลาจริง ๆ”