Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 700 ไอ้แก่ไม่ใช่คนดี
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 700 ไอ้แก่ไม่ใช่คนดี
กู่เหอหุบปากด้วยความอึดอัด ถ้าเขาเป็นเด็ก เขายังสามารถออดอ้อนได้ ตอนนี้เขาอายุห้าหกสิบปีแล้ว เขาไม่มีหน้าจะออดอ้อนแบบนั้น
เย่เซิ่งเทียนไม่แยแส ยกน้ำชาขึ้นจิบแล้วกล่าวว่า “ฆ่าตายไปแล้วมันก็ตายแล้ว เพียงแค่ฆ่าแกะดำของตระกูลกู่ไปสองคนเท่านั้น ถ้าคุณไม่สามารถแม้แต่จะมองทะลุจุดนี้ได้ ถ้าเช่นนั้นการที่คุณมีชีวิตอยู่สองร้อยกว่าปีนี้ก็เปล่าประโยชน์แล้ว คุณมีอะไรก็บอกมาตามตรง อย่าวกไปวนมา ผมไม่มีอารมณ์ฟังคุณพูดเรื่องพวกนี้”
“เจ้าหนู คุณใจกล้ามาก! ที่กล้าพูดแบบนี้กับผม คุณไม่กลัวว่าผมจะตบคุณตายด้วยฝ่ามือเดียวเหรอ?”
หลังจากกู่ชางหลงกล่าวจบ รัศมีฆ่าที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นในห้องหิน
กู่เหอตกใจจนหน้าซีด
เย่เซิ่งเทียนไม่แยแสแม้แต่น้อย “ถ้าไม่ใจกล้า แล้วจะกล้าฆ่าคนในตระกูลกู่ของคุณได้อย่างไร? ในเมื่อผมเซิ่งเทียนมาที่นี่แล้ว ก็ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เช่นกัน”
กู่ชางหลงจ้องมองเย่เซิ่งเทียนเป็นเวลานาน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่เสียแรงที่เป็นเหลนของเย่หลง กล้าหาญและนิสัยเหมือนกับเย่หลง เมื่อเห็นคุณแล้ว เหมือนกับเห็นเย่หลงในตอนนั้น เขาเป็นคนที่มีความสามารถในรุ่นนั้นเช่นกัน”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ผมไม่สนิทกับเขา ผมทรยศตระกูลเย่แล้ว สำหรับพวกเขาแล้ว ผมเป็นลูกอกตัญญูที่ฆ่าพ่อ เป็นคนที่ไร้คุณธรรมและจริยธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะถูกผมทำให้โมโหตาย เพราะผมทุบแผ่นป้ายสดุดีเพียงชิ้นเดียวของเขาแตกไปแล้ว”
นึกไม่ถึงว่ากู่ชางหลงจะหัวเราะเสียงดัง ตบไหล่เย่เซิ่งเทียนเบา ๆ และกล่าวว่า “ตามที่ผมรู้จักนิสัยของเขาแล้ว ถ้าเย่หลงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะทำโหดเหี้ยมมากกว่าคุณ และพ่อที่ไม่กล้ายอมรับความจริงคนนั้น คงจะถูกเขาตบตายด้วยฝ่ามือเดียว ทายาทที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แต่กลับถูกไล่ออกจากตระกูล และเกือบจะเสียชีวิต ถ้าเย่หลงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะโมโหตายอย่างแน่นอน”
จากนั้นเขาก็มองไปที่กู่เหออีกครั้ง “หลานชายสุดที่รัก ปูไม่สนใจว่าแกใช้วิธีอะไรจนสามารถยึดอำนาจได้สำเร็จ ตอนนี้ตระกูลกู่เป็นของแกแล้ว ไม่ว่าแกจะสามารถแบกรับภาระนี้ได้หรือไม่ แกต้องแบกรับ ปูเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อก่อนปู่ก็ไม่เคยยุ่งเรื่องของตระกูลกู่ ต่อไปก็จะไม่ยุ่งเช่นกัน จะสืบทอดต่อไปหรือล่มสลาย ก็แล้วแต่การกระทำของพวกแก”
คำว่าหลานชายสุดที่รักคำนี้ ทำให้กู่เหอรู้สึกว่ากำลังด่าเขา แต่เขาไม่มีหลักฐานใด ๆ ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยความจำใจว่า “ผมคิดจะให้ตระกูลกู่ละทิ้งอำนาจทางโลกฆราวาส….. ”
กู่ชางหลงโบกมือด้วยความหงุดหงิดและกล่าวว่า “แกจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของแก ไม่ต้องมาบอกปู อย่าเอาเรื่องพวกนี้มารบกวนปู่ การที่ปู่เรียกแกมาที่นี่ เพื่อจะบอกแกว่าถึงเวลาที่จะต้องจัดการมังกรร้ายของตระกูลกู่แล้ว ถ้าแกเชื่อฟังปู่ ก็ประจบหลานชายอย่างเย่เซิ่งเทียนเอาไว้”
เย่เซิ่งเทียน “? ? ?”
กู่ชางหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แม้แต่เย่หลง คุณปู่ของคุณ ยังต้องเรียกผมว่าปู่ หรือว่าการที่ผมเรียกคุณหลานชายแล้วคุณเสียเปรียบ? คนอื่นอยากจะเป็นหลานชายของผมแต่ไม่มีวาสนานั้น”
เย่เซิ่งเทียน “……”
เขาไม่ได้พูดผิด แต่ทำไมฟังแล้วมันรู้สึกอึดอัด?
กู่ชางหลงเยาะเย้ยและกล่าวว่า “หลานชาย อย่าทำเป็นไม่เต็มใจ คุณจ้องมังกรร้ายตัวนั้นมานานแล้วใช่ไหม?”
เย่เซิ่งเทียนถามด้วยความสงสัยว่า “นั้นไม่ใช่ของผมเหรอ?”
กู่ชางหลงชี้เย่เซิ่งเทียนและดุด่าว่า “เป็นตามที่คาดการณ์ไว้ ในแง่ของความไร้ยางอาย หลานชายอย่างคุณเหมือนกับหลานชายของเย่หลง”
หลังจากกล่าวจบ เขามองกู่เหออีกครั้งและกล่าวว่า “ไม่ต้องให้เกียรติหกตระกูลเก่าแก่ โดยเฉพาะตระกูลเซียว ตอนนั้นตาแก่เซียวก็ไม่ใช่คนดี ตอนนี้ลูกหลานของเขาอยากแต่งงานกับเหลนสาวของผม มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วแกออกไปก่อน ปู่จะคุยกับหลานชาย”
“เฮ้อ ผู้อาวุโส เรียกครั้งเดียวก็พอแล้ว คุณจะด่าใครนี่”
เย่เซิ่งเทียนไม่ยอมแล้ว ชายชราคนนี้ เรียกหลานชาย..หลานชายจนติดใจแล้วใช่ไหม?