Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 759 ไปเก็บดอกเบี้ยก่อน
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่759 ไปเก็บดอกเบี้ยก่อน
การเดินทางมาเมืองพุทธได้เก็บเกี่ยวเยอะแยะมากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้รับการช่วยเหลือของปู่หอคอยแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเย่เซิ่งเทียน
เย่ว์อิ่นหลงสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปแล้ว จำเป็นต้องรีบทำความเข้าใจว่าแดนเทพคือแดนอะไรให้ชัดเจน ถึงจะสามารถทำให้แขนที่หักของเย่ว์อิ่นหลงกลับมางอกใหม่อีกครั้ง
วิญญาณหอคอยนั้นเชื่อถือไม่ได้ ตอนนี้ความจำเสียหายอย่างรุนแรง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันที คือจัดการตระกูลลี้ลับ ช่วยเหลือแม่ออกมาให้ได้ก่อน
มีความเป็นไปได้ว่าแม่จะถูกขังที่สรวงสวรรค์ ไม่รู้ว่าไอ้กลุ่มเดียรัจฉานแก่ของตระกูลลี้ลับนั่น จะทรมานแม่อย่างไรบ้าง
เย่เซิ่งเทียนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเงียบๆ เขาจะฆ่าไอ้กลุ่มเดียรัจฉานของตระกูลลี้ลับเหล่านั้นให้เกลี้ยง ไม่เหลือไว้สักคน!
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เย่เซิ่งเทียนคิดว่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองต่างหากที่เป็นโศกนาฏกรรมที่สุด
เมื่อก่อนตอนที่แม่อยู่ เขาเคยจงเกลียดจงชังแม่ ทำไมจะต้องมีเขากับเย่ห้าวด้วย
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น แม้ว่าต่อมาแม่จะหาเงินได้แล้ว แต่สายตาคนเหล่านั้นในตระกูลหมิงที่มองมาเขาก็เต็มไปด้วยความอัปยศอดสู
หมิงชุนชิวไม่เคยเห็นเขาเป็นหลานด้วยซ้ำ เรียกเขาว่าไอ้สัตว์เดียรัจฉานมาตลอด
หลังจากนั้นตระกูลหมิงก็เกิดการยึดอำนาจอีก……
ชีวิตนี้ของแม่ ลำบากกับตัวเองเป็นร้อยเท่า พันเท่า
จนกระทั่งตอนนี้ เย่เซิ่งเทียนถึงเข้าใจว่าแม่ลำบากมากแค่ไหน
อย่างน้อยตอนนี้ตัวเองก็ยังมีหวังที่จะพลิกโอกาสกลับมา แต่แม่ล่ะ?เธอกลายเป็นหมากที่อยู่ในมือของไอ้พวกสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนั้นของตระกูลลี้ลับอยู่ตลอด
จะต้องสืบหาสรวงสวรรค์ให้ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน ช่วยแม่ออกมา
“พี่เทียน พวกเราจะทำอะไรกันต่อ?ตอนนี้พบที่อยู่ของแม่ของเราแล้วเหรอ?”
เย่ว์อิ่นหลงเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นเย่เซิ่งเทียนช่วยเหลือไว้ เขาอาจจะถูกคนสับตายอยู่ข้างทาง หรือไม่ก็กลายเป็นคนที่เป็นอันตรายต่อสังคมแล้ว
เขาเห็นเย่เซิ่งเทียนเป็นพี่ชายแท้ๆของตัวเอง และก็เรียกหมิงยู่ตามเทียนเซิ่งหยูว่าแม่
“ลำดับต่อไปไปเก็บดอกเบี้ยกับตระกูลเก่าแก่ผู้ดีสักหน่อย เก็บดอกเบี้ยทางฝั่งของตระกูลเซียวส่วนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ตระกูลกู่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเรา ตระกูลที่เหลือเหล่านั้น ไปหาแต่ละตระกูลแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเยือกเย็น สายตาเต็มเปี่ยมด้วยเจตนาฆ่า
เรื่องของการประลองการแพทย์แห่งหอรักษา แต่ว่ายังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบเลยนะ ตระกูลเซียวโง่เง่าเต่าตุ่นกว่าพันปี อดทนมาก
เขาไม่เชื่อว่าตระกูลอื่นจะสามารถอดทนได้อย่างตระกูลเซียว
คิดอยากจะจัดการตระกูลลี้ลับ จะต้องจัดการกับมืออันธพาลของมันให้สิ้นซากก่อน
นอกจากนี้ก็เป็นทางฝั่งฟ้าสยบนั่น
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวหนิงเจ๋อฮ่าวเลย ไม่รู้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
ฟ้าสยบเป็นสัตว์ตัวใหญ่มหึมา ถ้าหากสามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถจัดการตระกูลลี้ลับได้สบายๆขึ้นเยอะเลย
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่เข้าใจฟ้าสยบอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าหนิงเจ๋อฮ่าวและเฉินซือเลี่ยงจะยืนอยู่ฝั่งของเขาทั้งสองคนเลย แต่ยังไม่พออีกมาก
เพราะว่าองค์กรที่เข้มงวดของฟ้าสยบ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นคนภายในของฟ้าสยบ แต่ข้อมูลที่เข้าใจได้นั้นมีจำกัด
ตอนที่ยังไม่ทำความเข้าใจฟ้าสยบอย่างสมบูรณ์ เย่เซิ่งเทียนไม่อยากที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น หลีกเลี่ยงไม่ให้มีศัตรูเพิ่มขึ้นอีกคน
ทุกอย่างเป็นการดำเนินไปตามแผนการอย่างรวดเร็ว สิ่งเดียวที่เย่เซิ่งเทียนปล่อยวางไม่ได้คือทางฝั่งหวางซี
ตระกูลลี้ลับแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้ว่าข้างกายของหวางซีมีคนของหอมังกรเทพคอยคุ้มกันอย่างลับๆ แต่พละกำลังของตระกูลลี้ลับ ถ้าหากอยากจะลงมือกับคนที่อยู่ข้างกายของเขาจริงๆ จากพละกำลังในตอนนี้ แทบจะไม่มีวิธีการใดๆเลย
สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็คือใช้ความเร็วเข้าใส่ โผล่ขึ้นมาในตอนที่ตระกูลลี้ลับยังไม่มีปฏิกิริยากลับมาโดยสิ้นเชิง เบี่ยงเบนความสนใจของตระกูลลี้ลับมาที่ตัวเอง พวกหวางซีถึงจะปลอดภัย
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วแน่น จัดเบาะแสต่างๆอย่างเป็นระเบียบ
จัดการกับตระกูลลี้ลับ บางทีเหย้ซูหลิงช่องโหว่อย่างหนึ่ง
เพียงแค่ไม่รู้ว่าท่าทีของตระกูลเหย้เป็นอย่างไรบ้าง
เย่เซิ่งเทียนนึกถึงคำพูดประโยคนั้นที่เหย้ซูหลิงเขียนลงในแฟลชไดรฟ์ มีคำมั่นสัญญาการแต่งงานของเผ่าซวนหยวนและตระกูลเหย้ คนยุคสมัยนี้เป็นเธอและเย่เซิ่งเทียนที่จะต้องทำตามสัญญาการแต่งงาน
ถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริง สามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่?
แต่ทำแบบนี้ เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจของซีเอ๋อร์
เย่ว์อิ่นหลงถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ถ้าหากเหมือนอย่างที่คุณพูดจริงๆ ตระกูลลี้ลับแข็งแกร่งมากเกินไปแล้วจริงๆ พละกำลังทั่วทั้งต้าเซี่ย เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลลี้ลับ ถ้าหากสามารถทะลวงจากข้างในได้ก็ดี พี่เทียน คุณว่าเรื่องสัญญาการแต่งงานที่เหย้ซูหลิงพูดมาเป็นความจริงไหม?”
เขารู้ความคิดของเย่ว์อิ่นหลง
เย่ว์อิ่นหลงก้าวเข้าไปพร้อมพูดโน้มน้าวว่า “ฉันเชื่อว่าพี่สะใภ้จะเข้าใจคุณ”
“ค่อยว่ากันเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนให้คำตอบที่กำกวม เย่ว์อิ่นหลงก็พูดอะไรมากไม่ได้