Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 844 อู๋ซวงจอมเผด็จการ
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 844 อู๋ซวงจอมเผด็จการ
ศีรษะของออวิดก้มลงต่ำมากๆ
นี่คือวันที่อัปยศที่สุดของพวกเขา
และเป็นวันที่อัปยศที่สุดของออวิดด้วย
หากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่มาที่นี่เป็นอันขาด
ส่วนคนอื่นใครอยากมาก็มา ความอัปยศเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่า การฆ่าเขาเสียอีก
“รับปากแล้วก็ดี ฉันยังคิดว่าพวกแกจะยอมทิ้งผู้คนเป็นแสนๆคนในเมืองเวย์น่าจริงๆ ไม่คิดว่าพวกแกก็ไม่กล้าเหมือนกัน”
คำพูดของเย่เซิ่งเทียน เต็มไปด้วยการถากถางประชดประชัน
แต่ออวิด พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว และก็ไม่กล้าพูดด้วย
เขาเชื่อว่า ตราบใดที่ตัวเองยังกล้าพูดประโยคที่แข็งกร้าว เย่เซิ่งเทียนก็จะลงมือทันที
เขาไม่สงสัยความน่ากลัวในการฆ่าของเย่เซิ่งเทียนแม้แต่น้อย
เป็นคู่ต่อสู้กับคนเช่นนี้ มันคือความโชคร้ายของประเทศอเม เป็นความซวยของผู้นำระดับสูงของประเทศอเมทุกคน
หนึ่งพันปีก่อน
แปดประเทศของพวกเขาทำศึกกับประเทศต้าเซี่ย และก็ยังบีบบังคับประเทศต้าเซี่ยทีละขั้นๆ ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย
ทำให้ประเทศต้าเซี่ยต้องเสียที่ดินและชดใช้ค่าเสียหาย น่าอับอายอย่างยิ่ง
ในวันนี้ พวกเขาก็รู้สึกถึงความอัปยศเช่นนี้
เพียงแค่เมื่อถึงคราวที่พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศ พวกเขาจึงค้นพบว่ามันยากที่จะยอมรับ
แต่ถ้าไม่ยอมรับจะทำยังไงได้?
พวกเขาไม่มีทางต่อสู้กับเย่เซิ่งเทียนได้เลย
นอกจากใช้อาวุธระดับไฮเอนด์ ร่วมกับผู้คนหลายแสนคนในเมืองเวย์น่า ร่วมกันกำจัด และฝังศพให้เย่เซิ่งเทียน
แต่พวกเขาไม่กล้า
ดังนั้น ทำได้เพียงยอมรับความอัปยศเช่นนี้
ไม่นาน บล็องก์ก็ให้คนจัดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ ทุกคนต่างจับจ้องไปบนหน้าจอนั่น
สิ่งที่ต้องการรู้ คือโฟเดนท์มีการเจรจากับเย่เซิ่งเทียนอย่างไร
ขณะที่ใบหน้าของโฟเดนท์ปรากฏอยู่บนหน้าจอใหญ่ ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจแล้ว
ดวงตาทั้งสองจับจ้องอย่างแน่นิ่ง
โฟเดนท์แสร้งทำเป็นพูดอย่างสบายใจว่า “เย่เซิ่งเทียน สวัสดี”
“ไม่ต้องมาพูดไร้สาระกับฉันแล้ว มอบตัวผู้บงการเรื่องนี้เดี๋ยวนี้ ฉันจะฆ่าเขา!”
นี่คือประโยคแรกของเย่เซิ่งเทียน
และเป็นประโยคที่หยาบคายอย่างยิ่ง
ขึ้นมาก็ระเบิดอารมณ์ทันที
ทำให้ทุกคนตกตะลึง คิดว่าเย่เซิ่งเทียนจะไม่หยาบคายเช่นนี้
แต่คิดไม่ถึง ว่าเย่เซิ่งเทียนจะหยาบคายอย่างนี้
แม้แต่การทักทายอย่างมีมารยาทก็ทำแบบขอไปที
ในความคิดของพวกเขา ความหยาบคายเช่นนี้น่าจะเป็นจ้านอู๋ซวงถึงจะถูก
แม้แต่จ้านอู๋ซวงก็ตกตะลึง ไม่คิดว่าเจ้าเทพจะก้าวร้าวได้ขนาดนี้
พูดตามตรง เขารู้สึกว่าแม้จะเป็นตัวเอง ก่อนอื่นก็จะทักทายก่อน
เขาพูดในใจว่า “ที่แท้ เจ้าเทพก็เป็นคนเผด็จการ ดูเหมือนว่าฉันไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ วันนี้ถือว่าได้เรียนรู้แล้ว ต่อไปฉันก็จะทำเช่นนี้แหละ”
โฟเดนท์บนหน้าจอใหญ่ ถูกเย่เซิ่งเทียนด่าคำหนึ่งก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร
คนเหล่านั้นที่คุกเข่าลงบนพื้น ต่างก็กำลังรอการตอบสนองของโฟเดนท์
“เย่เซิ่งเทียน ฉันมาคุยกับคุณด้วยความจริงใจ หวังว่าคุณจะไม่หยาบคายเช่นนี้ คุณฆ่าคนของเราไปแล้ว ตอนนี้จะใช้ประชาชนของเรามาข่มขู่เราอีก พวกเราเจรจากับคุณได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในเมือง ลำดับต่อไปฉันจะ…”
“หุบปาก!”
เย่เซิ่งเทียนขัดจังหวะคำพูดที่ยาวเหยียดของโฟเดนท์อย่างหงุดหงิด ยิ้มเยาะพลางพูดว่า “เก็บสีหน้าอันน่าเกลียดที่เสแสร้งแกล้งทำไปซะ แกทำผิดอยู่เรื่องหนึ่ง สาเหตุที่แกจะมาคุยกับฉัน ไม่ใช่เพราะว่าผู้คนของเมืองเวย์น่าหรอก แต่เป็นเพราะพวกแกไม่มีทางต่อสู้กับฉันได้”
“ถ้ามีวิธีต่อสู้กับฉันได้ แกจะมาคุยกับฉันเหรอ? เพราะงั้นหยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ก่อนอื่น มอบตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังมาให้ฉัน วันนี้ ฉันต้องฆ่าเขา!”
“ส่วนที่เหลือ รอให้ฉันฆ่าเขาเสร็จ แล้วค่อยมาคุยกับแก”
โฟเดนท์โกรธจัดกับคำพูดของเย่เซิ่งเทียน กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “เย่เซิ่งเทียน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องหนึ่ง ที่นี่คือเขตอิทธิพลของพวกเรา!”
เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกแกกำลังจะสูญเสียรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วล่ะ”
พูดจบ เย่เซิ่งเทียนตบออวิดไปฉาดหนึ่ง