Mars เจ้าสงครามครองโลก - ตอนที่ 260 สหพันธภาพสมาคมบู๊และการค้า
ที่เมืองเฉียนถังมีหิมะตกลงมาอย่างหนัก
ขาวโพลนไปทั่วดูสะอาดตา
ความชั่วช้าทั้งหมด บุญคุณความแค้นทั้งหมด เหมือนจะถูกฝังกลบไปหมดแล้ว
แต่ขอเพียงยังมีมนุษย์อยู่ ก็จะยังมียุทธภพ
บุญคุณความแค้น ไม่มีทางจบสิ้นได้
หวางซีกอดที่แขนเย่เซิ่งเทียนเดินกลับบ้าน
บริษัทขนย้ายกำลังย้ายของ เตรียมไปอยู่ที่บ้านพักในเขตจวนสวรรค์
พวกพี่ป้าน้าอาทั้งหลายก็มาลากหลี่หลานไปคุย
“นี่หลี่หลาน ต่อไปก็ติดต่อกันบ่อยๆนะ ฉันน่ะชอบพูดล้อเล่น คำพูดที่เคยพูดไปเมื่อก่อนก็อย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ”
“หลี่หลาน ถึงแม้พวกเราจะเป็นเพื่อนบ้านกันแค่เดือนกว่า แต่อย่างคุณไม่มีอะไรให้ติเตียนเลย ต่อไปก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ นะ”
“นี่เป็นสินค้าท้องถิ่นที่หลานฉันเอามา คุณเอามันไปด้วยนะ”
“ลูกเขยเธอเก่งไม่เบาเลยนะ บ้านเธอน่ะ ถือว่ามีความสุขกันสักทีนะ”
“พวกเธอจะย้ายไปงั้นหรือ? คุณพระช่วย ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นล้วนเป็นบ้านเดี่ยว มีแต่คนมีเงินที่จะไปอยู่ที่นั่น บ้านเธอก็ถือว่าผ่านมันมาได้สักทีนะ”
คนนี้พูด คนนั้นพูด ดึงมือของหลี่หลานไปมา ดูอบอุ่นเป็นกันเองมาก
โดยเฉพาะผ้าๆ ที่เคยทะเลาะกันหลี่หลานเมื่อก่อน ตอนนี้ก็สนิทกันอย่างกับเป็นพี่น้องกัน
หลี่หลานก็ยังมึนงง ก็แค่เพื่อนบ้านมีบ้างเสียงกันบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรที่ต้องไปเคียดแค้นกัน
“เอาเถอะนะ เดี๋ยวมีเวลาฉันจะพาทุกคนไปเป็นแขกที่บ้านฉันนะ เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปเถอะนะ”
หลี่หลานเผยท่าทีว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องในอดีต
หลี่หลานก็ส่งเสียงไม่พอใจพูดว่า “เห็นว่าบ้านเราไปพักอยู่ในบ้านเดี่ยวน่ะสิ เลยเข้ามาประจบสอพลอกันใหญ่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าพวกแกคิดอะไรกันอยู่ อย่างเช่นป้าหลัน วานซืนยังทะเลาะกันฉันอยู่เลย ฉันก็ไม่อยากจะไปเอาเรื่องอะไรหรอก เจ๊เหมยที่ขายผัก ครั้งก่อนฉันไปซื้อผักที่ร้านแก เงินแค่ครึ่งหยวนก็ยังทะเลาะกันฉันได้ แล้วก็มีป้าหวางที่เปิดร้านอาหาร ครั้งก่อนฉันไปกินอาหารที่ร้านแก มีแมลงวันในอาหาร ฉันขอให้เปลี่ยนก็ไม่ยอม อาหารก็ไม่เห็นจะเอร็ดอร่อยอะไร
เย่เซิ่งเทียนก็พูดเสริมว่า “นั่นสิครับ แม่เป็นคนใจกว้างไงครับ ไม่ไปหาเรื่องกับพวกป้าๆ นั้นหรอก”
หวางซีเม้มปากแอบยิ้ม มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าแม่ของเธอมีนิสัยเป็นอย่างไร ทะเลาะกันหลายครั้ง ก็ล้วนด่าจนป้าพวกนั้นเงียบไป เห็นได้ชัดว่ามีแรงสู้ไม่เบา
แม่ยายอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว เย่เซิ่งเทียนก็เบาลงมาหน่อย
มาถึงบ้านพักที่เขตจวนสวรรค์ ข้าวของทุกอย่างแทบจะมีครบหมดแล้ว ตามที่เย่เซิง่เทียนคิดไว้ ย้ายเข้าไปอยู่ก็พอ ไม่ต้องเอาอะไรไปมาก
แม่ยายก็ยังเสียดายพวกเฟอร์นิเจอร์ที่สีหลุดลอกหมดแล้ว แถมยังต่อว่าเย่เซิ่งเทียนไปอีก ด่าว่าเย่เซิ่งเทียนล้มเหลวในชีวิต ใช้ชีวิตไม่เป็น
คนแก่ก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าของเก่าพวกนั้นมันมีค่าหรอก แต่ว่ามันมีความทรงจำ
ไม่มีใครเอ่ยถึงตระกูลหวาง ตอนนี้หวางซีก็พยายามหลีกเลี่ยงคุยเรื่องนี้ จะว่าไปแล้ว นั่นก็เป็นตระกูลทางฝั่งตนเอง ถึงแม้จะหมดหวังไปแล้ว แต่ในใจก็รับไม่ได้เหมือนกัน
เย่เซิ่งเทียนก็ไม่เอ่ยเหมือนกัน เรื่องราวที่มันเน่าเฟะแบบนั้น ตนเองแบกรับไว้เองก็พอแล้ว ในบ้านไม่ใช่ที่ที่จะพูดเรื่องแบบนั้น
ความเน่าเฟะทั้งหลาย เขาจะเอามันไว้นอกบ้าน
หลังจากรับซือซือกลับมา เด็กน้อยที่ไม่เคยเดินเข้าบ้านใหญ่โตแบบนี้ ก็เลยอึ้งไปทันที ดีใจวิ่งเล่นไปทั่ว จับนู่นเล่นนี่ไปทั่ว ราวกับม้าถอดบังเหียน
“พ่อคะ บ้านเราใหญ่จังเลยค่ะ”
หลี่หลานก็พูดอยู่ด้านหลังว่า “ไหนยายดูเท้าสิจ๊ะ โอ๋ๆ เจ็บมากไหมจ๊ะ ใครให้เดินไม่ดูทางล่ะห้ะ”
เย่เซิ่งเทียนก็มองหวางซี แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซีเอ๋อร์ คืนนี้คุณไม่ต้องไปก็แล้วกัน เดี๋ยวผมไปดูเอง”
หวางซีก็จับมือเย่เซิ่งเทียนไว้แน่น พูดน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่ ถ้ำเสือวังมังกรที่ไหน ฉันก็จะบุกไปพร้อมกับคุณ ครอบครัวก็เป็นส่วนหนึ่งของฉันเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็จะแบกรับมันไว้พร้อมกับคุณ ฉันไม่ยอมให้คุณลำบากแบบนั้นคนเดียวเด็ดขาด”
เย่เซิ่งเทียนถอนหายใจ รู้ว่าตนเองพูดอะไรไป หวางซีก็ไม่ฟัง
เขากดที่ลำคอของหวางซีเบาๆ หวางซีก็หลับไปทันที
ผู้ชายทุกคน ล้วนไม่อยากให้ลูกเมียตนเองไปเจออะไรที่น่ากลัวหรอก
บาดแผลนั้น ตนเองจะรับมันไว้เอง ทิ้งความสวยงามไว้ให้กับคนในครอบครัวดีกว่า
ถึงสถานที่ของสหพันธภาพสมาคมบู๊และการค้า เย่เซิ่งเทียนก็ถูกคนมาขวางไว้
“แสดงบัตรเชิญด้วย ถ้าไม่มีเชิญไปยืนอีกฝั่ง”
ชายรูปร่างใหญ่คนหนึ่งถามขึ้นมา รู้แต่แรกแล้วว่าเป็นเย่เซิ่งเทียน ก็เลยตั้งใจทำให้เสียหน้า
“ไสหัวไป”
เย่เซิ่งเทียนพูดนิ่งๆ