Mars เจ้าสงครามครองโลก - ตอนที่ 3 เสียใจที่ให้สามีไปเป็นทหารป้องกันชายแดน
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ดูที่ตั้งของผับโลกีย์ เผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
พึมพำกับตัวเองว่า “วิธีของคุณหนูซูหลิงโหดเหี้ยมเกินไปจริงๆ ไม่รู้เย่เซิ่งเทียนจะรับไหวหรือเปล่า”
“แต่ไม่รู้ว่าต่อไปถ้าเย่เซิ่งเทียนรู้ทั้งหมด คุณหนูจะให้เย่เซิ่งเทียนยอมรับเธอยังไง”
“แต่ว่าตระกูลเหย้เป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับโบราณ เย่เซิ่งเทียนก็เป็นสิ่งทดลองของสรวงสวรรค์ ถ้าเขารู้เรื่องพวกนี้ อยากทำลายแผนการ ต้องร่วมมือกับตระกูลเหย้แน่นอน……”
……
ขณะเดียวกัน
เครื่องบินรบลำหนึ่ง ใช้ความเร็วเหนือเสียงมุ่งหน้ามายังทิศใต้ เรียกความสนใจของแนวป้องกันที่สองของต้าเซี่ยทันที
เสียงเตือนแสบแก้วหูดังขึ้นทันที
“เร็ว เร็ว รีบสกัดกั้น รีบสกัดกั้น เตรียมโจมตี!”
ผู้บังคับการจ้องเครื่องบินรบลำหนึ่ง ที่บินมาจากชายแดน รีบออกคำสั่งทันที
ทันใดนั้น ขีปนาวุธหลายลูก เล็งไปที่เครื่องบินรบลำนั้น สามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ!
ที่นี่คือภายในประเทศ ทุกการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ สามารถโจมตีได้ก่อน!
แต่ผู้บังคับการก็ต้องตรวจสอบจากเบื้องบนอย่างรอบคอบก่อน
“อะไรนะ ความเร็วเหนือเสียง มาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือเหรอ คุณพูดอะไรไร้สาระ เครื่องบินรบประเทศไหนจะมีความเร็วเหนือเสียงบ้าง”
“ผู้บัญชาการ คือ……คือเรื่องจริงครับ คุณรีบดูวิดีโอสิครับ”
ผู้บังคับการกลืนน้ำลาย พูดติดๆ ขัดๆ
นี่มันน่าตกใจมาก เครื่องบินรบ บินด้วยความเร็วเหนือเสียง ไม่เคยมีมาก่อน!!
ไม่มีประเทศไหน มีเทคโนโลยีแบบนี้
เมื่อดูวิดีโอจบ ผู้บัญชาการก็ตกใจ สบถออกมาว่าบ้า แล้วพูดอย่างโมโห “หลัวปิน ฉันออกคำสั่งให้คุณ ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด ให้โจมตีทันที! ให้ตายเถอะ กล้ามาเหิมเกริมที่นี่ คิดว่าต้าเซี่ยไร้ความสามารถเหรอ”
ขณะเดียวกัน ณ เมืองหลวงต้าเซี่ย
หลังเลขาธิการได้รับข่าวจากเซียวเจิ้นกั๋ว เทพสงครามรักษาเมือง ก็รีบวิ่งเข้ามาที่ห้องทำงานของขุนหลวง พูดเบาๆ ด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า “ขุนหลวง เจ้าเทพเย่นั่งเครื่องบินรบกลับไปที่เฉียนถัง โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“เซิ่งเทียนไปเฉียนถังเหรอ ไม่ใช่อีกสามวันจะไปรับตำแหน่งเฉียนถังจ่งตูเหรอ งานแต่งที่จะชดเชยให้ภรรยาเขา เตรียมไปถึงไหนแล้ว การ์ดเชิญก็ส่งไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
ขุนหลวงขมวดคิ้วเบาๆ การเคลื่อนไหวของเย่เซิ่งเทียนครั้งนี้ ต้องทำให้เกิดปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายอย่าง
อีกทั้งไม่ได้รับคำสั่งย้าย ก็กลับมาเอง นี่เรียกว่าละเลยหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าเป็นสมัยโบราณ เป็นการดูหมิ่นอำนาจจักรพรรดิ!
เป็นการกบฏ!!
เลขาธิการรีบเอาข้อมูลในวิดีโอบอกขุนหลวง
“อะไรนะ!!”
ขุนหลวงหยางทาวตบโต๊ะลุกขึ้นยืน พูดอย่างโมโหว่า “ใครมันกล้าดีขนาดนี้ กล้าลงมือกับคนในครอบครัวเซิ่งเทียน! รีบไปสืบมาให้ฉัน! ออกคำสั่งตอนนี้ พรุ่งนี้ให้เซิ่งเทียนดำรงตำแหน่ง เฉียนถังจ่งตู ควบคุมการทหารห้ามณฑลในเจียงหนานทั้งหมด!”
“อีกอย่าง บอกเวินเฉิน เลื่อนงานแต่งมาเป็นวันพรุ่งนี้”
“นอกจากนั้น รีบโทรหาผู้บัญชาการฝ่ายป้องกันทั้งหมด ห้ามขัดขวางเซิ่งเทียน!”
“ครับ!”
เลขาธิการถอนหายใจอย่างโล่งใจ และรีบออกไป
ขุนหลวงหยางทาว แอบถอนหายใจ การกลับมาของเย่เซิ่งเทียน กลัวว่าจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่านับไม่ถ้วน
ถึงเวลาบอกเรื่องบางอย่างกับเขาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมีความสามารถในการทำลายแผนหรือเปล่า
เขาเดินมาข้างหน้าหน้าต่าง มองท้องฟ้า พึมพำกับตัวเองว่า “โลกใบนี้ อึดอัดเกินไป เซิ่งเทียน คุณอย่าทำให้ฉันผิดหวัง รอให้คุณรู้เรื่องทั้งหมดจริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะกล้าต่อต้าน”
ขณะนั้น ผู้บัญชาการของแนวป้องกันที่สอง เพิ่งออกคำสั่งโจมตี ยังไม่ทันวางสาย ก็ได้รับสายจากเลขาธิการ
เขาอึ้งไปสองวินาที รีบตวาดใส่หลัวปิน “หลัวปิน ล้มเลิกการโจมตี ล้มเลิกการโจมตี ห้ามขัดขวาง! นั่นเป็นเจ้าเทพ! นั่นเป็นเจ้าเทพ!”
ฝั่งนั้น คนที่กำลังจะออกคำสั่งโจมตีอย่างหลัวปิน สั่นไปทั้งตัว
เจ้าเทพ!
นั่นคือเจ้าเทพ!
ศรัทธาที่มีชีวิตของทหารต้าเซี่ยทุกคน!
เป็นเทพเจ้าของพวกเขา!
หลัวปินแผดเสียงออกมา “ปล่อยไปเลย ปล่อยไป! นั่นเป็นเจ้าเทพ นั่นเป็นเจ้าเทพของพวกเรา! ใครกล้าขวาง ฉันจะฝังมันเอง!”
ทันใดนั้น ทุกคนงงไปหมด!
ทำไมเจ้าเทพรีบกลับมาจากชายแดนล่ะ
แถมยังขับเครื่องบินรบจนความเร็วเหนือเสียง!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าเทพร้อนใจเช่นนี้!!
แต่ในหัวของทุกคน หลงเหลือเพียงความคิดเดียว!
เกิดเรื่องใหญ่!
……
ในเวลาเดียวกัน
ที่ห้องเพรสซิเดนสูท ชั้น 12 ของผับโลกีย์ เมืองเฉียนถัง!
หวางซียืนอยู่บนหน้าต่าง มองทางทิศเหนืออย่างเจ็บปวด
น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ความคิดถึง ความแค้น ความสิ้นหวัง อารมณ์ต่างๆ วนเวียนอยู่ในใจ
สี่ปีแล้ว สามีของเธอ ไปเป็นทหารสี่ปีแล้ว
ไม่มีข่าวคราวเลย!
ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย!
ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ทำไมถึงไม่มีคราวข่าวอะไรเลย
สู้รบจนตายแล้วหรือเปล่า
ทำไมถึงไม่มีข่าวเลยล่ะ อย่าบอกนะว่าฝังศพนอกบ้านเกิดไปแล้ว ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งชื่อ
สามี คุณเป็นหรือตายกันแน่
ถ้าคุณยังอยู่ ทำไมสี่ปีมานี้ ไม่ติดต่อฉันเลยล่ะ
ถ้าคุณตายไปแล้ว ทำไมถึงไม่มาเข้าฝันฉันเลยล่ะ
เซิ่งเทียน ถ้าคุณฝังศพนอกบ้านเกิดไปแล้ว งั้นถ้าฉันโดดลงไปตอนนี้ ฉันก็จะได้เจอคุณแล้ว
ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ คุณช่วยดูแลลูกสาวเรา ดูแลแม่ฉันให้ดีด้วย
ฉันทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉันแบกความอัปยศมาสี่ปีแล้ว ความอัปยศในวันนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
เธอเหม่อมองไปยังทิศเหนือ
ถ้ายังอยู่ หวังสามีกลับมา!
ถ้าตายไปแล้ว หวังวิญญาณกลับมา!
เธอเสียใจ!
เสียใจที่ปล่อยให้สามีไปเป็นทหารที่ชายแดน!
น่าเสียดายที่กองกระดูกริมแม่น้ำที่ไม่ทราบแน่ชัด!
ยังคงเป็นสามีในฝันของหญิงสาว!
ชั้น 12 สูงมากจริงๆ
ลมพัดจนทำให้ตัวหวางซีโงนเงน เธอหลับตา ยื่นเท้าข้างหนึ่งออกไป
“หวางซี อยากตายเหรอ ฮ่าๆๆๆ……เธอโดดสิ ก่อนโดด ดูอะไรดีๆ ก่อน!”
ตอนที่หวางซีกำลังจะหลับตา ยื่นเท้าข้างหนึ่งออกไป เสียงน่ากลัวของจ้าวเจิ้งดังขึ้นอีกครั้ง
หวางซีสั่นไปทั้งตัว
จ้าวเจิ้งเอามือกุมเป้ากางเกง เปิดวิดีโอในมือถือ ยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดว่า “ดูสิ นี่ลูกสาวที่รักของเธอใช่ไหม น่าสงสารจัง ร้องอย่างน่าเวทนาเชียว”
ในวิดีโอ เด็กผู้หญิงอายุสามขวบกว่า ยืนเท้าเปล่าบนพื้นน้ำที่ละลายจากหิมะ หนาวจนหน้าเป็นสีม่วง
ปากแตกจนมีเลือดหยดออกมา ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้เล็บคมๆ หยิกหน้าของเธอ หยิกเสร็จยังไม่สะใจ ใช้เข็มทิ่มไปที่แขนของเด็กผู้หญิง ใช้คีบหนีบขาของเด็กน้อย
“โอ๊ยๆๆๆ……น้าหญิงเล็ก อย่าทำซือซือ อย่าทำซือซือ ซือซือจะเชื่อฟัง ซือซือไม่ร้อง น้าหญิงเล็กอย่าทำ……”
เด็กผู้หญิงเจ็บจนสั่นไปทั้งตัว แต่กลับเอามือทั้งสองข้างปิดปากเอาไว้ ไม่กล้าร้องออกมา
จากนั้น เด็กผู้หญิงโดนหวางฟางถีบจนกระเด็น หงายหลังลงบนพื้นน้ำที่ละลายจากหิมะ ร้องไห้เรียกออกมาว่า “แม่ แม่อยู่ไหน แม่ หนูคิดถึงแม่ แม่ไม่ต้องการซือซือแล้วใช่ไหม”
“แม่ แม่รังเกียจที่ซือซือเป็นภาระใช่ไหม”
“แม่ ซือซือเจ็บมาก หนาวมากเลย……”
เมื่อเห็นภาพนั้น ได้ยินเสียงลูกร้องแทบขาดใจ หวางซีกระโจนเข้าไปหาจ้าวเจิ้ง ตวาดสุดเสียงว่า “ไอ้เดรัจฉาน แกมันเดรัจฉาน! ฉันจะสู้สุดชีวิตกับแก ไอ้เดรัจฉาน!”
หวางซีพุ่งเข้าไปเหมือนคนบ้า แต่โดนจ้าวเจิ้งตบจนกระเด็นล้มลงบนพื้น
“คนต่ำตม โดดสิ โดดไปสิวะ!”
จ้าวเจิ้งคว้าผมหวางซี และตบหน้าเธออีกครั้ง ด่าอย่างรุนแรงว่า “กล้ามาทำร้ายฉันเหรอ ถ้าฉันยังไม่ได้แตะต้องเธอ เธออยากตาย ก็ไม่มีทางได้ตาย!”
ร้องไห้อ้อนวอน “ขอร้องล่ะ คุณปล่อยลูกสาวฉันเถอะ! เธอเพิ่งสามขวบ เธอเพิ่งสามขวบเองนะ! พวกคุณมาลงกับฉัน ปล่อยลูกสาวฉันไป
ลูกสาวคือฟางเส้นสุดท้ายของหวางซี
ถ้าลูกสาวไม่เป็นอะไร เธอโดดลงจากชั้น 12 ไปแล้ว
แต่จ้าวเจิ้ง จับลูกสาวเธอ มีแม่คนไหน ทนดูลูกตัวเองโดนคนอื่นทรมาน จนอยู่ในสภาพแบบนั้นได้บ้าง
นี่ฉันกำลังช่วยเธอ ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ รู้หรือเปล่า ว่าฉันกำลังช่วยเธอ เธอคิดว่าฉันจับตัวลูกสาวเธอเหรอ เหอะๆ ฉันไม่ทำเรื่องแบบนั้น รู้หรือเปล่าว่าคนตระกูลหวางของเธอ เสียสติมากแค่ไหน
“หวางฟาง ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เสนอตัวจับลูกสาวของเธอ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะต้องการบีบให้เธอปรนนิบัติฉันยังไงล่ะ! ถอดสิ ปรนนิบัติฉันให้ดี ฉันจะให้พวกเขาปล่อยลูกสาวเธอ”
หวางซีสั่นไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เจ็บใจ! มันเป็นความอัปยศ! ความเศร้าและความโกรธ! ความไม่พอใจ!
เธอคิดไม่ถึง มาถึงขั้นที่สิ้นหวังขนาดนี้ เธออยากตาย ก็ตายไม่ได้!
“ฉันถอด ฉันถอดแล้ว ปล่อยลูกสาวฉัน ปล่อยลูกสาวฉันไป ฉันยอมคุณทุกอย่าง คุณปล่อยลูกสาวฉันก่อนสิ”
หวางซีหลับตาลง น้ำตาไหลเต็มหน้า
เพื่อลูกสาว เธอยอม
“นี่สิถึงจะถูก”
จ้าวเจิ้งรับสายเสร็จ เชยคางของหวางซี ยิ้มลามก แล้วพูดว่า “เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว แต่เธอยิ่งขัดขืน ฉันยิ่งชอบ หญิงร้อนแรงแบบนี้สิ ถึงจะมีรสชาติ ไม่งั้นคงน่าเบื่อแย่”
“รู้หรือเปล่าว่าพิธีรับตำแหน่งกับงานแต่งของเจ้าเทพ เลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้นอกจากตระกูลหมิง มีเพียงตระกูลจ้าวของฉัน ที่ได้การ์ดเชิญ!!”
หวางซีสะบัดมือจ้าวเจิ้ง มืออันสั่นเทา ปลดกระดุมทีละเม็ด
หนึ่งเม็ด
สองเม็ด
สามเม็ด
ที่ปลดออกไป ไม่ใช่กระดุม แต่เป็นความเด็ดเดี่ยวของหวางซี
เป็นการป้องกันทางจิตใจของหวางซี
เห็นเรือนร่างอันอวบอิ่มของหวางซี ความอวบอิ่มที่ใกล้จะเผยออกมา ทำให้ดวงตาของจ้าวเจิ้งแดงก่ำ จ้องหวางซีเขม็ง รู้สึกริมฝีปากแห้ง จนต้องกลืนน้ำลาย
ไม่เสียแรงที่เป็นดาวมหาวิทยาลัยในตอนนั้น ถึงเป็นแม่คนแล้ว แต่ร่างกายกลับยิ่งน่าดึงดูด ราวกับท้อที่สุกกำลังพอดี มากไปก็สุกเกิน น้อยไปก็ฝาดเกิน
อยากลองเสน่ห์ของสาวที่พอเหมาะคนนี้ จนทำให้จ้าวเจิ้งหายใจรุนแรงขึ้นมา
จ้าวเจิ้งรอไม่ไหว ทนไม่ไหวแล้ว คว้าเสื้อของหวางซี ฉีกเสียงดัง “แควก”
กระดุมที่เหลือสองเม็ด ถูกกระชากจนขาด หล่นลงบนพื้น
เพล้ง!
ทันใดนั้น กระจกหน้าต่าง โดนคนกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ผู้ชายในชุดทหารลายพราง แบกร่มชูชีพ ทำลายหน้าต่างและเข้ามาจากชั้น 12 !
ปรากฏตัวเหมือนพระเจ้า!