Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 1018 ทิศทางน่าจะผิดแล้ว
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 1018 ทิศทางน่าจะผิดแล้ว
คำพูดของชายชรา ให้เหย้หวงและพวกได้แต่มองดูกันไปมา
ใครจะคิดว่าจู่ๆ ชายชราจะระเบิดฟ้าร้องลูกใหญ่ขนาดนี้
หลิงเอ๋อร์กอดลูกของเย่เซิ่งเทียนแล้ว!
“ก่อกวน!”
เหย้หวงพูดออกมาอย่างโมโห แผนการถูกทำลายให้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
“พี่ใหญ่ งั้นพวกเรา……”
เหย้หวางถอนหายใจแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้ งั้นในการวางหมากลำดับต่อไป ก็จะต้องพิจารณาเรื่องนี้เข้าไปด้วย
ถ้าหากเย่เซิ่งเทียนกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเหย้จริงๆ กลายเป็นคนกันเองแล้ว งั้นแบบนี้คิดว่าอัจฉริยะระดับปีศาจ สำหรับตระกูลเหย้แล้วมีศักยภาพการลงทุนที่มหาศาลมาก
ในเมื่อเป็นการเสี่ยงอยู่บ้าง ก็คุ้มค่า
ถ้าหากเหมือนกับเมื่อก่อน เย่เซิ่งเทียนไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลเหย้ ทำไมจะต้องเสี่ยง?
ถึงยังไงเป้าหมายของทุกคนล้วนกลายเป็นเทพ กลายเป็นเทพตามสรวงสวรรค์ กับกลายเป็นเทพตามเย่เซิ่งเทียนต่างกันยังไง?
แต่ถ้าหากเย่เซิ่งเทียนกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเหย้ งั้นก็แตกต่างกันมากแล้ว
คนที่เหลือก็มองเหย้หวงทั้งนั้น
เหย้หวงครุ่นคิดครู่หนึ่ง นัยน์ตาสาดสองแสงสองเส้น “ทางฝั่งตระกูลเฟิง ปฏิเสธแล้ว ถ้าหากพวกเขาเกี่ยวดองกับผู้หญิงคนอื่นของตระกูล งั้นก็เกี่ยวดองกันต่อไป ถ้าหากไม่ยอมรับ ก็ช่างมันแล้ว แค่ตระกูลเฟิง ก็ยังไม่สามารถเทียบกับเย่เซิ่งเทียนที่กลายมาเป็นลูกเขยของตระกูลเหย้ได้”
ชายชราคนหนึ่งพูดกล่าว : “ผู้นำตระกูล เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราควรจะไปคุ้มกันคนเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายของเย่เซิ่งเทียนหรือเปล่า?”
เหย้หวงสีหน้าไม่พอใจ เขาอยากจะบีบเย่เซิ่งเทียนให้ตายมาก พาลูกสาวของตัวเองไปร่วมสมคบคิดด้วยแล้ว
ทำจนตั้งครรภ์แล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาในฐานะที่เป็นพ่อจะไม่รู้อะไรเลยสักนิด!
สมควรตายจริงๆ!
แต่หากมองจากผลประโยชน์ระยะยาว นี่เป็นผลดีต่อตระกูลเหย้
ถ้าหากมีเส้นสายและทรัพยากรของตระกูลเหย้ เย่เซิ่งเทียนก็ถือว่ามีความสามารถที่จะต่อต้านกับสรวงสวรรค์แล้ว
เมื่อก่อนเย่เซิ่งเทียนเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีความจำเป็นอะไร
ตอนนี้ต่างกัน เย่เซิ่งเทียนเป็นลูกเขยของตระกูลเหย้!
เหย้หวางหัวเราะเหอะๆพร้อมพูดว่า :“นี่มันก็เป็นธรรมชาติ เย่เซิ่งเทียนกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเหย้ของเรา งั้นพละกำลังของเขาได้รับความเสียหาย พละกำลังตระกูลเหย้ของฉันก็แค่ได้รับความเสียหาย สิ่งที่โลกภายนอกขาดแคลนที่สุดในตอนนี้ คือการบำเพ็ญตำราฝึกฝน รีบติดต่อกับขุนหลวงแห่งต้าเซี่ย”
พูดจบ เหย้หวางก็มองไปยังเหย้หวง พูดว่า :“พี่ใหญ่ ตามที่ฉันดู เรื่องนี้ไม่ต้องบอกเย่เซิ่งเทียน”
คนสามสี่คนต่างก็เห็นด้วยอย่างมาก
คนสามสี่คนนี้ล้วนแต่เป็นคนฉลาด บอกเย่เซิ่งเทียนและไม่บอกเย่เซิ่งเทียน เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
ไม่พูด นั่นก็เป็นการช่วยเหลือจากใจจริง เป็นการช่วยเหลือระหว่างคนสนิท
ถ้าหากพูดแล้ว งั้นก็กลายเป็นข้อตกลงแล้ว
และตระกูลเหย้ ไม่เคยขาดแคลนเรื่องการทำข้อตกลงพอดี
และในขณะเดียวกัน
ณ สรวงสวรรค์
ภาพลวงตาของมหาพญาเทพพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “ให้ร่างที่แท้จริงของพญาดำตื่นเถอะ เย่เซิ่งเทียนเติบโตขึ้นมาแล้ว จับกลับมาได้แล้ว”
ได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าของผู้อาวุโส7ท่านที่เหลือเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ที่ตายในครั้งก่อน เป็นเพียงแค่ตัวตนของพญาดำ แต่ไม่ใช่ร่างหลัก
พวกเขาเหมือนกับเส้นสนกลในเหล่านั้นในตระกูลลี้ลับ เพื่อรักษาพละกำลังและพลังชีวิต ร่างหลักหลับใหลอยู่ตลอด
ไม่เช่นนั้น ยืนหยัดไม่ถึงตอนนี้
ครั้งก่อนตัวตนของพญาดำล้มเหลว ตอนนี้ให้พญาดำฟื้นขึ้นมาก่อน นี่เป็นบทลงโทษที่มหาพญาเทพมีต่อพญาดำ
เจ็ดคนที่เหลือแอบชื่นชมยินดี โชคดีที่คนที่ไปครั้งก่อนเป็นพญาดำ ไม่เช่นนั้นก็เป็นพวกเขาที่ต้องฟื้นแล้ว
สำหรับคนอย่างพวกเขาแล้ว ยิ่งตื่นจากภวังค์เร็วก็ยิ่งไม่มีข้อดี แสดงให้เห็นว่าพลังชีวิตจะถูกเซาะหายไปอย่างมาก
มีความเป็นไปได้สูงว่าจะจะยืนหยัดจนถึงวันที่กลายเป็นเทพไม่ไหว
มหาพญาเทพพูดอีกว่า : “ผู้อาวุโสชิง คุณไปสืบดู หอคอยมืดนั่นมีที่มาที่ไปอย่างไร ปรากฏตัวอยู่ข้างกายของเย่เซิ่งเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผู้อาวุโสชิงรีบลุกขึ้นยืน : “ปฏิบัติตามคำสั่ง”
มหาพญาเทพพูดต่อว่า : “ผู้อาวุโสกง ทางฝั่งหมิงยู่นั่นคืบหน้าอย่างไรบ้าง?”
ผู้อาวุโสกงพูดอย่างเคารพว่า : “รายงานมหาพญาเทพ เลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวนที่อยู่ในตัวของหมิงยู่ ยังคงไม่สามารถตื่นจากภวังค์ได้เช่นเคย ข้าน้อยสงสัยว่า เลือดเทพของเผ่าซวนหยวนอาจจะไม่ได้ตื่นจากภวังค์ของสายเลือด ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ข้าน้อยได้สังเกตเย่เซิ่งเทียนพบว่าตอนแรกเย่เซิ่งเทียนต่อสู้กับเซียวเหิงบรรพาจารย์อาวุโสตระกูลเซียวนั่น ระเบิดพลังอำนาจของเทพออกมา ข้าน้อยสันนิษฐานว่า การตื่นจากภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน เป็นเรื่องของทางด้านจิตใจ”
มหาพญาเทพพนักหน้าเล็กน้อย : “คุณศึษาวิจัยต่อไป ถ้าหากหมิงยู่ไม่มีประโยชน์แล้ว ก็หลอกใช้ประโยชน์ถึงที่สุด เอาไปกระตุ้นเย่เซิ่งเทียนต่อไป คิดหาทาง เห็นกับตาตัวเองว่าเย่เซิ่งเทียนปลุกเลือดเทพแห่งเผ่าซวยหยวนให้ตื่นจากภวังค์ยังไง”
ผู้อาวุโสกงตอบกลับอย่างรีบร้อน หน้าผากภายใต้หน้ากาก มีเหงื่อเย็นไหลซึมแล้ว
ไม่มีใครเคยเห็นการตื่นจากภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวนว่าเป็นยังไงมาก่อน ถ้าหากสืบทอดทางด้านจิตใจจริงๆ งั้นก็เห็นได้ชัดว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ทิศทางการวิจัยของพวกเขาผิดแล้ว
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใครก็รู้ การตื่นจากตื่นภวังค์ของเลือดเทพ เป็นการตื่นภวังค์ของสายเลือด
ใครจะไปคิดได้ เลือดเทพของเผ่าซวนหยวน จู่ๆเป็นการสืบทอดจิตใจ?
แต่ว่าสิ่งที่วุ่นวายที่สุดคือ การสืบทอดจิตใจ นี่สืบทอดต่อยังไงอีก?
ทุกคนต่างก็รู้ ถ้าหากจิตใจของคนอื่นแข็งแกร่งเกินไป งั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์การเคลื่อนวิญญาณของตัวเองไปอีกร่างหนึ่งเพื่อมีชีวิตต่อ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยพิจารณาทางด้านนี้