Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 1095 ฉันเปิดหลักธรรมอีกครั้งเพื่อมวลชน
ฟังคำพูดของเย่เซิ่งเทียนแล้ว วิญญาณหอคอยตะลึง
เมื่อสักครู่แม้แต่มันยังคิดว่า เย่เซิ่งเทียนอยากกระตุ้นเหย้เฉิงและคนอื่นๆ ทั้งหมดนั้นเดิมทีเจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้คิดแบบนี้เลย?
เพียงแค่ไม่สบอารมณ์มหาพญาเทพที่เสแสร้ง?
ดังนั้นจึงระเบิดหลักธรรมแห่งจักรพรรดิแล้ว?
นี่คือตรรกะบ้าอะไรกัน
มันไม่มีทางเข้าใจได้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นแค่หอคอยหลังหนึ่ง
เย่เซิ่งเทียนเดินไปท่ามกลางซากปรักหักพัง เวลานี้โลกเล็กๆ ผืนนี้ ถูกระเบิดย่อยยับแล้ว ความเสียหายเต็มไปหมด
ทั่วทุกที่บนพื้นดินเป็นรอยแยกมากมาย ทางผ่านของโลกชูร่าที่เดิมทีเปิดออกเรียบร้อย ก็ไม่เห็นร่องรอยเช่นกัน
สำหรับมหาพญาเทพอย่างโจวเฉิง ยิ่งหาเศษชิ้นส่วนไม่เจอสักชิ้น เดาว่าโดนระเบิดแหลกสลายไปตามลมโดยตรง
“ใครใช้ให้แกเสแสร้ง”
เย่เซิ่งเทียนพึมพำอย่างเย็นชา แต่ขณะเดียวกัน เขาแอบรู้สึกว่า หลักธรรมนั้น เหมือนหลังจากหลักธรรมแห่งจักรพรรดิถูกระเบิดทิ้ง เปลี่ยนไปคงที่กว่าเดิมอยู่หน่อย
ปราณทิพย์ฟ้าดินก็อุดมสมบูรณ์เพิ่มกว่าเมื่อก่อน
“ใจกล้ามาก”
ในเวลานี้เอง เสียงที่แก่หง่อมดังขึ้น
ชั่วพริบตาเดียวเย่เซิ่งเทียนตื่นตัว เตรียมลงมือทุกเมื่อ
เวลานี้ ผู้เฒ่าที่สวมชุดลัทธิเต๋าคนหนึ่ง เดินเข้ามาจากบริเวณไกลออกไปกับหญิงสาวคนหนึ่ง
“พี่เซิ่งเทียน”
หญิงสาวคนนั้นเรียกขึ้นทีหนึ่ง
เย่เซิ่งเทียนสีหน้าดีใจยกใหญ่ คือฟางหยวนนั่นเอง
น้องสาวของฟางหงปินเพื่อนร่วมรบที่เคยขวางดาบแทนเขา
ตอนแรก ฟางหยวนโดนตระกูลโจวลักพาตัวไป คุณท่านฟางโดนตระกูลโจวฆ่าตาย เขาพาเฉินเทียนป้าไปฆ่าตระกูลโจวเพื่อแก้แค้น กลับหาฟางหยวนไม่เจอ
ต่อมารู้ข่าวจากตระกูลหลี่ของเกาะดาวทางนั้นว่า ฟางหยวนถูกผู้เฒ่าคนหนึ่งพาตัวไป
เขาใช้เส้นสายทั้งหมดไปค้นหา ล้วนหาไม่เจอ นึกไม่ถึงว่าจะพบกันที่นี่
“ฟางหยวน”
เย่เซิ่งเทียนเรียกชื่อไป ดวงตาเปียกชื้น
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่ฟางหงปินขวางปืนนั้นแทนเขาไว้ จะมีเย่เซิ่งเทียนในตอนนี้ได้ที่ไหน
ฟางหยวนหายตัวไป เพราะเรื่องนี้เขารู้สึกผิดมากมาโดยตลอด รู้สึกผิดต่อเพื่อน
ตอนนี้ฟางหยวนไม่เป็นอะไร เขาถือว่าโล่งอกไปทีหนึ่ง
ฟางหยวนพูดอย่างสุขใจ “พี่เซิ่งเทียน นี่คือผู้เฒ่าเทียนจีอาจารย์ของฉันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ ฉันคงไม่ได้เจอพี่แล้ว”
“เธอไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนมองทางผู้เฒ่าเทียนจี เพียงรู้สึกว่าความสามารถของอีกฝ่ายยากหยั่งถึง โค้งตัวทำความเคารพอย่างสุภาพ บอกว่า “ผมขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากนะครับที่ช่วยชีวิตฟางหยวนไว้ ต่อไปมีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ สั่งมาได้ทั้งนั้นเลยครับ”
ผู้เฒ่าเทียนจีพูดอย่างชมเชยว่า “ไม่เป็นไรหรอก พ่อหนุ่ม ฟางหยวนก็ฝากนายแล้วนะ นายฆ่ามหาพญาเทพแล้ว ควรเป็นฉันมาทำงานส่วนท้ายที่เหลือต่อแล้ว”
เย่เซิ่งเทียนพูดแบบไม่เข้าใจ “ท่านผู้อาวุโสหมายความว่า?”
ผู้เฒ่าเทียนจียิ้มตอบ “นายระเบิดหลักธรรมแห่งจักรพรรดิทิ้งได้ ยังเกินความคาดหมายของฉันจริงๆ แม้ว่าเป็นฉัน ก็ทำไม่ลง แต่ถึงแม้นายตัดสินใจละทิ้งหลักธรรมแห่งจักรพรรดิ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ หลักธรรมแห่งจักรพรรดิกลับสู่หลักธรรมแห่งฟ้าดินอีกครั้ง อย่างนั้นโลกผืนนี้ ก็ควรทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างออกมาเช่นกัน”
ในใจฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจนิดๆ พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “อาจารย์คะ อาจารย์ อาจารย์อยากทำอะไรคะ?”
ผู้เฒ่าเทียนจีพูดอย่างอ่อนโยน “ยัยหนู ฉันเป็นผู้พิทักษ์ชะตาของประเทศต้าเจี่ย แน่นอนว่าต้องไปทำภารกิจของฉันให้สำเร็จสิ”
ในใจเย่เซิ่งเทียนรู้สึกตกใจ “ท่านผู้อาวุโสครับ อย่าทำเรื่องโง่ๆ”
แต่ว่าร่างกายของผู้เฒ่าเทียนจีกลับค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้า เขาหัวเราะเสียงดังกังวาน “เพื่อน ฉันรอคอยมานานหลายปีขนาดนี้ นายมาถึงขั้นนี้ได้ พิทักษ์ประเทศต้าเซี่ย หลักธรรมของพวกเราไม่โดดเดี่ยว ต่อไป ภารกิจสำคัญนี้ฉันมอบให้นายแล้ว มีนายอยู่ ฉันก็วางใจ”
พูดจบ กลายเป็นแสงระยิบระยับสายหนึ่งลอยสู่ท่ามกลางท้องฟ้า เสียงตะโกนดุจฟ้าร้อง บอกว่า “ฉันพิทักษ์ชะตาเพื่อเผ่ามนุษย์มาหนึ่งแสนปี วันนี้เปิดหลักธรรมเพื่อเผ่ามนุษย์อีกครั้ง!”
“ฉันยอมเอาชีวิต และเอาวิญญาณมาบูชา ใช้เลือดมาล่อ เปิดหลักธรรมแห่งฟ้าดินออก!”
“ฉันปรารถนาให้โลกนี้ ผู้คนทั้งหมดกลายเป็นเทพได้!”
พอพูดจบลง
ท่ามกลางท้องฟ้า มีสายฟ้าสีเลือดปะทุขึ้น เสียงฟ้าร้องคำราม