Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 646 สิ้นหวัง
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 646 สิ้นหวัง
“พวกเรา หย่ากันเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่สิ้นหวังของหวางซี เย่เซิ่งเทียนรู้สึกหวาดหวั่น สมองของเขาว่างเปล่า!
ซีเอ๋อร์จะหย่ากับเขา!
ผู้หญิงที่เขารักที่สุด จะหย่ากับเขา!
“มันไม่ใช่แบบนั้น ซีเอ๋อร์ มันไม่ใช่แบบนั้น คุณฟังผมอธิบายก่อน ผมถูกใส่ร้าย ซีเอ๋อร์โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองอย่างแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนขอร้องด้วยความขมขื่น ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกครอบครัวของตนเองทอดทิ้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขารู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่อธิบายอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว และเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลี่เย็นหรานจริง ๆ นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่เขารู้ว่ามันเป็นกับดัก
“เอาล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะเชื่อว่าคุณถูกใส่ร้าย แต่คุณจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร!!”
หวางซีชี้เลือดสีแดงสดที่อยู่บนเตียง และน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ถึงแม้ว่าเธอจะเชื่อว่าเย่เซิ่งเทียนถูกใส่ร้าย แต่จะสามารถทำอะไรได้?
สามีของเธอมีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องของเธอ แล้วเธอจะยอมรับได้อย่างไร! !
เย่เซิ่งเทียนก้มศีรษะลงด้วยความสิ้นหวัง รู้สึกว่าหมดหนทางจนปัญญาเหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่แม่ผลักเขาลงไปในแม่น้ำซ่อนมังกร
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าเทพแล้วจะสามารถทำอะไรได้ ถึงแม้จะได้ครอบครองโลก แล้วไงล่ะ?
ขณะนี้ เขาเป็นผู้ชายสารเลวที่มีความสัมพันธ์กับน้องเมีย!
“ไสหัวออกไปให้พ้น เย่เซิ่งเทียน ฉันไม่อยากเจอหน้าคุณอีก นับจากนี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว! พวกเราไปหย่ากันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากจะพบคุณอีก!”
หวางซีกัดฟันและกล่าวด้วยความโกรธแค้น
รักมากก็แค้นมาก!
ความรักคือความเห็นแก่ตัว!
เธอรักเย่เซิ่งเทียนมาก และแคร์เย่เซิ่งเทียนมาก ดังนั้นเมื่อก่อนเธอจึงสามารถทนความอัปยศ ที่ถูกตระกูลหวางแห่ประจานเธอกลางถนนขณะตั้งเธอครรภ์ได้
แต่เพราะเธอรักมากเกินไป เธอจึงไม่สามารถยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้
ท่ามกลางความรักอันลึกซึ้งของคนสองคน ไม่มีที่ว่างสำหรับบุคคลที่สามอย่างแน่นอน!
“ซีเอ๋อร์ ขอโทษ”
ลำคอของเย่เซิ่งเทียนขยับ และสุดท้ายคำมากมายก็กลายเป็นหนึ่งประโยค—-ขอโทษ!
คำพูดแผ่วเบาประโยคนี้ ไม่สามารถแทนอะไรได้ ไม่สามารถอธิบายอะไรได้
เขารู้ว่าหวางซีสะเทือนใจอย่างรุนแรง
เขารู้ว่าหวางซีไม่สามารถยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้
เขารู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะเขาก็รักหวางซีอย่างสุดซึ้งเหมือนกัน
เพราะรักมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าใจอารมณ์ตอนนี้ของหวางซีได้
“ซีเอ๋อร์ ลูกสงบสติอารมณ์หน่อย บางทีเย่เซิ่งเทียนอาจจะถูกใส่ร้ายจริง ๆ”
หลี่หลานจ้องเย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาดุดัน เธอตบหน้าเย่เซิ่งเทียนสิบกว่าครั้ง เธอเกลียดที่เย่เซิ่งเทียนทำร้ายลูกสาวของตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า และทำร้ายเธอหนักหนาสาหัสขนาดนี้
“ลูกสาวที่อาภัพของแม่”
หวางซีเช็ดน้ำตา แต่น้ำตายังคงไหลอาบแก้ม
เธอพูดอย่างไร้ความปรานีว่า “ไปสำนักงานเขตกันเถอะ หย่ากันเถอะ”
หลังจากพูดจบ หวางซีก็ไปหาทะเบียนสมรส แต่ไม่นานเธอก็พูดด้วยความคลุ้งคลั่งว่า “คุณแม่ค่ะ คุณแม่เก็บทะเบียนสมรสของหนูไว้ที่ไหน คุณแม่เก็บไว้ที่ไหน?”
ตอนนี้เธอขาดสติ เธอลืมไปว่าตนเองอยู่ในบ้านของตระกูลหลี่ ส่วนทะเบียนสมรสของเธออยู่ที่บ้านในเมืองเฉียนถัง
“เย่เซิ่งเทียน แกไสหัวออกไปจากที่นี่ ฉันไม่มีลูกเขยอย่างแก!!”
หลังจากหลี่หลานพูดจบ เธอก็รีบวิ่งไป “ซีเอ๋อร์ ลูกสงบสติอารมณ์หน่อย ทะเบียนสมรสอยู่ที่บ้านของพวกเรา ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“คุณแม่ พวกเรากลับไปเอาทะเบียนสมรสเถอะ คุณแม่ไปเอาทะเบียนสมรสเป็นเพื่อนหนูได้ไหม?”
หวางซีกอดไหล่ของตนเองและขดตัวอยู่บนพื้น น่าสงสารเหมือนลูกแกะที่กำลังรอถูกฆ่า
“ได้ แม่จะไปไปเป็นเพื่อนหนู แม่จะไปเอาเป็นเพื่อนหนู”
หลี่หลานกอดหวางซีด้วยความทุกข์ใจ
เย่เซิ่งเทียนปาดน้ำตาและกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า “คุณแม่ ซีเอ๋อร์ ผมจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกคุณ!”
หลังจากพูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
ทันทีที่เขาเดินออกจากประตู เย่เซิ่งเทียนจับหน้าอกด้วยความปวดใจ เสียงดัง “อ้วก” เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
เดิมทีนั้นเขาได้เดินออกมาจากเงามืดจากการตายของแม่แล้ว และเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อโลกใบนี้ในการค้นหาเบาะแสของแม่
แต่ตอนนี้ ผู้หญิงอีกคนที่เขารักที่สุด ไม่ต้องการเขาแล้ว
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยการตำหนิตนเองและความรู้สึกผิด เขาตบหน้าตนเองอย่างแรงหลายครั้ง “เย่เซิ่งเทียน แกไม่ละอายใจต่อซีเอ๋อร์เหรอ!!”