Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 681 บังเอิญเจอบนเครื่องบิน
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 681 บังเอิญเจอบนเครื่องบิน
“สาวสวย ผมจะบอกคุณนะ ความจริงแล้วผมเป็นคนขี้เหงามาก”
บนเครื่องบิน ชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งข้างเย่เซิ่งเทียนกำลังจีบแอร์โฮสเตส
แอร์โฮสเตสกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นความผิดของฉันเหรอ?”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “แน่นอนว่าเป็นความผิดของคุณ คุณทำให้ผมเหงา แล้วจะไม่ใช่ความผิดของคุณได้อย่างไร?”
แอร์โฮสเตสเอามือปิดปากเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายค่ะ กรุณาอย่ารบกวนการทำงานของฉันค่ะ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยความเหยียดหยามว่า “ทำงานอะไร ความสวยเป็นจุดเด่นของคุณ เหมาะที่จะเป็นแฟนของผม ขอเพียงคุณเต็มใจเป็นแฟนผม แล้วผมก็มอบเครื่องบินส่วนตัวของผมให้คุณ อีกอย่าง คุณยิ้มแล้วสวยมากเลย”
แอร์โฮสเตสยิ้มอย่างสุภาพ “ได้ค่ะ! รอให้คุณขับเครื่องบินส่วนตัวมาแล้ว ฉันค่อยพิจารณาอีกที ขอบคุณค่ะ”
ชายหนุ่มโบกมือและกล่าวว่า “ไม่ต้องขอบคุณ ความสวยเป็นจุดเด่นของคุณ แต่การที่คุณเข้าตาผมนั้นเป็นความสามารถของคุณ ผมชื่อเปาจี้จู่ คนสวยขอเบอร์โทรหน่อยได้ไหม?”
“บริษัทของพวกเรามีกฎว่าไม่สามารถให้เบอร์โทรกับแขกได้ ขอบคุณค่ะ”
แอร์โฮสเตสเหลือบมองเปาจี้จู่อีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ หน้าตาไม่เลว แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่สเปคของเธอ
ถ้าเป็นลูกเศรษฐี บางทีเธออาจจะตกลง แต่น่าเสียดายหล่อแล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ? สู้ลุงหัวล้านที่ร่ำรวยไม่ได้
“เฮ้อ น่าเสียดาย นึกไม่ถึงว่าผมเปาจี้จู่จีบผู้หญิงแต่กลับถูกปฏิเสธ”
หลังจากกล่าวจบ เขาหันไปมองเย่เซิ่งเทียนและกล่าวว่า “คุณ คุณคิดว่าผู้หญิงสมัยนี้ล้วนเห็นแก่เงินใช่ไหม? ผมแค่ต้องการหารักแท้มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจเขา
เปาจี้จู่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ “ตาแก่ที่บ้านโหดเกินไปแล้ว ผมแค่หนีการแต่งงานเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะอายัดบัญชีของผม ตอนนี้ผมกลายเป็นคนจนแล้ว เหลือเงินติดตัวเพียงสามแสนเท่านั้น แล้วผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
“นี่คุณ คุณคิดว่าในโลกนี้มีคนจนกว่าผมอีกไหม? ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินเพียงแค่สามแสนเท่านั้น คุณเคยเห็นคนที่อายัดบัญชีธนาคารของลูกชายตนเองไหม? แม้แต่แอร์โฮสเตสก็ยังไม่สนใจผมเลย”
เย่เซิ่งเทียนรู้ว่าเจ้าหมอนี้เป็นใคร เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอเขาบนเครื่องบิน
เมื่อไม่นานมานี้ ลูกชายของเปาเจิ้นนักธุรกิจค้ายาอันดับหนึ่งของเจียงหนานหนีการแต่งงาน แล้วเปิดเผยเรื่องที่เปาเจิ้นเมาเหล้า แล้วร้องไห้เสียใจเรื่องที่แม่เสียชีวิตบนโลกโซเชียล
“เฮ้ยคุณ แหวนของคุณไม่เลว เป็นแหวนเก่า คุณขายให้ผมดีไหม? คุณเสนอราคามาเลย”
เปาจี้จู่จ้องแหวนไม้ที่อยู่บนนิ้วมือของเย่เซิ่งเทียน ดวงตาเป็นประกาย
“ถ้าหากคุณเริ่มยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป และทำความดีสั่งสมผลบุญ คุณอาจจะรอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ได้ มิฉะนั้น คุณต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
เย่เซิ่งเทียนเงยหน้ามองเขาและกล่าวเบา ๆ
“โอ้ ดูไม่ออกเลยว่าคุณเป็นหมอดู คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับผมแบบนั้น คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? แม่งฉิบหาย ผมยากจนมากจนเหลือแค่สามแสน คุณยังคิดจะหลอกเงินผมอีกเหรอ?”
เปาจี้จู่กล่าวเยาะเย้ยว่า “ผมเกลียดนักตุ้มตุ๋นอย่างคุณมากที่สุด ผมจะต้องกำจัดคนชั่วเพื่อประชาชน ตอนนี้หลอกลวงถึงผมแล้วเหรอ? ประจวบเหมาะที่สองวันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี แล้วคุณยังกล้ามาหลอกลวงผมอีก คุณคอยดูเถอะว่าผมจะจัดการคุณอย่างไร ถือเสียว่าเป็นการขจัดภัยเพื่อประชาชน เจ้าหนู หลังจากลงเครื่องบินแล้วอย่าเพิ่งหนีน่ะ ผมต้องจัดการสั่งสอนคุณให้เข็ด”
เพื่อเห็นแก่หน้าเปาเจิ้นพ่อของเขา เย่เซิ่งเทียนจึงไม่อยากจะสนใจเขา
“นี่แก รู้จักกลัวแล้วใช่ไหม? ขอเพียงแค่คุณขายแหวนนี้ให้ผม แล้วผมก็จะปล่อยแกไป มิฉะนั้น เมื่อคุณไปถึงภูเขาฉางไป๋แล้ว เพียงแค่ผมพูดประโยคเดียว คุณก็จะไม่สามารถออกไปจากที่นั่นได้”
สายตาของหนิงเจ๋อฮ่าวที่เบาะหลังมีรัศมีสังหาร เพลย์บอยคนนี้ช่างใจกล้าหาญจริง ๆ ที่กล้าพูดกับเทียนจวินแบบนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของเทียนจวิน เขาคงฆ่าเจ้าเด็กคนนี้ไปนานแล้ว
เย่เซิ่งเทียนเหลือบมองเขาและกล่าวว่า “ระวังคำพูดของคุณด้วย มิฉะนั้นภัยพิบัติจะมาจากปาก”
เปาจี้จู่รู้สึกโมโหและกล่าวว่า “โอ้ เจ้าหนู ผมจะบอกว่าคุณได้ยั่วยุคนที่คุณไม่สามารถยั่วยุได้! ไม่มีใครกล้าขู่ผมเปาจี้จู่แบบนี้มาก่อน ไม่ได้! วันนี้ผมต้องสอนบทเรียนให้คุณ ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกเกลียดขี้ตาคุณมาก? อีกสักครู่หลังจากลงเครื่องบินแล้ว คุณโทรไปเรียกคนรู้จักมาเลย จะได้ไม่บอกว่าผมรังแกคุณ ผมเป็นคนที่ดูถูกหมอดูหลอกลวงอย่างคุณมากที่สุดเลย”
“เจ้าหนู อย่าได้คืบแล้วจะเอาศอก รบกวนการพักผ่อนของคนอื่น”
หนิงเจ๋อฮ่าวที่นั่งอยู่ด้านหลังเอามือวางบนไหล่ของเปาจี้จู่ ทำให้เปาจี้จู่รู้สึกราวกับว่าถูกคีมเหล็กหนีบเอาไว้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และคิดอยู่ในใจว่าผมเป็นคนที่ถ้าตกที่นั่งลำบากแล้วสามารถยอมลดราวาศอกได้ชั่วคราว เพื่อจะได้ไม่เป็นเบี้ยล่าง รอลงจากเครื่องบินก่อนแล้วค่อยว่ากัน ดังนั้นเขาจึงยิ้มแหย ๆ แล้วกล่าวว่า “ขอโทษครับ ขอโทษครับ”
แต่โกรธแค้นเเย่เซิ่งเทียนกับหนิงเจ๋อฮ่าวอยู่ในใจ