Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 702 พวกเรามาลองอีกครั้งเถอะ
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 702 พวกเรามาลองอีกครั้งเถอะ
กู่เหอพยักหน้าแล้วรีบจากไป
ในใจตื่นตระหนกอย่างมาก
เขาคิดว่าเจ็ดตระกูลเก่าแก่ก็เก่าแก่มากพออยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยว่าตระกูลพวกนั้นมีอยู่ในประวัติศาสตร์จริงมั้ย แต่ว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนราชวงศ์ก็ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ การที่เจ็ดตระกูลเก่าแก่ยังสืบทอดกันมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า ยังมีตระกูลแบบนั้นอยู่จริงๆ!
ตระกูลที่มีอายุกว่าพันปี อาจมากกว่าสองพันปีก็ได้ ตระกูลแบบนี้ จะน่ากลัวซักแค่ไหนกันนะ?
เขาไม่กล้าคิดต่อแล้ว รู้เรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์กับเขาเลยสักนิด
เขาแน่ใจว่า ไอ้อู๋คนนั้น ต้องมาจากพลังแบบนี้แหละ!
รอให้กู่เหอจากไปแล้ว กู่ชางหลงถึงพูดต่อว่า “เธอรู้ไหมว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงได้หนีออกจากตระกูล?
เย่เซิ่งเทียนเหลือบมอง “อาจเป็นเพราะตระกูลโบราณที่ลึกลับ?”
“ใช่แล้ว”
กู่ชางหลงถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “ในตอนนั้นฉันเป็นถึงเทพบู๊ห้าดาวขั้นสูงสุด มีรากทิพย์ ในตอนที่กำลังจะทะลวงผ่านแดนเหนือโลกีย์ ก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ ตอนนั้นฉันนึกว่าคิดผิดไป ก็เลยไม่ได้สนใจซักนิด”
“จากนั้นทุกครั้งที่ฉันผ่านเขตแดน ความรู้สึกแบบนั้นก็จะกลับมาอีก ดังนั้นฉันก็เลยฉวยโอกาสตอนผ่านเขตแดนครั้งนั้น แกล้งตาย ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่จริงๆ!ฉันไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ได้ยินเพียงแค่เสียงถอนหายใจของเขา ระดับพลังมากกว่าฉันไปหลายขุม!”
เย่เซิ่งเทียนถามอย่างสงสัยว่า “ไม่ใช่สิ ถ้าเก่งกาจขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะดูไม่ออกหรอกว่าคุณน่ะแกล้งตาย!”
กู่ชางหลงพูดอย่างภูมิใจว่า “ก็นี่มันเป็นเรื่องที่ฉันเชี่ยวชาญนี่ สภาพของฉันในตอนนั้น จะดูเหมือนว่าฉันแกล้งตาย หรือจะดูเหมือนฉันตายจริงๆก็ได้ทั้งนั้น วิญญาณก็แตกแยกจากกันแล้ว เขาต้องคิดว่าฉันตายจริงๆแน่นอน”
“เป็นไปได้ยังไง วิญญาณแตกแยก จะกลับมามีชีวิตได้ยังไงกัน?”
เย่เซิ่งเทียนมองกู่ชางหลงอย่างตกตะลึง ในใจคิดว่าชายชราผู้นี้ต้องโม้เกินจริงแน่ๆ
กู่ชางหลงพูดด้วยท่าทีลึกลับว่า “ที่จริงแล้วฉันฝึกฝนวิญญาณดวงที่สองออกมาแล้ว ตอนหนุ่มๆฉันได้ออกผจญภัยมากมาย สามารถฝึกฝนวิญญาณดวงที่สองได้ ดังนั้นตอนนั้นที่ฉันแตกสลาย ก็แค่วิญญาณดวงที่สองเท่านั้น”
“หลังจากนั้นฉันแอบทะลวงผ่านแดนเหนือโลกีย์ แล้วก็แอบสืบข้อมูลของตระกูลโบราณที่ลึกลับตามที่เคยได้ยินมา ผ่านไปหลายปี เรื่องที่ฉันแน่ใจมีเพียงแค่เรื่องของตระกูลเหย้และตระกูลตระกูลเฟิงแค่นั้น สองตระกูลนี้สืบทอดมายาวนานกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี”
“คุณพูดถึงตระกูลเย่งั้นเหรอ?”
เย่เซิ่งเทียนถาม
“ไม่ใช้ตระกูลเย่ของเธอ เป็นตระกูลเหย้ไม่ใช่เย่ อย่ามาได้ใจ”
กู่ชางหลง จ้องเขม็งและพูดว่า “หลานเอ้ย ที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากรู้หรอกเหรอว่าแผนการร้ายของตระกูลโบราณที่ลึกลับคืออะไร? ตอนนี้ฉันสงสัยมากยิ่งขึ้น การฝึกฝนเหล่านี้ของโลกบู๊ในตอนนี้ คงเป็นแค่เคล็ดลับเล็กน้อยที่ตระกูลโบราณที่ลึกลับเผยแพร่ออกมา เพราะผ่านมานานขนาดนี้ ฉันค้นพบว่าหลังจากที่ฉันทะลวงผ่านแดนเหนือโลกีย์ พลังของฉันก็เพิ่มถึงขีดสุด ไม่สามารถผ่านเขตแดนได้อีก!หนทางข้างหน้า ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปแล้ว!”
สายตาขอกู่ชางหลงมองไปที่เย่เซิ่งเทียนอย่างไร้ความหวัง “ก็อย่างที่พูดไป หลังจากที่พวกเราเข้ามาในโลกบู๊ ก็ไร้หนทางแล้ว!”
เย่เซิ่งเทียนพยักหน้า”ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน หนทางต่อไม่ก็ไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง ภายใต้แดนเหนือโลกีย์มีโลกแบบไหนอยู่กันแน่? ไม่รู้เลยสักนิด วิชาที่ฉันเรียนมาทั้งหมดนั้น ก็ไม่มีหนทางให้ฝึกฝนต่อแล้ว”
พูดถึงตอนนี้ เย่เซิ่งเทียนก็นึกออกแล้ว มองไปที่กู่ชางหลงแล้วพูดว่า “คุณหมายความว่า……”
กู่ชางหลงยิ้มเย็น “ก็หมายความว่าอย่างนั้นแหละ พวกเราไร้วิชา แล้วก็ไม่มีหนทางฝึกฝนต่อแล้ว ทางของพวกเราถูกตัดขาด ต้องหาวิธี แล้วคำตอบของวิธีนี้ ก็อยู่ในตระกูลโบราณที่ลึกลับ!ที่ฉันซ่อนตัวมานานขนาดนี้ ก็เพราะอยากจะทำให้แน่ใจ ว่าที่จริงแล้วจุดประสงค์ของตระกูลโบราณที่ลึกลับคืออะไรกันแน่!”
เย่เซิ่งเทียนพูดด้วยความตกใจว่า “แล้วตอนนี้คุณรู้รึยัง?”
กู่ชางหลงพูดด้วยท่าทางมั่นใจว่า “แน่นอนว่าไม่ ถ้ารู้แล้วจะมาปรึกษากับเธอแบบนี้เหรอ?”
“งั้นคุณจะพูดทำไม!”
เย่เซิ่งเทียนกลอกตา
“เฮ้ยๆ นี่คือโอกาสยังไงล่ะ โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต ทำไมเธอไม่ปล่อยวางเรื่องของไอ้อู๋นั่นไปซะก่อนล่ะ?”
ในสายตาของกู่ชางหลงมีแสงไฟสว่างขึ้น “เพราะฉันรู้ว่า หล่อนเป็นคนของตระกูลโบราณที่ลึกลับ ในเมื่อหล่อนคอยนำทางให้เธอตามหาแม่ งั้นก็ใช้โอกาสนี้เสียสิ”
ในตาของเย่เซิ่งเทียนเหมือนมีแสงสว่างขึ้น “ฉันและคุณร่วมมือกัน?”
กู่ชางหลงพยักหน้าชื่นชม “ฉลาดพอ อีกอย่าง ฉันจะบอกเธออีกครั้งนะ เบื้องหลังไอ้อู๋นั้นก็ยังมีหญิงคนหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ข้างกายของหญิงคนนั้นมีผู้พิทักษ์ชะตาอยู่ พลังแข็งแกร่งมาก”
“หลานเอ๋ย เธออย่าคิดนะว่าที่โลกนี้ยกย่องให้เธอเป็นคนที่มีพลังแกร่งกล้าที่สุดในยุคนี้ แล้วเธอจะยอดเยี่ยมที่สุด นั่นมันเพราะว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ชายตามองเธอ พวกเขาไม่ได้อยากจะเข้ามาแทรกแซงกับอำนาจในโลก ไม่งั้นคนเหล้านั้นก็จะเหยียบย่ำเธอจนตาย
“ตอนนั้น ไอ้เด็กเย่หลงยังไม่กล้ายอมรับ ทำได้แค่รับชื่อเทพสงคราม แต่เธอกลับใจกล้า กล้าเรียกตัวเองว่าคนที่มีพลังแกร่งกล้าที่สุดในโลกบู๊”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “พูดเรื่องไร้ประโยชน์ให้น้อยลงหน่อย คุณมีแผนการอะไรก็ว่ามา อีกอย่างคุณต้องบอกพลังที่แท้จริงของเจ็ดตระกูลเก่าแก่ให้ฉันรู้ ไม่งั้นคุณก็ทำไปคนเดียวเลย ยังไงซะฉันก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ ตอนนี้ฉันมีลูกมีเมียก็พอใจกับที่เป็นอยู่แล้ว”