Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 711 คนในยุทธภพล้วนแก่งแย่งชิงดี
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 711 คนในยุทธภพล้วนแก่งแย่งชิงดี
หลังจากจัดการมังกรชั่วร้ายแล้ว กู่เหอจัดงานเลี้ยงต้อนรับเย่เซิ่งเทียน
กู่เหอต้องการให้หนิงเจ๋อฮ่าวอยู่ที่นี่ต่อ แต่ถูกหนิงเจ๋อฮ่าวปฏิเสธ
“เปาจี้จู่ เมื่อสักครู่แกกล้าเรียกด่าฉัน แกคิดว่าฉันคนโง่เหรอ? แกกล้าด่าฉันว่าเป็นหมา!”
ระหว่างงานเลี้ยง กู่ฉิงฉิงซึ่งเดิมทีเอาแต่ก้มหน้ากินอาหาร ทันใดนั้นเธอก็หยุดกินทันที แล้วจับคอปกเสื้อของเปาจี้จู่เอาไว้ จากนั้นต่อยไปที่ตาของเปาจี้จู่
เปาจี้จู่ถูกต่อยจนตาช้ำเหมือนแพนด้า เขาจ้องกู่ฉิงฉิงด้วยความมึนงง และไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะหนึ่ง
“ก่อกวน!”
กู่เหอจ้องกู่ฉิงฉิงด้วยสายตาดุดัน เขารู้สึกว่าลูกสาวคนนี้กลายเป็นคนโง่เขลาไปแล้ว
หรือว่าจะคลอดลูกคนที่สอง?
ทุกคนต่างก็พูดไม่ออกเช่นกัน
หรือว่าตอนนี้คุณเพิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนอง?
ปฏิกิริยาตอบสนองของคุณใช้เวลาสองชั่วเต็ม ๆ เลยเหรอ?
กู่ฉิงฉิงต่อยตาอีกข้างของเปาจี้จู่ด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวว่า “ใครใช้ให้เขาว่าฉันก่อน? กล้าดีอย่างไรมาว่าฉันเป็นหมา”
เปาจี้จู่” ผม……”
ช่างมันเถอะ เขาไม่อยากจะถือสาสาวห้าวคนนี้ ถ้าถูกเธอทำร้ายอีก มันจะอับอายขายหน้ามากกว่านี้
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เปาจี้จู่แอบไปอยู่ข้างเย่เซิ่งเทียน และถามด้วยสีหน้าเศร้าว่า “พี่เทียน พี่ดูสิว่าผมสามารถฝึกเคล็ดวิชาได้ไหม? ผมคิดว่าถ้าสามารถฝึกจนกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรได้ มันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็มองไปด้านข้างอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นว่ากู่ฉิงฉิงไม่ได้มองมาฝั่งนี้ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เย่เซิ่งเทียนหัวเราะและกล่าวว่า “นายแน่ใจหรือว่าไม่ได้เป็นเพราะถูกคู่หมั้นและกู่ฉิงฉิงทำร้ายจนหวาดกลัว?”
เปาจี้จู่กล่าวอย่างเต็มไปด้วยเหตุผลว่า “เป็นไปได้อย่างไร? พี่เทียน พี่ดูถูกผมมากเกินไปแล้ว? ผมจะกลายเป็นเพลย์บอยอันดับหนึ่งของโลก แล้วทำไมผมต้องสนใจผู้หญิงสองคนนั้นด้วย?”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องสงสัย “พี่เทียน พี่ถูกรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนของผมหลอกแล้ว อย่ามองว่าผมเป็นแบบนี้น่ะ ถ้าผมลงมือขึ้นมา ผู้หญิงสองคนนั้นไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผมได้อย่างแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เคล็ดวิชาของผมไม่เหมาะกับนาย ต่อไปถ้าผมพบเคล็ดวิชาที่เหมาะกับนายแล้ว ผมค่อยสอนนาย ผมจะสอนท่าพื้นฐานให้นายก่อน”
เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “โอเค พี่เทียนดีต่อผมจริง ๆ พี่ดีกับผมมากกว่าพ่อเสียอีก ตาเฒ่าคนนั้นอายัดบัตรธนาคารของผม ชั่วร้ายจริง ๆ คอยดูเถอะว่าอนาคตผมจะถอดสายออกซิเจนของเขาหรือเปล่า?”
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว กู่เหอกับเย่เซิ่งเทียนพูดคุยรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับการจัดการหกตระกูลเก่าแก่ที่เหลือ
ทางฝ่ายขุนหลวงจะส่งตัวหร่วนซื่อสงติดต่อกู่เหอด้วยตนเอง
กู่เหอกล่าวด้วยความไม่แน่ใจ “เสี่ยวเย่ หากเธอต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลลี้ลับเพิ่มเติม เกรงว่าเธอจะต้องไปที่ตระกูลเซียวหรือตระกูลฉินแล้ว ผมสงสัยว่าสองตระกูลอาจเกี่ยวข้องกับตระกูลลี้ลับ แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ความจริงแล้วภายในเจ็ดตระกูลเก่าแก่มีข่าวลือเรื่องหนึ่ง กล่าวกันว่าความจริงแล้วบรรพบุรุษของตระกูลฉินและตระกูลเซียวถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลลี้ลับ ต่อมาถึงได้ก่อตั้งตระกูลฉินและตระกูลเซียว”
“และยังมีอีกข่าวลืออีกว่าเดิมตระกูลฉินและตระกูลเซียวเป็นบรรพบุรุษเดียวกัน ต่อมาถึงได้กลายเป็นตระกูลฉินและตระกูลเซียวในปัจจุบัน บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลลี้ลับ”
“ความจริงแล้ว ยังมีการเล่าขานที่ยุ่งเหยิงอื่นๆ อีก สิ่งเหล่านี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นก็คือมีความเป็นไปได้สูงมากที่ทั้งสองตระกูลนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลี้ลับ”
เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ซึ่งหมายความว่าตระกูลลี้ลับกำลังเข้ามาแทรกแซงอำนาจทางโลกมนุษย์?”
กู่เหอกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ใครบ้างที่ไม่ชอบอำนาจ คนที่สามารถยืนหยัดกับการฝึกฝนที่น่าเบื่อได้นั้นมีสักกี่คน? คนที่คิดแต่เรื่องการบำเพ็ญและแสวงหาสิ่งลวงตาอย่างแท้จริงนั้นมีกี่คน? เกรงว่าคงจะมีไม่กี่คนเท่านั้น คนพวกนั้นฝึกฝนด้วยความยากลำบากเพื่ออะไร? ก็เพื่อจะได้ครอบครองทรัพยากรมากขึ้นและมีอำนาจมากขึ้น?”
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
เย่เซิ่งเทียนเห็นด้วยกับคำพูดของกู่เหอ ขอเพียงแค่คนมีความปรารถนา เมื่อมีความปรารถนา ย่อมมีความโลภทุกรูปแบบ
ความจริงแล้วยุทธภพไม่ได้ดีอย่างที่กล่าวไว้ ล้วนมีแต่การแก่งแย่งชิงดีกัน
สถานที่มีคนก็คือยุทธภพ ยุทธภพก็เป็นสถานที่ที่มีแผนชั่วร้ายลับ ๆ และมีแต่การแก่งแย่งชิงดี