Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 732 พบเหย้ซูหลิงอีกแล้ว
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 732 พบเหย้ซูหลิงอีกแล้ว
“ไร้สาระ”
เย่เซิ่งเทียนกำลังจะตัดสาย แต่หญิงสาวก็พูดเสียงอ้อนว่า“โฮ ล้อเล่นหน่า นายคงไม่ได้ลืมฉันแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านี้เรายังเจอกันอยู่เลย เพื่อนร่วมชั้น”
เพื่อนร่วมชั้น?
เย่เซิ่งเทียนตกตะลึง เขารู้ว่าเป็นใครแล้ว นี่คือเหย้ซูหลิง
ในการประชุมแลกเปลี่ยนที่เฉียนถังเมื่อไม่นานมานี้ เหย้ซูหลิงจงใจวางแผนใส่ร้ายเขา ตอนนี้ยังติดต่อเขาอยู่
“เรื่องอะไร?”
เย่เซิ่งเทียนถามอย่างเย็นชา เขาไม่ใช่คนใจกว้างอะไร เพื่อนร่วมห้องเก่า พอเจอหน้ากันกลับวางแผนทำร้ายเขา
เย่เซิ่งเทียนไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเธอ
เสียงของเหย้ซูหลิงจากปลายสายเต็มไปด้วยความชั่วร้าย“ไม่มีเรื่องก็ติดต่อเพื่อนเก่าไม่ได้เลยหรอ?ฉันมีเรื่องจริงๆนั่นแหละ รีบมาหาฉันเร็วเข้า ไม่อย่างงั้นนายก็อย่าคิดที่จะรู้เรื่องของฟางหยวนเลย”
เย่เซิ่งเทียนรู้สึกบีบหัวใจ“เธออยู่ไหน?”
เหย้ซูหลิงพูดอย่างทีเล่นทีจริง“ทำไม เป็นถึงเจ้าเทพเย่สืบไม่ได้เลยหรอว่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันอยู่ไหน?”
เย่เซิ่งเทียนสีหน้าเคร่งขรึม เหย้ซูหลิงรู้ตัวตนของเขาดี แถมยังรู้เรื่องของฟางหยวนด้วย ตกลงเธออยากทำอะไรกันแน่?
“ช่างเถอะ ฉันไม่แกล้งนายแล้ว เห็นปอร์เช่ที่อยู่ซ้ายมือของนายไหม?”
เย่เซิ่งเทียนมองไป เห็นใบหน้าเย้ายวนของเหย้ซูหลิง
“เทียนจวิน สำนักงานใหญ่ของฟ้าสยบให้ผมกลับไป”
หนิงเจ๋อห้าวเดินตามมา แล้วพูดเสียงเบา
“ไปเถอะ”
เย่เซิ่งเทียนไม่ใส่ใจ คาดว่าสำนักงานใหญ่ของฟ้าสยบคงอยากจะให้หนิงเจ๋อห้าวกลับไป เพื่อยืนยันตัวตนของเขา
เขาเชื่อว่าเฉินซือเลี่ยงกับหนิงเจ๋อห้าวได้รายงานเรื่องของเขาให้กับสำนักงานใหญ่ฟ้าสยบ แต่จนถึงตอนนี้ฟ้าสยบยังไคงไม่มีท่าทีใดๆ เขาเองก็ไม่อยากสนใจแล้ว
หนิงเจ๋อห้าวลังเล
เย่เซิ่งเทียนโบกมือไปมาอย่างรำคาญใจ“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ถ้าคนของฟ้าสยบอยากพิสูจน์ตัวตนของผม ก็ให้พวกเขามาหาผม ถ้าไม่อยากมาผมก็ไม่สนใจ”
หนิงเจ๋อห้าวถอนหายใจ ทางด้านสำนักงานใหญ่คิดอะไรอยู่เขาสามารถเดาออกอยู่บ้าง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอยากให้เย่เซิ่งเทียนไปด้วยตัวเอง นี่ถือเป็นการแสดงอำนาจต่อเย่เซิ่งเทียน
แต่พวกเขาน่าจะทำผิดพลาดไป เย่เซิ่งเทียนเป็นเทพเจ้าแห่งต้าเซี่ย จากความจองหองของเขาจะไปเจอคนเหล่านี้ก่อนได้อย่างไร?
หนิงเจ๋อห้าวไม่พูดอะไรอีก เขาตัดสินใจติดตามเย่เซิ่งเทียน ไม่ได้เพื่อสิ่งอื่น เพราะว่าเย่เซิ่งเทียนสามารถหาทรัพย์สมบัติได้
หลังจากการเดินทางไปตระกูลเซียวในมือของก็มีเงินเกือบสองแสนล้าน ถ้าไปหลายๆตระกูล คงจะฟินขึ้นฟ้าไปเลยล่ะ?
ถ้าเขาติดตามเย่เซิ่งเทียน หลังจากนี้ไปยังต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินฝึกวิชาอีกหรอ?
หลายปีมานี้เขาสู้มาอย่างบากบั่น ถึงสามารถฝ่าฟันมาระดับเทพบู๊ระดับที่สอง เพื่อสมบัติเท่านั้น เขาเฝ้าประหยัดอดออม อยู่อย่างน่าสงสาร
ไอ้หนิงคนอย่างเขาไม่เคยมีชีวิตหรูหรามาก่อน
ทั้งๆที่เป็นเทพบู๊ระดับสอง ใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ยังมีใครอีก?
หนิงเจ๋อห้าวทำความท่าคารวะเย่เซิ่งเทียน หลังจากนั้นก็เดินจากไป
เย่เซิ่งเทียนเดินขึ้นรถปอร์เช่ เหย้ซูหลิงแต่งตัวเสื้อผ้าน้อยชิ้น สวยงามหาใครเทียบ
“พูดมาเเถอะ เธอรู้อะไรมา”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเรียบเฉย
เหย้ซูหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“นายทำอย่างงี้กับเพื่อนเก่าหรอ?นายใจดำเกินไปแล้วนะ ถึงแม้ฉันจะเคยทำร้ายนายมาครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็แค่การแกล้งเล่นๆแค่นั้นเอง”
เย่เซิ่งเทียนบีบคอของเธอไว้ แล้วพูดอย่างกดดัน“อย่าตอแหลใส่ฉันนะ ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีอยู่ ฉันไม่ใช้คนที่ทะนุถนอมอ่อนโยนต่อผู้หญิงนะ”
“ฉันผิดไปแล้ว ท่านเจ้าเทพเย่ ฉันพูดแล้วพอใจรึยัง”
เหย้ซูหลิงรีบขอร้องอ้อนวอน แล้วมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความโกรธเคือง
เย่เซิ่งเทียนปล่อยเธอไป แล้วทำหน้าตึง
เหย้ซูหลิงไอค้อกแค้กสองสามครั้ง แล้วพูดอย่างทีเล่นทีจริง“สงสัยใช้ไหมล่ะว่าฉันรู้ตัวตนนายได้ยังไง?อิๆ สิ่งที่ฉันรู้มีไม่น้อยเลยนะ เอาแบบนี้สิ เรามาแลกเปลี่ยนกัน คืนนี้นายไปร่วมงานเลี้ยงกับฉัน แล้วแสร้งเป็นแฟนหนุ่มของฉัน ฉันก็จะบอกนายทั้งหมดเป็นไง?เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่ได้อะไรเลยถูกไหม?”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างรำคาญใจ“ทางที่ดีอย่ามาเล่นลูกไม้นะ”
เหย้ซูหลิงพูดอย่างเวอร์วังว่า“ก็ได้ๆๆ ท่านเจ้าเทพเย่ของฉัน ดิชั้นจะไปกล้าเล่นลูกไม้อะไรกับคุณได้ล่ะ จริงๆเลยเชียว ตอนนี้นายกลายเป็นเทพเจ้าไปแล้ว ไม่สนใจมิตรภาพของเพื่อนเลยหรอ เห้อ เวลาเปลี่ยน จิตใจคนเราก็เปลี่ยนไม่เหมือนเมื่อก่อน เค้าเป็นคนของตะเองแล้วนะ ทำไมตะเองไม่อ่อนโยนกับเค้าหน่อยล่ะ?ตะเองทำเค้าเจ็บหมดเลย”