Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 737 ครอบครัวคุณไม่ได้สอนเรื่องมารยาหรอ?
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 737 ครอบครัวคุณไม่ได้สอนเรื่องมารยาหรอ?
“คุณกำลังทำอะไรน่ะ!”
เย่เซิ่งเทียนดุงเหย้ซูหลิงมาข้างๆ แล้วกดเสียงต่ำถาม
เหย้ซูหลิงพูดด้วยสีหน้างุนงง“หมายความว่าไง?”
เย่เซิ่งเทียนชี้ไปที่บรรดานักธุรกิจ แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกเขาเป็นอะไร?เป็นพวกนักธุรกิจที่เฉียนถังทั้งหมดหรอ?”
เหย้ซูหลิงกะพริบตาปริบๆ“ไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร พวกเขาเป็นพวกนักลงทุนที่เมืองใหม่ของเฉียนถัง มีปัญหาอะไรหรอ?”
พูดจบ เหย้ซูหลิงพูดอย่างโมโห“ไม่คิดจะถามตัวเองหน่อยหรอ?นายกำลังสั่งให้สร้างเมืองใหม่เฉียนถัง นายอยากจะมีส่วนร่วมในธุรกิจเกี่ยวกับพวกวัตถุดิบก่อสร้างของเมืองเจียงหนานทั้งหมดรึไง ถ้าเมืองใหม่ก่อสร้างเสร็จ มีทิศทางพัฒนาไประดับมหานครกระทั่งระดับนานาชาติ ใครไม่อยากได้ส่วนแบ่งบ้าง?มีนายนั่งคุมเฉียนถัง นายคิดว่าการก่อสร้างเมืองใหม่จะไม่ง่ายขึ้นหรอ?นายเป็นเทพเจ้าแห่งต้าเซี่ย ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จ บ้านในเขตเศรษฐกิจใหม่เฉียนถังถูกจับจองไว้หมดแล้ว นายรู้ไหมว่าหนึ่งตารางเมตรราคาเท่าไร?เริ่มต้นที่ห้าหมื่นเชียวนะ!”
เย่เซิ่งเทียนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะมาจากตน
ตอนนั้นที่เขาก่อสร้างเขตเมืองใหม่ ก็เพียงเพราะอยากจะช่วยหวางซี ข่มพวกตระกูลหวางกับตระกูลหมิง
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เขตเศรษฐกิจใหม่เฉียนถังถูกคนมากมายให้ความสำคัญขนาดนี้
“นายเข้าใจอิทธิพลของนายผิดรึเปล่า?ลำพังแค่นายไม่ต้องพูดอะไร ราคาบ้านก็สูงขึ้นแล้ว”
เหย้ซูหลิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง
แต่เย่เซิ่งเทียนไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนั้น วันนี้หวางซีกับหลันรั่วรั่วปรากฏตัวขึ้นที่จินหลิง มีความเป็นได้สูงว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้
เมื่อกี้เขาได้ยินคนพูดถึงเถ้าแก่หวังเยอะมาก ทุกคนมาเพื่อพบปะกับบริษัทหัวหยวนโดยเฉพาะ
“ฉันต้องรีบออกไปตอนนี้ ซีเอ๋อร์ใกล้มาถึงแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดอีกครั้ง”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างหงุดหงิด
เหย้ซูหลิงพูดอย่างตกใจ“ออกไป?นายจะออกไป แล้วฉันจะพานายมาทำไม?ที่ฉันพานายมาด้วยก็เพื่อแกล้งเป็นแฟนให้ฉัน อีกอย่างนะ ระหว่างเราไม่มีอะไรกันสักหน่อย นายจะกลัวอะไร?ยิ่งไปกว่านั้น นายออกไปตอนนี้ ข้อเสนอระหว่างเราสองคนก็จะถือว่าจบกันไป หลังจากนี้ถึงนายจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีวันบอกนายเรื่องข้อมูลพวกนั้นหรอกนะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เซิ่งเทียนรู้สึกโกรธจนกัดฟันกรอด และทำอะไรเธอไม่ได้
“เธอเป็นคนของตระกูลเหย้?”
เย่เซิ่งเทียนหรี่ตาลง มีเพียงแค่สิ่งนี้ ถึงจะสามารถอธิบายทุกอย่างได้ ทำไมเหย้ซูหลิงถึงรู้เรื่องพวกนี้เยอะขนาดนี้
เหย้ซูหลิงหัวเราะพลางพูดอย่างเป็นนัย“นายเดาสิ?”
“เรื่องของแม่ฉัน ตระกูลเหย้มีส่วนร่วมไหม?”
แววตาของเย่เซิ่งเทียนเผยให้เห็นรังสีอำมหิต
เหย้ซูหลิงกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ“นายอยากรู้จริงหรอ?แต่ถ้านายรู้แล้วก็อย่าเสียใจทีหลังล่ะ ฉันกลัวว่าพอถึงตอนนั้นนายจะรู้สึกเสียใจน่ะสิ แต่ว่านะ ฉันไม่มีกะจิตกะใจพูดเรื่องพวกนี้หรอกนะ ที่ฉันพานายมาที่นี่ก็เพื่อเป็นไม้กันหมา ถ้าฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันไม่กล้ารับประกันว่าจะลืมทุกอย่างไปหมดแล้วรึเปล่า ไปกันเถอะ ตอนนี้นายเป็นแฟนฉันนะ ฉันจะต้องใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ไม่ใช่หรอ?”
เย่เซิ่งเทียนถูกเธอบังคับดึงแขนไป
“หลิงเอ๋อร์ ไม่เจอกันซะนานเลย เธอก็มาด้วยหรอเนี่ย?”
ชายหนุ่มหญิงสาวหลายคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มหล่อเหลาคิ้วโก่งดั่งคันศรสิ่งเหยาะๆเข้ามาด้วยความตื่นเต้น พลางมองไปที่เหย้ซูหลิงด้วยสีหน้ารักใคร่
แต่ไหนแต่ไรมาเหย้ซูหลิงไม่เคยแสดงท่าทีเป็นมิตรกับชายหนุ่มคนนี้เลย แต่ตอนนี้กลับรีบควงแขนของเย่เซิ่งเทียน แล้วหัวเราะอย่างเริงร่า“ฉันมากับแฟนฉันน่ะ ฉันขอแนะนำให้พวกเธอรู้จักนะจ๊ะ เขาชื่อเย่เซิ่งเทียนเป็นแฟนของฉัน”
เมื่อเห็นเหย้ซูหลิงควงแขนของเย่เซิ่งเทียนด้วยท่าทีสนิทสนม และได้ยินการแนะนำจากเหย้ซูหลิง สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที นัยน์ตาของเขาฉายชักรังสีอำมหิต มองเย่เซิ่งเทียนเป็นศัตรู หลังจากนั้นก็แสร้งทำเป็นพูดอย่างสบายๆว่า“หลิงเอ๋อร์ อย่าล้อเล่นไปเลย คนแบบนี้คู่ควรกับเธอได้ยังไง อีกอย่างเธอคบกับผู้ชาย จะคบกับคนแบบนี้ได้หรอ?เธอเป็นใคร แล้วเขาเป็นใคร”
ข้างกายของชายหนุ่มมีหญิงที่ควงมาด้วย“จริงด้วยพี่หลิงเอ๋อร์ ผู้ชายธรรมดาแบบนี้คู่ควรกับฐานะสูงส่งของเราได้ยังไง เขาเป็นคนรับใช้ฉันยังขยะแขยงเลยค่ะ”
เพี๊ยะ!
เย่เซิ่งเทียนตบเข้าไปที่หน้าของเธอ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“ครอบครัวเธอไม่มีใครอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับมารยาทหรอ?”