Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 859 แอบทำอะไรลับหลัง
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 859 แอบทำอะไรลับหลัง
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ หลี่หลานก็โกรธขึ้นมาในทันที เธอชี้ไปที่เกาสง“ไม่เข็ดหลาบสินะ?ยังกล้ามาหาเรื่องอีก”
เกาสงถ่มน้ำลาย แล้วก่นด่า“นังแก่ จองหองทำไมกันห้ะ?คืนนี้ฉันจะให้แกคุกเข่าเรียกฉันว่าปู่”
หลังจากนั้น เขาก็ชี้ไปทางเย่เซิ่งเทียน“เพื่อน ไอ้หมอนี่แหละที่ทำร้ายฉัน เอามันให้ตาย ยังมีนังแก่นี่อีก ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
หลี่หลานไม่กลัวแม้แต่น้อย ในตอนที่อยู่ตระกูลหลี่ เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นคุณหนูใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน
ถึงตอนนี้จะแก่แล้ว ไม่ได้ใจร้อนขนาดนั้นแล้ว แต่ขยะเหล่านี้เธอไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
เขาเดินตรงขึ้นไปตบหน้าเกาสงและพูดอย่างเย็นชาว่า“ไว้หน้าแกเกินไปใช่ไหม?ตบแกแล้วแกจะทำอะไรฉันได้?แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงกล้ายกมือยกไม้ชี้สั่งลูกเขยฉันน่ะ?”
เกาสงคิดไม่ถึง ตนเรียกคนมาเยอะขนาดนี้ อีกฝ่ายจะกล้าทำร้ายตัวเองอีก จึงรู้สึกโกรธขึ้น“นังแก่ แกยังกล้าตบฉันอีกงั้นหรอ จัดการมัน!”
เมื่อสิ้นเสียง เห็นเพียงคนพวกนั้นที่เขาพามา ล้มลงกับพื้นทั้งหมด แล้วร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
เกาสงตกใจมาก เพื่อนกินของเขาพวกนั้น ปกติดื่มกินกันเก่งกว่าใคร พอเจอเรื่องแค่นี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“พวกแก พวกแกเป็นอะไร?”
เกาสงรู้สึกมึนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ตัวเองพามาล้มลงกับพื้นจนหมด
แกร๊ก
เย่เซิ่งเทียนเตะตัดขาของเกาสงหัก แล้วพูดว่า“ตอนแรกว่าจะไม่สนใจเศษสวะอย่างแกนะ คิดไม่ถึงว่าแกจะรนหาที่ตาย”
“อ้าก——”
เกาสงร้องโหยหวน กอดขาแล้วล้มลงกับพื้น พูดด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว“แจ้งความ ฉันจะแจ้งความ แกอย่าคิดจะอยู่อย่างสงบสุขเลย”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างเรียบเฉย“งั้นแกก็ไปแจ้งความเถอะ”
อีกฝ่ายหนึ่งขนาดนี้ ทำให้เกาสงชะงักงัน แต่ยังคงกัดฟันโทรศัพท์แจ้งความ
ปลาติดเบ็ดแล้ว
เกาสงก้มหน้าลง ในสายตาเผยให้เห็นความเย็นชา
เขาจงใจให้เป็นเช่นนั้น
ในความมืดไม่ไกล เจียงลั่วเสินอดีตจอมพลยังคงนั่งอยู่บนรถเข็น ราวกับก่อนหน้านี้เขาไม่ได้โจมตีเหล่านักบู๊เหนือโลกีย์ของตระกูลเก่าแก่ผู้ดี ตอนนี้ท่าทางของเขากลายเป็นคนป่วยที่กำลังจะตาย
เขาทำเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วพูดกับเย่ห้าวและเย่จิงหง“ดูออกไหม?เซิ่งเทียนไอ้หมอนั่นยังมีความโกรธแค้นอยู่ นี่เป็นกรรมที่พวกแกทำไว้ในตอนนั้น ถึงแม้ว่าพวกแกสองพ่อลูกในตอนนั้นจะทำเพื่อปกป้องหมิงยู่กับเย่เซิ่งเทียนสองแม่ลูกคู่นี้ แต่วิธีจัดการของพวกแกมันไม่ถูกต้อง ตอนนี้อยากให้เย่เซิ่งเทียนยอมรับตระกูลเย่ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นอกเสียจากว่าจะช่วยหมิงยู่กลับมาให้ได้ ให้หมิงยู่อภัยให้พวกแก”
หน้าเหี่ยวย่นของเย่จิงหงเต็มไปด้วยความเจ้บปวด“จอมพลครับ ผมทำอะไรได้บ้าง?ตอนนึ้คุณได้รับบาดเจ็บสาหัส และผมจะต้องปกป้องตระกูลเย่ และต้องปกป้องพวกเขาสองแม่ลูกในขณะเดียวกันด้วย ลูกพี่ของผมถูกคนพวกนั้นตายเพราะเป็นตัวทดลองของคนพวกนั้น ผมจะทำอะไรได้?เห้อ ผมไม่ได้คาดหวังให้เย่เซิ่งเทียนยกโทษให้ แต่ผมแค่หวังว่าเขาจะไม่โกรธเกลียดตระกูลเย่ก็พอแล้ว ถ้าจะโกรธเกลียดจริงๆ ก็ต้องเกลียดผมกับห้าวเอ๋อร์”
เย่ห้าวยิ้มอย่างขมขื่น“นี่คือการละเลยหน้าที่ของผู้เป็นพ่ออย่างผม ต้องโทษที่ผมมันไร้ความสามารถ ไม่สามารถปกป้องลูกเมียของตัวเองได้ ถ้าผมสามารถปกป้องพวกเขาสองแม่ลูกได้ ผมคงไม่ต้องแสดงท่าทีใจร้ายแบบนั้นออกมา ลุงเจียงครับ หลายปีมานี้ผมเอาแต่โทษตัวเองมาตลอด คิดว่าทำไมผมไม่ใช่อัจฉริยะ ทำไมถึงเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่แม้แต่จะบำเพ็ญตนได้”
“แม้แต่ลูกเมียของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ หากเปรียบเทียบกับเย่เซิ่งเทียน ผมยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ตอนนั้นผมแค่อยากเป็นเพลย์บอยคนหนึ่ง อยู่กับหมิงยู่อย่างมีความสุข แต่พี่ใหญ่ตายแล้ว ผมเป็นคนของตระกูลเย่ ผมจะต้องแบกรับไว้”
“เซิ่งเทียนเกลียดผม ก่อนหน้านี้เกือบเอาผมตาย ผมยังไม่โทษเขาเลย และไม่สนใจด้วย ผมแค่เสียดาย ลูกชายของผมไม่แม้จะเรียกผมว่า‘พ่อ’แม้แต่คำเดียว หึๆ บางครั้งผมก็รู้สึกว่า ผมไร้ประโยชน์ขนาดนี้ มีชีวิตอยู่ต่อไปทำไมตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
เจียงลั่วเสินถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอยู่นาน
ในเวลานี้ ในความมืดอีกด้านหนึ่ง ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำ กำลังเฝ้าสังเกตการณ์เย่เซิ่งเทียนอยู่
เขาพูดพึมพำว่า“ใช้ลูกสาวมากระตุ้นเย่เซิ่งเทียน เขาน่าจะสามารถปลุกเลือดเทพของเผ่าซวนหยวนได้?”