Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 894 จักรพรรดิหวงตี้ขี่มังกรทะยานสู่ฟ้า
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 894 จักรพรรดิหวงตี้ขี่มังกรทะยานสู่ฟ้า
ตาเฒ่าเจียงนั่งอยู่บนรถเข็น บาดแผลของเขาสาหัสมาก
แม้ว่าตอนนี้ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร แต่คิดอยากจะฟื้นตัวโดยสิ้นเชิง จะต้องรอเวลาระยะหนึ่ง
คนที่ทำให้พวกเขาสามสี่คนรู้สึกตกใจมากที่สุดยังคงเป็นเย่เซิ่งเทียน บาดแผลที่ได้รับสาหัสที่สุดในบรรดาทุกคน
แต่ตอนนี้ หลังจากที่เย่เซิ่งเทียนตื่น ไม่เหมือนกับได้รับบาดเจ็บเลยดดสิ้นเชิง
นี่มันแปลกประหลาดมาก
หรือว่า การตื่นภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน ยังมีประสิทธิภาพช่วยฟื้นอาการบาดเจ็บ?
“คุณไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?”
เจียงลั่วเสินสังเกตร่างกายของเย่เซิ่งเทียนอย่างละเอียด
นี่ก็น่าประหลาดมากเกินไปแล้ว
ทำให้เขาอิจฉามาก
เย่เซิ่งเทียนคิดๆแล้ว พูดว่า“อาจจะเป็นเพราะเลือดเทพสองชนิดในร่างกายของฉัน ทุกครั้งพลังในมือจะฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว บวกกับวิชาหลอมร่างที่ฉันฝึกฝน ความสามารถของการฟื้นตัวในตัวเองก็เลยแข็งแกร่ง”
《ร้อยวิชาหล่อหลอม》ที่เย่เซิ่งเทียนฝึก ก่อนหน้านี้ตอนที่เลือดประหลาดแห่งตระกูลเย่ตื่นภวังค์เป็นครั้งที่สอง ในวังใต้ดินในวัดโบราณเมืองพุทธ ถึงการหลอมห้าสิบครั้งแล้ว วิชาหลอมกายสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ
ระดับความแข็งแกร่งของเนื้อหนังมังสาแข็งแกร่งกว่าผู้แข็งแกร่งแดนลอยเมฆ
นี่ก็มั่นใจได้ว่าระดับเย่เซิ่งเทียนเท่าเทียมกันกับผู้แข็งแกร่งแดนลอยเมฆ
หลังจาก《ร้อยวิชาหล่อหลอม》สำเร็จเล็กๆน้อยๆ บวกกับการตื่นภวังค์ของเลือดประหลาด 2ครั้ง สมรรถนะในการฟื้นตัวของร่างกายเย่เซิ่งเทียนเร็วมาก
แต่ว่าต่อให้เร็วแค่ไหน หลังจากสนามการต่อสู้ที่ต่อกรกับพญาดำนี้สิ้นสุดลง เย่เซิ่เทียนไม่เป็นอะไรเลยสักนิด ค่อนข้างแปลกประหลาด
เย่เซิ่งเทียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง พูดอีกว่า“ก็อาจจะเป็นเพราะการตื่นจากภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน”
กู่ชางหลงไม่อาจข่มอารมณ์ได้เป็นคนแรก พูดว่า“เสี่ยวเย่ การตื่นจากภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน คุณมีความรู้สึกยังไง?พวกเราคาดเดาว่า การตื่นจากภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นการตื่นภวังค์จากการถ่ายทอดสติบางอย่าง มีผลกระทบต่อคุณหรือไม่?”
เย่เซิ่งเทียนตกใจ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาเดาได้ใกล้เคียงมาก
แต่ว่าตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่
พูดว่า “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ว่าฉันเห็นสองภาพเบลอ ภาพแรกคือคนๆหนึ่งใส่หน้ากากทอง ในมือถือคทาที่ชื่อตำแหน่งหน้าที่คล้ายกระดูกขาของมนุษย์ กำลังเซ่นไหว้ ภาพที่สองเป็นเพียงเงาหลังที่เบลอ คนๆหนึ่งยืนอยู่บนหัวมังกรขนาดใหญ่ที่ยาวกว่าร้อยฟุต มองมาทางฉันแวบหนึ่ง เหมือนทะลุผ่านเวลายาวนานมาก ตั้งแต่สมัยโบราณมา หลังจากนั้นพญาดำก็ตายเลย”
ได้ยินประโยคนี้ เจียงลั่วเสินและพวกตะลึงแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะเป็นอีกฝ่ายเพียงแค่หัวหน้ามองแวบหนึ่ง พญาดำก็ตายแล้ว
นี่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับไหน?
สามารถใช้สายตาฆ่าคนได้?
เขย่าขวัญเกินไปแล้วจริงๆ
“หลังจากนั้นละ?”
มู่หุนขมวดคิ้วพูดถาม
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างงงงันว่า “หลังจากนั้นฉันก็ฟื้นแล้ว”
“แค่นี้เหรอ?”
“แค่นี้แหละ”
คนสามสี่คนต่างก็มองหน้ากัน ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่ากู่ชางหลงและมู่หุนทั้งสองคนมีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง ในเวลานี้ก็ถึงกับงงแล้ว
เป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้
กัวปิงพูดอย่างสงสัยว่า“ในตำนาน จักรพรรดิหวงตี้ขี่มังกรทะยานฟ้า เบื้องหลังเบลอๆที่คุณมองเห็นนั้น จะเป็นจักรพรรดิหวงตี้หรือเปล่า?และจักรพรรดิหวงตี้ เป็นบรรพบุรุษของเผ่าซวนหยวน”
การคาดเดานี้ ได้รับความสนใจจากทุกคนแล้ว
ถ้าหากเงาเบื้องหลังนั่นเป็นจักรพรรดิหวงตี้ งั้นก็แสดงให้เห็นว่า การตื่นภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวน ก็คือกำลังปลุกความตั้งใจในการถ่ายทอดของจักรพรรดิหวงตี้
มู่หุนตั้งข้อสงสัย “งั้นก่อนหน้านี้เซ่นไหว้ทองนั่นจะอธิบายยังไง?ก็มีความเป็นไปได้ว่าเป็นความตั้งใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดิหวงตี้ขี่มังกรทะยายขึ้นฟ้าก็เป็นเพียงแค่ตำนาน พวกเราจะต้องสินชี้ชัดว่าเงาหลังนั่นก็คือจักรพรรดิหวงตี้ เพราะสาเหตุนี้ไม่ได้ และก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นความแข็งแกร่งอื่นๆ”
ความสงสัยนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
แม้ว่าบรรพบุรุษของเผ่าซวนหยวนเป็นจักรพรรดิหวงตี้ แต่ไม่แน่ว่าคนๆนั้นก็คือจักรพรรดิหวงตี้
แต่ว่าก็ไม่แน่ใจ ทำได้เพียงคาดเดา
เจียงลั่วเสินหรี่ตาลงครึ่หนึ่ง พูดอย่างเยือกเย็นว่า“ดูเหมือนว่าแม้เป็นทางฝั่งสรวงสวรรค์ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการตื่นภวังค์ของเลือดเทพแห่งเผ่าซวนหยวนอย่างชัดเจนเท่าไหร่”