Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่ 905 ตระกูลเย่ ไม่ขี้ขลาด
Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 905 ตระกูลเย่ ไม่ขี้ขลาด
“พ่อ ผมเข้าใจคุณแล้ว”
น้ำตา ไหลลงอาบแก้มองเย่เซิ่งเทียน
เขาก้มหน้าลงพื้น มือทั้งสองข้างกุมศีรษะไว้ ร้องโฮ
ในเวลานี้ เขาเหมือนเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ถูก
แม่ถูกพ่อและพี่ชายของตัวเองฆ่าตาย เดิมทีเขาคิดว่าฆ่าหมิงชุนชิวและหมิงฮุยตาย ก็เป็นการแก้แค้นให้แม่แล้ว
ใครจะไปรู้ หลังจากนี้ก็เป็นกับดักที่ใหญ่ยิ่งกว่า
แม่ไม่ตาย นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขาดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ทำไมถึงไม่ดีใจ
แม่ยังมีชีวิตอยู่ กลับว่าเป็นตัวทดลองของสรวงสวรรค์ และเขาจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ว่าสรวงสวรรค์อยู่ที่ไหนเลย
มีชีวิตรอด บางครั้งทุกข์ทรมานมากกว่าตายเสียอีก
เขาไม่กล้าจินตนาการ ในเวลานี้แม่จะได้รับความทุกข์ทรมานยังไงบ้าง
ความแค้นที่มีต่อพ่อ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา น่าจะเกลียดเข้ากระดูกของเขาแล้ว แต่ทว่าต่อมาเขาถึงเข้าใจความเพียรพยายามของพ่อ
ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว เข้าใจแล้ว แต่ว่า พ่อเสียไปแล้ว
ไปอ้สรวงสวรรค์เดียรัจฉานนั่น ไม่ให้โอกาสเขาได้ขอโทษพ่อเลย
ประโยคเดียว “พ่อ ผมเข้าใจผมแล้ว”
ทำให้หวางซีที่คุกเข่าอยู่ข้างๆได้ฟังก็ปวดใจแล้ว ลูบหลังของเย่เซิ่งเทียนเบาๆ
เย่จิงหงที่ยั่งอยู่บนรถเข็น มองภาพถ่ายของลูกชายที่เสียแล้วยังเหม่อลอย ข้างๆเป็นสุสานของลูกชายคนโตของเขา
ชายชราผู้นี้ที่ผ่านการจากลาที่ยากจะพบกันอีกมามาก ยกมือเช็ดน้ำตา กลับพบว่านัยน์ตาแห้งกร้าน ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวแล้ว
ตอนนี้ หลานชายของเขา กลับว่าจะเดินไปบนเส้นทางของลูกชายอีก
เขาไม่รู้ หลังจากนั้น ยังต้องจัดงานศพให้หลานชายหรือไม่
สำหรับสรวงสวรรค์ เขาสิ้นหวังแล้ว
แก่งแย่งชิงดีกันมานานหลายปีขนาดนี้ แลกมากับงานศพงานแล้วงานเล่า
แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ขัดขวางหลานชาย
นี่ก็คือชะตากรรมของคนตระกูลเย่ เว้นแต่ว่ากำจัดสรวงสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเป็นวงจรเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนตระกูลเย่ตาย
“ตระกูลเย่ ไม่ขี้ขลาด”
หร่วนซื่อสงทนมองดูภาพฉากโศกนาฏกรรมนั้นต่อไปไม่ได้ เบือนหน้าหนี พูดกับกัวปิงที่เบ้าตาเปียก
เจียงลั่วเสินพูดอย่างสงบนิ่งว่า“ลูกหลานของปรมาจารย์ของฉัน จะเป็นคนขี้ขลาดตาขาวได้ยังไง ขอเปลี่ยนเป็นไม่ก็กำจัดสรวงสวรรค์ให้สูญสิ้น หรือไม่ก็คนของตระกูลเย่ของเราตายทั้งหมด อยากให้คนตระกูลเย่ของเราศิโรราบ งั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ”
เทพสงครามเสาหลักจ้าวกั๋วจู้พูดอย่างหงุดหงิด“จะต้องให้ฉันอยู่ต่อให้ได้?ความคับแค้นที่อยู่ในใจที่ไม่มีที่ระบายนี้ ฉันก็รับมากพอแล้ว”
กัวปิงพูดด่าอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“คุณแม่งตามมาสร้างปัญหาอะไร คุณคิดว่าอยู่ต่อภารกิจมันง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จ้าวกั๋วจู้พูดเหอะ ขยี้ตา
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า อยู่ต่อเพื่อปกป้องคนในผืนแผ่นดีนี้ ก็เป็นภารกิจที่ยากเช่นกัน
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น
แม้ว่าตอนนี้จะแก้ปัญหาอย่างตระกูลเก่าแก่ผู้ดีได้แล้ว แต่สถานการณ์ก็ยังคงไม่ดีเช่นเคย
ถึงขั้นพูดได้ว่า หลังจากไม่มีการปะทะกันของตระกูลเก่าแก่ผู้ดี พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลลี้ลับและสรวงสวรรค์โดยตรง
ความกดดันในนั้นแค่คิดก็รู้แล้ว
ไม่เพียงแค่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ในทางกลับกันยิ่งแย่ลงกว่าเดิมแล้ว
ตระกูลลี้ลับและสรวงสวรรค์ จัดการยากกว่าตระกูลเก่าแก่ผู้ดีกว่ามาก
ถึงขั้นไม่รู้ว่า ลำดับต่อไปตระกูลลี้ลับและสรวงสวรรค์ จะลงมือด้วยวิธีการแบบไหน
“ยิ่งยากลำบาก ยิ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเรายังอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกไกล”หร่วนซื่อสงฝืนยิ้มพร้อมพูดว่า “พวกเราเผชิญหน้ากับตระกูลลี้ลับซึ่งๆหน้าได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราแข็งแกร่งว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เผชิญหน้ากับตระกูลเก่าแก่ผู้ดีจะไม่ได้กดดันมากขนาดนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของตระกูลลี้ลับ ตอนนี้ยากนิดหน่อยแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเรามีคุณสมบัติพอแล้ว ขอเพียงแค่พวกเราแบกรับคลื่นลูกนี้ได้ หลังจากนั้นก็สบายขึ้นเยอะเลย”
จ้าวกั๋วจู้พูดด่าว่า“ ทำเรื่องที่เสียเวลาเกินความจำเป็นเสียเปล่าๆ พูดจาไร้สาระอะไรกันเนี่ย”
ทุกคนขี้เกียจที่จะสนใจเขา คนที่ประมาทเลินเล่อผู้นี้ จะไปเข้าใจอะไร