Mars เจ้าสงครามครองโลก - บทที่955 คืนก่อนวันฝนฟ้าคะนอง
เย่เซิ่งเทียนยิ้มแหย ๆ ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
เซียวเทียนเฉิงเห็นแล้วนึกอยากเข้าไปตบเสียให้หน้าเละไปซะ ยิ้มแบบนี้ไหงดูแล้วพาให้หมั่นไส้นัก
สิบล้านล้าน!
แม่งพูดได้เต็มปากเลยนะมึง
ไป ๆ มา ๆ ทรัพยากรยี่สิบล้านล้านโดนมึงใช้ไปแล้ว ตอนนี้ยังจะมาเอาอีกสิบล้านล้าน
มึงแม่งเห็นฉันเป็นคนพิมพ์แบงค์เองหรือไง?
เล่นจะมาถลกหนังแกะกับฉันเลยรึ?
ความเจ็บแค้นอัดในใจเซียวเทียนเฉิง
แต่จะทำงัยได้ การฝึกวิชาของเย่เซิ่งเทียนรุดหน้าไปได้เร็วมากจริง ๆ
ตั้งแต่พบเห็นหน้าครั้งแรกที่เพิ่งเข้าสู่แดนลอยเมฆ มาขณะนี้ไปถึงแดนฉ่องทิพย์ห้วงเข้าสู่วิมานฟ้าแล้ว ซึ่งใช้เวลาไปสั้น ๆ เพียงเดือนเดียว!
แม้ให้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในทำเนียบบอร์ดยอดคนวัยฉกรรจ์ของตระกูลลี้ลับ ภายในหนึ่งเดือนก็ไม่มีทางจะเริ่มจากเพิ่งเข้าแดนลอยเมฆไปให้ถึงแดนฉ่องทิพย์ห้วงเข้าสู่วิมานฟ้าได้
แต่แม่งนี่มันเข็นออกมาด้วยทรัพยากรล้วน ๆ
ยิ่งคิดไปเซียวเทียนเฉิงยิ่งเลือดออกซิบ ๆ จากหัวใจ
“ท่านลุง ถ้ามันลำบากจริง ๆ งั้น งั้นก็ช่างมันเถอะ จัดให้มาน้อยหน่อยก็ได้ อย่างมากฉันก็ทะลวงให้ทะลุได้ช้าลงหน่อย”
เย่เซิ่งเทียนทำเป็นเกาหัว สีหน้าออกเขินแดง เหมือนรู้สึกไม่สบายในใจ พูดเสียงเบา ๆ ว่า “เพราะฉันรู้สึกว่า เลือดเทพแห่งซวนหยวนระยะใกล้ ๆ นี้ออกอาการแปลก ๆ ทำท่าเหมือนกำลังจะตื่นภวังค์ แต่เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ฉันเลยคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่พลังฝีมือฉันยังอ่อน เพราะเหตุยังอยู่ในแดนที่ยังต่ำไป อาจจะต้องถึงแดนฉ่องทิพย์เต็มรูปแบบแล้ว หรืออาจจะไปแค่แดนสะพานเทพก็ได้”
พอได้ยินคำว่าเลือดเทพแห่งซวนหยวนเริ่มออกอาการแปลก ๆ เซียวเทียนเฉิงรีบถามย้ำ “จริง ๆ หรือ?”
“จริง ๆ ครับ”
เย่เซิ่งเทียนผงกหัวต่อ ๆ กัน “ท่านลุง ฉันรู้สึกว่าเหตุที่ฉันทะลวงทะลุได้รวดเร็วขนาดนี้ ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวจากเลือดเทพแห่งซวนหยวน ฉันได้ปลุกเลือดประหลาดแห่งตระกูลเย่ตื่นภวังค์ขึ้นมาสองครั้งแล้ว ฉะนั้นก็พอมีประสบการณ์อยู่ ตอนที่ได้ปลุกฟื้นเลือดประหลาดแห่งตระกูลเย่ ก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ หลังจากนั้นการฝึกวิชาของฉันก็เกิดเปลี่ยนเป็นรวดเร็วขึ้นอย่างมาก”
เซียวเทียนเฉิงดีใจอย่างที่สุด
แต่พอคิดถึงยังต้องมีค่าใช้จ่ายทรัพยากรเป็นมูลค่าถึงอีกสิบล้านล้าน พลันในใจก็มีฉากม่านขวางกั้นเข้ามา
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแต่ให้ได้มาซึ่งมวลสารทิพย์ ทุกอย่างนั้นมันคุ้มค่านัก
มีละวางจึ่งมีผลได้
ก็มีแต่ต้องขุนเลี้ยงไอ้หมูตัวนี้ให้อ้วนเต็มที่ ตัวเองจะได้เชือดฆ่าเสียที
เซียวเทียนเฉิงแอบปลอบใจตัวเอง แล้วถามไปว่า “จริงนะที่ว่าถ้าได้ทรัพยากรในมูลค่าอีกสิบล้านล้าน คุณก็สามารถทะลวงทะลุถึงแดนฉ่องทิพย์เต็มรูปแบบสมบูรณ์พร้อมกับห้วงหลอมวิญญาณได้?”
เย่เซิ่งเทียนรีบบอกไปว่า “ท่านลุง เรื่องนี้ฉันรับประกันกับท่านได้ จะไม่มีปัญหาใด ๆ แน่นอน”
เซียวเทียนเฉิงฝืนใจอดกลั้นความเจ็บปวดที่จะต้องเฉือนเนื้อของตัวเองพูดไปว่า “ตกลง ขอเพียงให้คุณประสบความสำเร็จ ทรัพยากรมูลค่าสิบล้านล้านนี้ฉันยกให้คุณ ใครใช้ให้แกมาเป็นหลานฉันเล่า ขอเพียงให้คุณทะลวงทะลุได้เร็วที่สุด กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง แล้วช่วยแม่ของคุณออกมา ล้างแค้นให้กับตระกูลเย่ของคุณ ถล่มสรวงสวรรค์ให้ล่มสลายไปเลย!”
เย่เซิ่งเทียนแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ไอ้แก่คนนี้ปากกับใจไม่ได้ตรงกันละมั้ง?
ช่างมันก่อน นี่ยังแค่ถึงไหนก็ถึงไหน?
ยังต่อไป มีให้แกต้องเจ็บตัวหนักกว่านี้อีก!
เย่เซิ่งเทียนถามตามไปติด ๆ “ท่านลุง ที่ว่าแดนสะพานเทพนั่นต้องทะลวงทะลุไปยังไง?หลานยังไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยจริง ๆ ”
เพื่อให้ได้มาซึ่งมวลสารทิพย์อย่างเร็วด่วน เซียวเทียนเฉิงเปิดใจออกกว้างหมดแล้ว
หยิบเอาตำราฝึกวิชาออกมาฉบับหนึ่งส่งให้เย่เซิ่งเทียนแล้วพูดว่า “เทียนเอ๋อร์ ตำราฝึกวิชาฉบับนี้เป็นวิชาภาคดิน ถึงขนาดตระกูลเซียวของฉันก็ยังมีตำราฝึกวิชาภาคดินนี้อยู่เพียงแค่สองชุด ส่วนตำราฝึกวิชาแดนสะพานเทพอื่น ๆ นั้นแม้จะมีอีกสิบกว่าชุด แต่ล้วนประเภทไม่เข้าขั้น สำหรับกระบวนการฝึกแดนสะพานเทพเป็นอย่างไรนั้น ฉันได้เตรียมจัดข้อมูลไว้ให้คุณหมดแล้ว ล้วนแต่รวบรวมมาจากผลสำเร็จของคนก่อน ๆ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าประจำตระกูลเซียว คุณต้องฝึกและทำการทะลวงให้ดี อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังในความอาทรของฉันที่ให้กับคุณ”
เย่เซิ่งเทียนซาบซึ้งจนตาแดงขึ้น น้ำตาร่วงพรู รีบโค้งคำนับเซียวเทียนเฉิง พูดเสียงสั่นว่า “ท่านลุง ความเอื้ออาทรของท่าน หลานจะจดจำไว้ในใจ และจะทำการทะลวงเปิดให้ได้เป็นอย่างดี”
เซียวเทียนเฉิงโบกมือ พูดว่า “ไปเถอะ รีบจัดการทะลวงเปิด อย่าให้เวลาเสียไปเปล่าประโยชน์”
เซียวเทียนเฉิงกังวลอยู่ในใจ กลัวถ้าเย่เซิ่งเทียนยังโอ้เอ้อยู่ต่อไป เขาอาจจะเปลี่ยนใจเก็บทรัพยากรและตำราวิชากลับ
ตำราวิชา แดนสะพานเทพภาคดิน ตระกูลเซียวของพวกเขามีแค่สองเล่มนี้เท่านั้นนะ!
แต่เพื่อมวลสารทิพย์ แลกกับอะไรทั้งหมดก็คุ้มค่า!
ตอนนี้ลงทุนไปเท่าไหร่ ต่อไปก็ให้ไอ้ลูกสำส่อนคนนี้จ่ายคืนร้อยเท่าพันทวี!
และขณะที่เย่เซิ่งเทียนหันหลังเดินออกประตูไปแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างเลือดเย็นเห็นปรากฏที่มุมปาก
ไอ้แก่ มันมีเวลาที่แกจะต้องยิ้มไม่ออกแล้ว