Martial God Space - ตอนที่ 315
Martial god space ตอนที่ 315 ด่านภัยพิบัติสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเปรียบเทียบกับ อสรพิษแห่งห้วงทะเลลึก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มังกรวารีเลือดบริสุทธิ์ นั้นมีคุณภาพสูงกว่าอย่างแน่นอน หลังจากปรับแต่ง แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ พลังของมันจะแข็งแกร่งเหนือกว่าครั้งที่ผ่านมา
เย่ ซีหวิน เริ่มขั้นตอนการปรับแต่ง แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ โดยใช้ซากศพของมังกรวารีเป็นวัตุดิบในการการปรับแต่งจารึก กระจกเทียนหยวน ของเขาได้รับการฟื้นฟูพลังกลับมาเหนือกว่าในตอนแรกที่เขาหลอมจารึก ดังนั้น เย่ ซีหวิน ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวก็สามารถปรับแต่งอักขระบนจารึกหลายสิบตัวได้รวดเร็ว
นอกจากนี้เขายังใช้เลือดจาก แอ่งเลือดมังกรวารี ไปยกระดับ อสรพิษแห่งห้วงทะเลลึก ทั้งหมดที่อยู่ในแผ่นจารึกให้กลายเป็นมังกรวารีอย่างสมบูรณ์
ในระหว่างที่ เย่ ซีหวิน กำลังปรับแต่ง แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ ลูกหมาป่า คอยยืนคุ้มกันให้เขาอยู่ไม่ห่าง แม้ว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์มากมายในวิหารชั้นใต้ดิน แต่สุสานมังกรเป็นสถานที่ที่อันตราย หากไม่มี เย่ ซีหวิน แล้วพวกเขาคงไม่ใช่แม้แต่คู่ต่อสู้ของพวกมัน
เย่ ซีหวิน รีบเก็บแผ่นจารึกมังกรวารีพิษลงในช่องเก็บของทันที ด้วยความช่วยเหลือของ แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ เหล่านี้ ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาสามารถรับมือกับจอมยุทธลมปราณระดับตำนานขั้นที่ 3 ได้อย่างง่ายดาย
หลังจาก เย่ ซีหวิน ปรับแต่ง แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ เสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ออกเดินทางต่อเพื่อสำรวจลึกเข้าไปในวิหารชั้นใต้ดิน
ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปลึกมากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็สัมผัสถึงความเข้มข้นของปราณหยินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สายลมอันหนาวเย็นปะทะใบหน้าของพวกเขา หมอกเริ่มหนามากขึ้นทำให้การมองเห็นของพวกเขาลดลง ทั้งหมดนี้ก็เพราะถูก ปราณมรณะ ปกคลุมไปทั่วทั้งอุโมงค์ชั้นใต้ดิน
ภายในห้องโถงทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ดูราวกับพวกเขากำลังเดินอยู่บนชั้นของก้อนเมฆ ถึงแม้จะมีก้อนเมฆลอยผ่านบ้างเป็นครั้งครา แต่พวกเขาทั้งหมดกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ชั้นใต้ดิน
อีกด้านหนึ่งของก้อนเมฆมีซากกระดูกของมังกรวางเรียงรายอยู่บนพื้นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เฉพาะหัวกะโหลกที่เล็กที่สุดก็มีขนาดเท่ากับภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง แต่เดิมมังกรเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ กล่าวกันว่าเคยมีมังกรที่แท้จริงบางตัวมีขนาดใหญ่โตมาก ขนาดของมันใหญ่พอๆ กับดาวดวงหนึ่ง
มังกรเป็นสิ่งชีวิตที่มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกมันมีสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาดของร่างกายตัวเองได้ตามใจนึก หลังจากพวกมันตายร่างของพวกมันจะคืนสู่สภาพเดิม
” ฮะ! ฮ่า! ฮ่า! ข้าไม่คิดว่าจะมีซากศพของมังกรมากมายที่นี่ โครงกระดูกทั้งหมดนี้เป็นของมังกรวารี พวกมันถูกฝังเอาไว้ที่นี่ทั้งหมด ” เย่โม กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองไปรอบ ๆ จะพบซากของโครงกระดูกมังกรวารีขนาดน้อยใหญ่วางเรียงรายนับพันๆ ร่าง เมื่อครั้งอดีตคงมีมังกรวารีอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บางทีอาจกล่าวได้ว่า ฝูงมังกรวารีเหล่านั้น ที่เขาพบใน แอ่งเลือดมังกรวารี อาจจะเป็นมังกรวารีรุ่นสุดท้ายของเผ่ามังกรวารีที่รอดพ้นจากการถูกไล่ล่า หรือบางทีพวกมันอาจไม่เคยออกไปจากสุสานมังกรเลยแม้แต่ก้าวเดียว
มังกรวารีเหล่านั้นอาจจะไม่รู้ว่าสุสานมังกรของพวกมัน กลายเป็นที่ตั้งของนิกายแห่งหนึ่ง และพวกของมันก่อนหน้านี้คงถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยสาวกของนิกาย แต่ถ้าดูจากทางเดินลงบันได และอุโมงค์ชั้นใต้ดินที่เชื่อมลงมายังสุสานมังกร มีความเป็นไปได้ว่า นิกายสวรรค์ ถูกสร้างขึ้นในภายหลัง และล่มสลายกลายเป็นซากปรักหักพัง สุสานมังกรแห่งนี้จึงถูกทิ้งเอาไว้เบื้องโลกใบเล็ก
มังกรเหล่านี้อาจจะตายมานานหลายหมื่นปี เนื้อและเลือดของพวกมันถูกย่อยสลายรวมเข้ากับพื้นดินมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดา หากมองจากหญ้า และสมุนไพรที่เติบโตอยู่ด้านนอกของ แอ่งเลือดมังกรวารี
ภูเขาที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกสีขาว มีโครงกระดูกบางชิ้นที่กลายเป็นคริสตัลใส หลังจากกาลเวลามานานหลายพันปีมันยังคงสภาพเอาไว้ได้ นี่เป็นลักษณะที่บ่งบอกว่ามีมังกรบางตัวสามารถบรรลุขอบเขตลมปราณระดับนักปราชญ์ หากมันสามารถหลุดดออกไปสู่โลกภายนอกได้ เพียงมังกรลมปราณระดับนักปราชญ์แค่ตัวเดียวก็สามารถสร้างความโกลาหลให้กับอาณาจักรต้าหมิงได้
” ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ข้านี่โชคดีจริงๆ! ” ลูกหมาป่า หัวเราะด้วยความดีใจ และรีบวิ่งตรงขึ้นไปที่ภูเขาโครงกระดูกสีขาว แรงกดดันของ พลังมังกร ที่ปลดปล่อยออกมาจาก โครงกระดูกคริสตัล ไม่ส่งผลกระทบสำหรับมัน
แม้ว่าเลือดและเนื้อของมังกรเหล่านี้จะถูกย่อยสลายไปพร้อมกับกาลเวลา แต่กระดูกเหล่านี้รวมถึงเกล็ดของมังกรที่หลงเหลืออยู่ล้วนเป็นสมบัติที่ล้ำค่า เกล็ดของมังกรสามารถเอาไปทำเป็นชุดป้องกัน หรืออุปกรณ์สวมใส่ หากเทียบมูลค่าของมันแล้วยากที่จะประเมินได้
” ครืนนน!” ทันใดนั้นภูเขาโครงกระดูกสีขาวก็สั่นสะเทือนไปทั้งลูก เศษกระดูกหลายชิ้นสไลด์ลงมาจากภูเขา หัวกะโหลกมังกรร่างหนึ่งมีเปลวไฟสีเขียวลุกโชนขึ้นในดวงตา มันค่อยๆ โผล่พ้นออกมาจากซากของโครงกระดูกที่ทับถมอยู่บนตัว มันเคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขอบเขตลมปราณระดับนักปราชญ์ ในเวลานี้ดูเหมือนมันฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
” เวรแล้วไง! ” ทันใดนั้น เยโม่ ก็ตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ ” ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีเศษซากของจิตวิญญาณโบราณหลงเหลืออยู่! “
แม้ว่ามังกรเหล่านี้จะตายไปนานแล้ว แต่ยังมีจิตวิญญาณส่วนหนึ่งถูกทิ้งเอาไว้ เพื่อป้องกันผู้บุกรุกจากภายนอกเข้ามายังสุสานมังกร เผ่าพันธุ์มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่ คนทั่วไปไม่สามารถดูหมิ่น และลบลู่พวกมันได้
กระดูกของมังกรลอยขึ้นไปบนอากาศทีละชิ้นๆ มันรวมตัวกันและประกอบร่างกันเป็นโครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่ มันคำรามเสียงดังกึกก้องพร้อมกับจ้องมองมาที่พวกเขา จากนั้นมันก็กระพือปีกทำให้เกิดสายลมกระโชกอย่างรุนแรง ฝุ่นและหมอกควันม้วนตัวเป็นเกลียวไปตามแรงลม ร่างของโครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่กำลังบินพุ่งตรงเข้ามาดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
โครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่กำลังบินอยู่ในอากาศ ดูเหมือนจิตวิญญาณมังกรพยายามจะฟื้นคืนชีพร่างเดิมของมันกลับมาก่อนที่มันจะตาย กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น มันส่งเสียงคำรามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเพราะอาณาเขตของพวกมันถูกบุกรุก
” วิ่งงง! รีบออกไปจากที่นี่! ” เยโม่ ตะโกนด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย
เย่ ซีหวิน ไม่รีรอให้เสียเวลา เขาเปิดใช้ปีกมารทันทีแล้วคว้าเอวสองพี่น้องตระกูลโม่แนบเอาไว้ข้างลำตัว ก่อนที่จะบินตรงไปที่ทางออกด้วยความเร็วสูงสุด ถึงแม้ ลูกหมาป่า จะบินได้ไม่เร็วเท่า เย่ ซีหวิน แต่มันวิ่งแซงนำหน้า เย่ ซีหวิน ไปก่อนตอนที่เขากำลังช่วยสองพี่น้องตระกูลโม่ ความเร็วของ ลูกหมาป่า ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขามากนัก
ไม่จำเป็นต้องรอให้ เยโม่ เตือนพวกเขา เมื่อเห็นโครงกระดูกมังกรลมปราณระดับนักปราชญ์พยายามฟื้นคืนชีพ มันก็เป็นสิ่งที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะบรรยายเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ด้วยสองตาตัวเอง การฟื้นคืนชีพของโครงกระดูกมังกรทำให้ขอบเขตลมปราณของมันลดลง เหลือเพียงระดับตำนานขั้นที่ 8 หรือ 9 แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังน่าสะพรึงกลัว เย่ ซีหวิน ต้องรีบหนีให้พ้นจากอาณาเขตของโครงกระดูกมังกรลมปราณระดับนักปราชญ์ให้เร็วที่สุด
หากมี โครงกระดูกมังกรลมปราณระดับนักปราชญ์ มากกว่าหนึ่งหรือสองตัว สถานการณ์ครั้งนี้คงเลวร้ายเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง ไม่น่าแปลกใจเลยที่นิกายสวรรค์ต้องถึงคราวล่มสลายเหลือเพียงซากปรักหักพัง เห็นได้ชัดว่าสุสานมังกรแห่งนี้สามารถคงอยู่มานานหลายพันปีได้ ก็เพราะมีโครงกระดูกมังกรลมปราณระดับนักปราชญ์คอยปกป้องมันเอาไว้
ภูเขาโครงกระดูกสีขาวถูกชนโดยโครงกระดูกมังกรเสียงดังสนั่น เศษกระดูกสีขาวที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปลิวว่อนกระจายไปในอากาศ เสียงคำรามอันน่าสยดสยองดังไล่ตามหลังพวกเขามาอย่างกระชันชิด เย่ ซีหวิน และสองพี่น้องตระกูลโม่ รวมทั้งลูกหมาป่า พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าหันกลับไปมอง สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้คือ พวกเขาต้องรีบหนีออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
” เพี้ยวว! ” เย่ ซีหวิน บินแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงจนเกิดเสียงแหลมของซุปเปอร์โซนิค ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทอง และสามารถหนีออกมาทางประตูอุโมงค์ใต้ดินได้สำเร็จ
ลูกหมาป่า วิ่งไล่ตามหลังเขาติดๆ ตลอดทางในสุสานมังกร หลังจากหนีออกมาได้ไกลจนแน่ใจว่าปลอดภัย พวกเขาพากันหยุดนั่งพักหายใจ ลูกหมาป่า นั่งหายใจหอบจนลิ้นห้อย มันเกือบจะโดนฟันที่ปากของโครงกระดูกมังกรงับหางอยู่หลายครั้ง
ความเร็วของโครงกระดูกมังกรไม่ได้เหนือกว่าลูกหมาป่า นั่นก็เพราะขอบเขตลมปราณของมันถูกลดไปหลายขั้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือของมันได้
มีคำพังเพยหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ” หากเจ้าไม่สามารถวิ่งหนีได้เร็วกว่าศัตรู เจ้าควรวิ่งเร็วหนีให้เร็วกว่าเพื่อนของเจ้า “
” แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ข้า . . ข้าหวังว่าาา พวกเราคงไม่เจอมันอีก ข้านึกว่าตัวเองจะเอาชีวิตไม่รอดซะแล้ว! ” ลูกหมาป่า พูดออกมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบ มันโมโหโครงกระดูกมังกรที่เอาแต่ไล่งับหางมันคนเดียว ทันใดนั้นมันก็สะดุ้งตัวขึ้นมาพร้อมกับใบหูทั้งสองข้างของมันลู่ลงไปด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงคำรามของโครงกระดูกมังกรที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นสะท้อนออกมาไกลราวกับว่ามันอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา ต้นตอของเสียงคำรามอันน่าสยดสยองดังออกมาจากทางอุโมงค์ชั้นใต้ดิน ทำให้ เย่ ซีหวิน นึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งอยู่บนเกาะปีศาจ เสียงคำรามอันน่าสยดสยองนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ทุกคืน
โครงกระดูกมังกรยังคงเดินวนเวียนอยู่แถวๆ ประตูทางเข้าวิหารชั้นใต้ดิน แต่มันไม่กล้าออกมาเพราะถ้ามันก้าวผ่านประตูออกมาจิตวิญญาณของมันจะถูกดึงกลับ โครงกระดูกของพวกมันก็จะกลายเป็นเพียงกระดูกธรรมดาเมื่ออยู่นอกอาณาเขตของสุสาน
หน้าที่ของพวกมันคือปกป้องสถานที่แห่งนี้เท่านั้น เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขาสามารถรอดเงื้อมมือของมันไปได้ มันส่งเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวอยู่อีกหลายครั้ง ก่อนจะกลับเข้าไปในด้านในของสุสาน
” น่าเสียดายจริงๆ! โครงกระดูกเหล่านั้นเป็นสมบัติที่ล้ำค่า! อย่างน้อยๆ ข้าควรจะได้มันมาสักชิ้น! ” ลูกหมาป่า พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความผิดหวัง
” อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ได้กลับไปตัวเปล่า การสำรวจครั้งนี้ก็ยังนับว่าคุ้มค่า ฮ่า! ฮ่า! ฮา! ” เย่ ซีหวิน พยายามพูดปลอบใจ เพราะพวกเขาได้รับสมุนไพรที่ล้ำค่ากลับมาไม่น้อย
” เอาละ! เวลาของข้าใกล้มาถึงแล้ว! ข้าวางแผนจะเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้าอยู่ห่างๆ ” เย่ ซีหวิน บอกกับพวกเขาเพื่อเตรียมรับมือ ขอบเขตลมปราณระดับครึ่งก้าวตำนานแรกเริ่มของเขาสะสมพลังจนถึงระดับสูงสุดแล้ว หลังจากได้รับคัมภีร์โบราณเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วเขาพยายามสังหารสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขอบเขตลมปราณของเขาไม่สูงพอที่จะดึงเอาข้อมูลจากคัมภีร์โบราณออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในระหว่างที่เขากำลังปรับแต่ง แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ เย่ ซีหวิน สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังลมปราณภายในร่างกาย ขอบเขตลมปราณของเขาสะสมพลังจนมาถึงระดับสูงสุดแล้ว เขาสามารถทะลวงขอบเขตลมปราณได้ตลอดเวลา แต่เขาต้องการเข้าไปสำรวจด้านในของสุสานมังกรก่อนจึงไม่รีบร้อนที่จะทะลวงขอบเขตลมปราณทันที
ความแข็งแกร่งของ เย่ ซีหวิน ในตอนนี้เขาสามารถเอาชนะจอมยุทธลมปราณระดับตำนานที่ 3 ได้โดยอาศัยความช่วยเหลือของ แผ่นจารึกมังกรวารีพิษ หลังจากเขาเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ครั้งนี้ เขาจะสามารถเอาชนะจอมยุทธลมปราณระดับตำนานขั้นที่ 4 ได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลานั้นความแข็งแกร่ง และพลังป้องกันของจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
นี่เป็นโอกาสที่ดีถ้าเขาเลือกจะเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ที่นี่ตรงนี้ เนื่องจากโครงกระดูกมังกรไม่สามารถออกมาจากประตูทางเข้าวิหารชั้นใต้ดินได้ และสัตว์ปีศาจที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะหวาดกลัว พลังมังกร เย่ ซีหวิน สามารถเผชิญหน้ากับ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ โดยไม่ถูกรบกวน และอาศัยความช่วยเหลือจากลูกหมาป่าในการคุ้มกันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ในเมื่อ เย่ ซีหวิน ไม่จำเป็นต้องซ่อนพลังของเขาอีกต่อไป เขาสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครรบกวน ทันใดนั้นเมฆสีดำของ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า ในเวลานี้เขาสัมผัสถึงพลังบางอย่างแทรกเข้ามาในจิตของเขา มันกำลังตรวจสอบขอบเขตลมปราณภายในร่างกายของเขา
เมฆสีดำกระจายตัวออกไปปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องราวกับจะเกิดพายุฝนครั้งใหญ่ ประกายสายฟ้าในก้อนเมฆก่อตัวเป็นงูสายฟ้า มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในก้อนเมฆสีดำ
” ซาาาา ยา คัส ซาาคี! ” เสียงเหมือนการร่ายคาถาโบราณดังก้องกังวาลขึ้น น้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาฟังแล้วดูน่ากลัวชวนขนหัวลุก ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้อง และฟ้าฝ่าก็ดังกระหึ่มกึกก้องทั่วทั้งท้องฟ้า งูสายฟ้าหลายร้อยตัวพุ่งลงมาจากก้อนเมฆสีดำอย่างรวดเร็ว พวกมันทั้งหมดล็อคเป้าไปที่ เย่ ซีหวิน
” เปรี้ยงง! “
” เปรี้ยงง! “
” เปรี้ยงง! “
” ตู้มม! ตูมมม! ตู้มม! ” เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงต่อเนื่องเหนือศีรษะของ เย่ ซีหวิน ทันทีที่งูสายฟ้าพุ่งเข้ามามันก็ชนกับพลังศักดิ์สิทธิ์สีทอง มันถูกทำลายและไม่สามารถทะลุผ่านม่านพลังที่ป้องกัน หรือสร้างรอยขีดข่วนให้กับเขาได้
” ครึ้นน! ครึ้นนนน! ” สายฟ้าผ่าในก้อนเมฆสีดำของ ด่านภัยพิบัติสวรรค์ กำลังก่อตัวทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จากนั้นงูสายฟ้าที่อยู่ในก้อนเมฆสีดำก็พุ่งลงราวกับสายฝน พวกมันล็อคเป้าไป เย่ ซีหวิน ทันที
” เปรี้ยงงงง! “
” เปรี้ยงง! “
” เปรี้ยงงง! “
พลังทำลายล้างอันรุนแรงของงูสายฟ้าในครั้งนี้สามารถแท