Martial God Space - ตอนที่ 330
Martial god space ตอนที่ 330 ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ
เย่ ซีหวิน ถึงกับประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าสองปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวกำหนดความหมายของอัจฉริยะ ในความเป็นจริง แค่หนึ่งปัจจัยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จอมยุทธคนหนึ่งโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นๆ ในหมู่ของจอมยุทธที่มีระดับลมปราณเดียวกัน นอกจากนี้จอมยุทธที่มีทั้งสองปัจจัยยังไม่เกิดขึ้น หากจอมยุทธดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น เขาจะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน
” การกลายพันธุ์บางครั้งเกิดจากเลือดของเผ่าพันธุ์อื่นไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มผู้มี กายานกฟีนิกซ์ ร่างกายของเขาจะต้องมีเลือดของนกฟีนิกซ์ไหลอยู่ภายในร่าง! ” เยโม่ อธิบาย และกล่าวเสริมอีกว่า ” เมื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏตัวขึ้นมันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล กายาแห่งราชันย์สีทอง ของเจ้าก็ไม่เลว หากเจ้าฝึกฝนจนบรรลุขั้นสุดยอดก็สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ อีกอย่างเคล็ดวิชาของเจ้าในตอนนี้อาจเหนือกว่าผู้สร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา! “
( NT : แก้ไขชื่อเคล็ดวิชา ราชันย์ร่างทองคำ เปลี่ยนเป็น เคล็ดวิชา กายาแห่งราชันย์สีทอง )
เย่ ซีหวิน พยักหน้า กายาทองคำแห่งราชันย์ ของเขานั้นเหนือกว่าผู้สร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา หลังจากเขาบรรลุระดับแรก เคล็ดวิชากายาแห่งราชันย์สีทอง ของเขาก็เกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่จริงๆ แล้วเขาไม่กล้ายกเครดิตให้ตัวเอง เพราะความสำเร็จของ กายาแห่งราชันย์สีทอง อย่างน้อยครึ่งหนึ่งได้แนวคิดมาจาก เคล็ดวิชา กายาราชันย์ทรราชย์ ดั่งคำคมที่ว่า ไม่ว่าอาคารจะสูงเพียงใด หากรากฐานไม่มั่นคง อาคารนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากก้อนเต้าหู้
แม้ว่า เย่ ซีหวิน จะเคยสร้างเคล็ดวิชาขึ้นใหม่ แต่เขาก็อาศัยแนวคิดจากเคล็ดวิชาเดิมที่มีอยู่ เขายังไม่เคยสร้างเทคนิคการโคจรพลังลมปราณรูปแบบของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชา กายาแห่งราชันย์สีทอง เย่ ซีหวิน จะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยกเว้นเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่า แต่โชคดีส่วนใหญ่เขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของร่างกายพิเศษเหล่านี้ ทำให้ เย่ ซีหวิน รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในอดีตเขาไม่รู้จักการดำรงอยู่ของผู้มีร่างกายพิเศษเหล่านี้ สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ กายาอาชูร่า เป็นร่างที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปีศาจ เขาคิดเอาไว้ว่าสักวันหนึ่ง เขาจะต้องต่อสู้กับปีศาจที่มีกายาอาชูร่า อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้ต่อสู้กับผู้ที่มีร่างกายพิเศษเหล่านี้
” แม้ว่าคนเหล่านั้นจะมีร่างกายพิเศษ และยากที่จะจัดการ แต่หากพวกเขาไม่เข้าใจความสามารถที่แท้จริงของมัน และไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาใช้ หรือมีเคล็ดวิชาการใช้พลังงานที่เหมาะสมกับตัวเองคอยช่วยเหลือ ถึงพวกเขาจะมีร่างกายพิเศษแต่ก็ไร้ประโยชน์! ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
” ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งยุทธภพ มีเพียงไม่กี่คนที่มีร่างกายพิเศษดังกล่าว หากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาอย่างพวกเรา! ” ชายหนุ่มคนที่สองกล่าว
คนอื่นๆ ที่นั่งรวมอยู่ที่โต๊ะ ต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่มคนที่สอง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าร่างกายพิเศษนั้นทรงพลังมากเพียงใด แต่พวกเขาไม่เต็มใจยอมรับ หรือ ยอมแพ้ต่อความสามารถที่น่ากลัวของพวกเขา
เย่ ซีหวิน พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพวกเขา แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีร่างกายพิเศษจะทรงพลัง แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขามีจำนวนน้อยมาก อาจเป็นหนึ่งในหลายสิบล้านคน
” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องไปลงชื่อสมัครกับศิษย์ผู้ดูแลประจำยอดขุนเขานั้นๆ หากเราผ่านการประเมิน และได้รับมรดกความสามารถของพวกเราจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด! “
” แม้ว่ามรดกที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ข้าเกรงว่าเราจะได้รับการปฏิบัติที่ต่างจากศิษย์ที่ลงทะเบียน พวกเราเข้าร่วมสถาบันยอดยุทธโดยใช้สิทธิ์ โควต้าศิษย์เก่า หากพวกเราเลือกเข้าร่วมมรดกเล็กๆ อาจได้รับปฏิบัติที่ดีกว่า มรดกที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังโดยจอมยุทธระดับลมปราณนักปราชญ์ แต่เราอาจจะต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อบรรลุขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ หากโชคดีพวกเราประสบความสำเร็จ อาจถูกมองว่าเป็นผลผลิตชั้นยอด! “
ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ในตอนนี้ เย่ ซีหวิน รู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมาก เมื่อได้เห็นมรดกมากมาย การสืบทอดทุกมรดกมีเกณฑ์กำหนดระดับขอบเขตลมปราณ อาจกล่าวได้ว่ามรดกส่วนใหญ่เหล่านี้เหนือกว่าของนิกายยี่หยวนราวกับสวรรค์และโลก
วัน และเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปแล้วร่วมหนึ่งเดือน ผู้คนส่วนใหญ่ได้พบกับมรดกที่เหมาะสมกับตัวเอง
แม้ว่า เย่ ซีหวิน จะพบกับมรดกหลายชนิดที่เหมาะสมกับตัวเขา แต่ทันทีที่พวกเขารู้ตัวตนของ เย่ ซีหวิน พวกเขาก็ปฏิเสธเขาทันที แม้ว่าศิษย์ใหม่จะไม่ได้มีชื่อเสียง แต่พวกเขาก็มีความสามารถผ่านด่านทดสอบ ทุกครั้งที่มีศิษย์ใหม่ผ่านประตูเมืองเข้ามา พวกเขาจะถูกดึงตัวไปเข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดมรดก มีเพียง เย่ ซีหวิน เท่านั้นที่ยังไม่ได้รับมรดกอยู่คนเดียว
ก่อนหน้านี้ เย่ ซีหวิน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เขามีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเหมาะเป็นผู้สืบทอดมรดก เมื่อเวลาผ่านไปชื่อเสียงของเขากลับตรงกันข้าม และเริ่มมีข่าวลือบางอย่างแพร่กระจายในหมู่ของศิษย์ใหม่
” เย่ ซีหวิน! เขาเป็นคนที่โชคร้ายจริงๆ ก่อนหน้านี้รายชื่อของเขาติดอยู่ใน 100 อันดับแรก ของศิษย์ใหม่ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม ในความเป็นจริง ผู้คนควรจะแย่งชิงตัวเขาเพื่อดึงเข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดมรดกของยอดขุนเขา แต่ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับวัชพืช ที่ไม่มีใครต้องการมัน! “
” นั้นเพราะเขาทำให้หอตุลาการต้องขุ่นเคือง เขาลงมือฆ่าคนที่หน้าประตูเมือง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ศิษย์คนสำคัญ แต่พวกเขาก็เป็นถึงศิษย์ของหอตุลาการ ไม่มีใครกล้ารับ เย่ ซีหวิน เข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดมรดก เพราะพวกเขาไม่ต้องการกระตุ้นโทสะคนของหอตุลาการ? “
” ไม่ต้องพูดถึง ยอดขุนเขามรดกเล็กๆ พวกเขาไม่มีความกล้าท้าทายคนของหอตุลาการ แม้แต่ยอดขุนเขาที่มีมรดกอันยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่จำเป็นต้อง สร้างความขุ่นเคืองเพราะศิษย์ใหม่เพียงคนเดียว ว่ากันว่าในระหว่างเดินทางเขาสังหารจอมยุทธไปมากมาย น่าเสียดายพรสวรรค์ของเขาจริงๆ เขาคงไม่คิดว่าชะตากรรมของตนเองจะมาลงเอยเช่นนี้! “
” อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงก็คือ ศิษย์ของหอตุลาการเป็นฝ่ายผิด คนเหล่านี้มารอดักจับ เย่ ซีหวิน ที่หน้าประตูเมืองยอดยุทธเพื่อฆ่าเขา หากเขาตายก่อน ศิษย์ผู้คุ้มกฏ คงให้เหตุผลตรงกันข้ามกับความจริง! “
” เหอะ! พวกศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการเหล่านี้มักจะกดขี่ข่มเหงศิษย์คนอื่นๆ พวกเขาเป็นผู้ถือกฎของสถาบันยอดยุทธ และบังคับผู้อื่นให้เชื่อฟัง ใครที่พยายามต่อต้านมักมีจุดจบไม่สวย นอกจากนี้ท่านเจ้าเมืองยังเป็นผู้รับรองความปลอดภัยให้กับ เย่ ซีหวิน ไม่เช่นนั้นคนของหอตุลาการคงจับเขาไปประหารทันที อย่างไรก็ตาม คนของหอตุลาการไม่มีวันยอมเลิกลาโดยง่าย เย่ ซีหวิน ไม่มีทางจะได้เป็นผู้สืบทอดมรดก หากทุกอย่างยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ เย่ ซีหวิน คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกยอมแพ้ และจากไป! “
” ขอโทษด้วย เย่ ซีหวิน คุณสมบัติของเจ้าไม่ผ่านเกณฑ์กำหนดที่เราต้องการ! ” ศิษย์ผู้ดูแลคนหนึ่งกล่าว
ถนนสายหลักถูกปูพื้นไปด้วยหินหยก และหินที่มีค่า หมอกอันหนาทึบเรืองแสงเป็นประกายแสงสลัวๆ ไปทั่วภูเขา ทำให้ทั้งหุบเขาดูเหมือนกับสวรรค์บนดิน
เย่ ซีหวิน กำลังก้าวเดินลงบันไดหินหยกไปทีละขั้นอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งถึงแม้จะเป็นอีกครั้งที่เขาถูกปฏิเสธ ผู้คนที่เดินผ่านมองดูเขาด้วยความแปลกใจ ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ว่า ตอนนี้เขากำลังมีความสุขหรือเศร้า เย่ ซีหวิน ไม่ได้ให้ความสนใจกับสายตาของผู้คนเหล่านั้น
” นี่นะเหรอ! สถาบันยอดยุทธอันยิ่งใหญ่ คนเหล่านี้ต่ำทรามยิ่งกว่าสุนัข ” เยโม่ พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ถึงแม้จะเป็นยอดขุนเขามรดกเล็กๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ มันเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่สำหรับ เยโม่ มันเคยเป็นถึงผู้รับใช้ราชาปีศาจ แต่ไม่สามารถช่วย เย่ ซีหวิน ในเรื่องนี้ได้
เย่ ซีหวิน หันไปมองหน้ามัน แต่ก็ไม่พูดอะไร เขารู้สึกโกรธในตอนแรกที่ถูกปฏิเสธ แต่ตอนนี้เขากลับสงบและไม่แยแสกับผู้คนเหล่านั้น หอตุลาการมีอิทธิพลอย่างมากในสถาบันยอดยุทธ ไม่น่าแปลกใจที่ท่านเจ้าเมืองยอดยุทธจะมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกเสียดายเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม หากเขามีโอกาสกลับไปแก้ไขอีกครั้ง เขาก็จะทำมันเช่นเดิมโดยไม่ลังเล เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ยากลำบาก หากเขายอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่สมควรที่จะเดินบนสายทางของ ผู้ฝึกวรยุทธ
จอมยุทธต้องเผชิญกับปัญหามากมายระหว่างทาง พวกเขาจะต้องยึดมั่นในความเชื่อของตนเอง เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
เย่ ซีหวิน ลงจากยอดเขาแล้วมุ่งหน้าไปยังภูเขาอื่น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พบยอดขุนเขาลูกหนึ่งมันแตกต่างจากภูเขาลูกอื่นๆ ทั้งสองข้างของทางเดินประดับไปด้วยเสาหยก ปราณจิตวิญญาณที่แผ่ออกมาจากยอดขุนเขานี้ดูค่อนข้างธรรมดา ถนนที่ขึ้นไปบนภูเขาเหมือนไม่เคยได้รับการดูแล หรือบำรุงรักษา สามารถมองเห็นต้นวัชพืชปกคลุมไปตลอดทางจนถึงยอดเขา หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับวัชพืชเหล่านี้ และปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้ตลอดทั้งปีจนพวกมันเติบโตขึ้นเต็มไปหมด ไม่มีศิษย์สาวกบินอยู่บนท้องฟ้าเหมือนกับยอดขุนเขาอื่นๆ ราวกับจะบ่งบอกว่ายอดขุนเขาลูกนี้ได้ล่มสลายไปแล้ว
” เย่ ซีหวิน! นั่นเขา! เขากำลังเดินขึ้นไปบน ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ! “
เมื่อผู้คนมองเห็น เย่ ซีหวิน กำลังเดินขึ้นไปบนยอดขุนเขาโบราณ หลายคนเริ่มให้ความสนใจ เย่ ซีหวิน และมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
” ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ มันคือมรดก 100 อันดับแรก ที่ติดอยู่อับดับสุดท้ายตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาน่ะเหรอ? “
” ใช่! มันคือมรดกที่ข้ากำลังพูดถึง! แต่ข้าได้ยินมาว่า ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เคยเป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ และทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาเหล่าปรมาจารย์ของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ นำกองกำลังหลักของพวกเขาเข้าร่วมสงคราม พวกเขาต่อสู้อย่างหนักกับสิ่งมีชีวิตต่างเขตแดน สงครามครั้งนั้นส่งผลให้ปรมาจารย์เกือบทั้งหมดเสียชีวิตในระหว่างสงคราม เป็นสาเหตุที่ทำให้ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เริ่มตกต่ำลง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คัมภีร์ดาราลี้ลับ ก็สูญหายไปหลังจากสงคราม เมื่อไม่มี คัมภีร์ดาราลี้ลับ อันดับของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ ก็ร่วงหล่นอยู่อันดับสุดท้าย แม้ว่ามันจะเป็นมรดกที่แข็งแกร่ง 100 อันดับแรก แต่ในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับมรดกธรรมดาทั่วไป หรืออาจจะด้อยกว่า! “
” นอกจากนี้ ศิษย์ของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ แต่ละคนทำหน้าบอกบุญไม่รับ ถ้าเลี่ยงได้อย่าไปยั่วยุพวกเขาจะดีกว่า! “
” แต่ข้าว่า เย่ ซีหวิน คงเสียเวลาเปล่า หอตุลาการได้ประกาศแล้วว่าใครก็ตามที่รับ เย่ ซีหวิน เท่ากับตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับพวกเขา ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ ตกต่ำมาตลอดหลายปี ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับ เย่ ซีหวิน และท้าทายอำนาจของหอตุลาการ! “
เย่ ซีหวิน ไม่สนใจกับคำพูดของผู้คนเหล่านั้น ก่อนหน้านี้เขาเคยอ่านบันทึกคัมภีร์มีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ รวมถึงสถานที่ตั้ง หาก ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ ไม่มีประวัติอันรุ่งโรจน์มาก่อนเขาคงไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว
เย่ ซีหวิน เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง ถึงแม้มรดกเหล่านี้จะเป็นมรดกที่แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะอิทธิพลของหอตุลาการทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยาก ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เป็นจุดหมายสุดท้ายของเขา หากเขาไม่ได้รับการตอบรับ เขาเลือกจะออกจากสถาบันยอดยุทธทันที และไม่ต้องพูดถึงมรดกเล็กๆ เหล่านั้นมันก็ไม่ต่างกัน
เย่ ซีหวิน เดินไปตามถนนที่เกือบจะกลายเป็นทุ่งหญ้า แม้ถนนสายนี้จะไม่ได้ปูพื้นด้วยหินหยก เมื่อดูจากเจริญเติบโตของมันแล้วก็บอกได้เลยว่า ไม่มีใครดูแลถนนสายนี้เป็นเวลานานแล้ว กล่าวกันว่าศิษย์ของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เหลือเพียงแค่สองหรือสามคน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงแม้แต่ศิษย์ผู้ดูแลก็ไม่อยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางขึ้นไปบนยอดเขาสามารถมองเห็นอาคารบ้านเรือน เกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม มันเคยเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาศิษย์ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เมื่อครั้งที่ยังรุ่งเรือง
ตามกฎของสถาบันยอดยุทธ นอกเหนือจากศิษย์ที่ได้รับการสืบทอดมรดกแล้ว มีเพียงศิษย์ระดับหัวกะทิเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ในภูเขาได้ ทำให้ศิษย์ส่วนใหญ่ต้องอาศัยอยู่ในเมืองยอดยุทธ
อย่างไรก็ตาม ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ เหลือศิษย์เพียงแค่สองหรือสามคนเท่านั้น บรรยากาศบนยอดเขาช่างดูเงียบเหงาและวังเวง ถึงแม้จะรวมศิษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองด้วยแล้วก็ตาม