Martial God Space - ตอนที่ 335
Martial god space ตอนที่ 335 สมรภูมิรบต่างโลก
เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ เย่ ซีหวิน ยังคงปรับแต่งขอบเขตลมปราณของตนเองให้มั่นคง เนื่องจากเขาเพิ่งจะบรรลุขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานขั้นกลาง เขาต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการปรับแต่งขอบเขตลมปราณ เพื่อเขาจะสามารถดึงพลังที่แท้จริงของมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
แสงของดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นจากเส้นขอบฟ้า สลายม่านแห่งความมืดของเวลากลางคืน เย่ ซีหวิน เตรียมตัวพร้อมสำหรับภารกิจทดสอบศิษย์ใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เย่ ซีหวิน ลืมตา และลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเปิดประตูเขาก็พบว่าที่ลานเล็กๆ ด้านหน้าที่พักของเขาในเวลานี้ ไป่ เจี้ยนสง และ หยาง เหวินจุน พร้อมกับศิษย์พี่ผู้น่ารัก เติ้ง สุ่ยซิง มายืนรอเขาพร้อมกันทั้งสามคน
ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของ เย่ ซีหวิน กับพวกเขาก้าวหน้าไปมาก เย่ ซีหวิน สามารถเข้ากับสาวกของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับได้เป็นอย่างดี ถึงแม้พวกเขาจะมีกันเพียงไม่กี่คน แต่เขาก็ชอบบรรยากาศที่เป็นอยู่แบบนี้ เขาไม่ชอบสถานที่ที่ผู้คนต่างชอบแย่งชิงดีชิงเด่นกันอยู่ตลอดเวลา
” ศิษย์น้อง! เจ้าต้องพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ ของพวกเราคืนมา ” เติ้ง สุ่ยซิง กล่าวด้วยเสียงน่ารักของเธอ พร้อมกับกุมน้อยๆ สองข้างแนบ-อก ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความชื่นชมในตัว เย่ ซีหวิน
” พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป ศิษย์น้องหกแกร่งกว่าที่พวกเจ้าคิด! ” ไป่ เจี้ยนสง กล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันมองไปทาง เย่ ซีหวิน
” ไปกันเถอะได้เวลาแล้ว! ” ไป่ เจี้ยนสง กล่าว
ภายใต้การนำทางของ ไป่ เจี้ยนสง พวกเขาพากันเดินทางออกจากยอดขุนเขาดาราลี้ลับ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งในเวลานี้เต็มไปด้วยเหล่าศิษย์ใหม่มากกว่าหนึ่งพันคน พวกเขาทั้งหมดกำลังเตรียมตัวเดินทางไปยังดินแดนต่างโลก
ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ เป็นหนึ่งในมรดก 100 อันดับแรกที่ดีที่สุด หนึ่งในสามของศิษย์ใหม่ทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ เป็นศิษย์ของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ พวกเขาส่งกองกำลังหลักเข้าร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย ส่วนที่เหลือเป็นศิษย์ใหม่ของยอดขุนเขาอื่นๆ
ยอดขุนเขาอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในมรดก 100 อันดับแรก แต่พวกเขาก็ส่งศิษย์ใหม่มาเป็นหมู่คณะ ไม่ต้องพูดถึง ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ พวกเขาส่งศิษย์ใหม่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้มากกว่า 300 คน แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับยอดขุนเขาอื่นๆ มีเพียง เย่ ซีหวิน เท่านั้นที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว เพราะเขาเป็นศิษย์ใหม่เพียงคนเดียวของ ยอดขุนเขาดาราลี้ลับ
การเข้าร่วมสถาบันยอดยุทธ ตามมาตรฐานของสำนักยี่หยวนสาวกเหล่านั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ หลังจากได้รับการสืบทอดมรดก 100 อันดับแรก พวกเขาจะถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก แม้ว่ามาตรฐานของสำนักยี่หยวนจะต่ำกว่าสถาบันยอดยุทธ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็นับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก
ด้วยจำนวนศิษย์ใหม่ของยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ที่แตกต่างจากยอดขุนเขาอื่นๆ ใบหน้าของศิษย์ใหม่แต่ละคนพวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยของศิษย์ใหม่ที่เหนือกว่า ยอดขุนเขาอื่นๆ ไม่สามารถเทียบกับศิษย์ใหม่ของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ ได้
หลังจากทุกคนมาถึงแล้ว ผู้อาวุโสของยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ ก็เปิดค่ายกลประตูมิติไปยังดินแดนต่างโลก ในบรรดายอดขุนเขาต่างๆ มีเพียง ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ เท่านั้นที่อยู่ใกล้ที่สุด และมีค่ายกลประตูมิติเดินทางไปยังดินแดนต่างโลก
เพียงชั่วพริบตา ศิษย์ใหม่ทั้งหมดก็ถูกส่งตัวไปยังดินแดนต่างโลก สภาพแวดล้อมในดินแดนแห่งนี้แตกต่างจากโลกที่พวกเขาจากมา พวกเขาสามารถมองเห็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่อยู่เหนือท้องฟ้าได้ด้วยตาเปล่า และยังมีดวงจันทร์มากกว่าหนึ่งดวง บรรยากาศโดยรอบคล้ายมีหมองบางๆ ปกคลุมอยู่ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง โลกใบนี้กว้างใหญ่มากเมื่อเทียบกับโลกแห่งวรยุทธ
สมรภูมิรบต่างโลกเป็นเหมือนกับทวีปขนาดใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าอาณาเขตที่แท้จริงของมันกว้างใหญ่เพียงใด มันอาจจะไกลออกไปเป็นระยะทางหลายล้านไมล์ กองกำลังต่างโลกจำนวนมากพยายามรุกรานเข้ามาในโลกแห่งวรยุทธอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างดี ถึงแม้นี่จะไม่ใช่แนวหน้าที่มีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่รออยู่ด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ชั่วร้าย และอันตรายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า ศิษย์ใหม่เหล่านี้ไม่มีทางเอาชีวิตรอดไปได้
เย่ ซีหวิน มองออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่เขาเห็นมันเป็นเพียงดินแดนอันรกร้างที่กว้างสุดลูกหูลูกตา อากาศสำหรับใช้หายใจเบาบางกว่าปกติ และยังมีพลังงานวิญญาณปะปนอยู่ในอากาศ เป็นไปไม่ได้ที่จะพบสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้
พลังงานวิญญาณเหล่านี้ค่อนข้างอันตราย หากมันกระทบกับใบหน้าจะรู้สึกเหมือนโดนกรีดด้วยใบมีด ศิษย์ใหม่บางคนที่มีร่างกายอ่อนแอกว่าคนอื่นๆ หากดูดซับพลังวิญญาณเหล่านี้โดยตรงเส้นชีพจรของเขาอาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง ดินแดนต่างโลกใบนี้อันตรายกว่าที่พวกเขาคิด แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะเป็นผู้สืบทอดมรดกอันยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเข้าร่วมสถาบันยอดยุทธแล้ว พวกเขารู้สึกตัวเองเหมือนกบในบ่อน้ำ โลกภายนอกที่แท้จริงช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก
ดินแดนต่างโลกเป็นสนามรบอันโหดร้ายที่ไร้ความปราณีอย่างแท้จริง!
ผู้อาวุโสของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ กล่าวขึ้นว่า ” ที่นี่คือ สมรภูมิรบต่างโลก แม้ว่าจะไม่ใช่แนวหน้าของสนามรบ แต่ก็มีสัตว์อสูรต่างโลกมากมาย พวกเรามีเมืองอยู่ใกล้ๆ กับยอดขุนเขามันชื่อว่า เมืองเสี้ยวจันทร์ พวกเจ้าสามารถพำนักอยู่ที่นั่นได้อย่างปลอดภัย ในอนาคตพวกเจ้าสามารถย้ายออกจากเมือง และฆ่าสัตว์อสูรเหล่านั้น ข้าเชื่อว่าก่อนที่พวกเจ้าจะมาที่นี่ผู้อาวุโสของพวกเจ้าคงบอกรายละเอียดต่างๆ ของภารกิจให้พวกเจ้าทราบแล้ว ยิ่งพวกเจ้าฆ่าสัตว์อสูรได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น ยอดขุนเขาของพวกเจ้าก็จะยิ่งได้รับทรัพยากรมากขึ้น พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ หากพวกเจ้าต้องการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าพวกเจ้าจะต้องพึ่งพาพลังของตนเอง สนามรบด้านนอกยังมีมรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธระดับนักปราชญ์มากมาย จะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว! “
ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาทุกคนต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่น หากพวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดในดินแดนต่างโลกได้ มรดกจำนวนมากมายที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธระดับนักปราชญ์ จะช่วยส่งเสริมให้พวกเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกคนต่างเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
ผู้อาวุโสของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย และบินนำพวกเขาไปยัง เมืองเสี้ยวจันทร์
เมืองเสี้ยวจันทร์ เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้นับล้าน แต่ในเวลานี้มันดูโล่งเหมือนกับไม่มีใครอาศัยอยู่
หลังจากผู้อาวุโสของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ พาศิษย์ใหม่มาส่งที่เมืองแล้ว พวกเขาก็บินเลี้ยวไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตรงไปยังแนวหน้า
. . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ความมืดปกคลุมไปทั่วโลก พลังงานวิญญาณเริ่มก่อตัวและหนาแน่นมากขึ้น ความรุนแรงของมันมากกว่าในเวลากลางวันนับร้อยเท่า ภายใต้สถาพแวดล้อมเช่นนี้คนทั่วไปไม่มีทางเอาชีวิตรอด แม้แต่จอมยุทธระดับลมปราณแท้จริง หรือจอมยุทธลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ก็เป็นเรื่องยากที่จะเดินทางในถิ่นทุรกันดารเวลานี้ ไม่เว้นแม้แต่จอมยุทธระดับตำนาน หรือ นักปราชญ์ ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากสิ่งนี้
มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังจากสถานที่ห่างไกล แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ มันไม่ใช่แค่เสียงคำรามของสัตว์อสูรเท่านั้น แต่มันเป็นเสียงคำรามของวิญญาณอันชั่วร้าย
สมรภูมิรบต่างโลก เป็นเพียงด่านแรกในการป้องกันการรุกรานของสิ่งมีชีวิตต่างโลก ไม่มีใครรู้ว่ามีจอมยุทธผู้แข็งแกร่งมากมายแค่ไหนที่ล้มตายลง จอมยุทธผู้แข็งแกร่งเหล่านี้หลายคนกลายเป็นวิญญาณ และบางส่วนกลายเป็นผีดิบที่ไม่มีวันตาย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
หากไม่มีเมืองเสี้ยวจันทร์ ศิษย์ใหม่เหล่านี้คงไม่ทางเอาชีวิตรอดในดินแดนต่างโลกได้
เย่ ซีหวิน นั่งสมาธิอยู่ในห้องเล็กๆ เมืองเสี้ยวจันทร์มีขนาดใหญ่โตมาก แต่ตอนนี้มีศิษย์ใหม่เพียงหนึ่งพันคนเท่านั้น ทำให้มีห้องพักมากเพียงพอสำหรับทุกคน
พลังวิญญาณของดินแดนต่างโลก มีความหนาแน่นมากกว่าบนโลกแห่งวรยุทธถึงหนึ่งร้อยเท่า
เย่ ซีหวิน สามารถดูดซับพลังวิญญาณเหล่านี้ได้โดยตรง ด้วยความช่วยเหลือของเคล็ดวิชากายาแห่งราชันย์สีทอง ทำให้เส้นชีพจรของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สำหรับจอมยุทธทั่วไปแล้ว พวกเขาต้องทนต่อความเจ็บปวดราวกับเส้นชีพจรของเขากำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะดูดซับพลังวิญญาณโดยตรง
การฝึกวรยุทธที่นี่ในระยะยาว จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดเหล่านี้สำหรับ เย่ ซีหวิน แล้ว ไม่ต่างอะไรกับมดกัด เขาแค่รู้สึกคันๆ เท่านั้น
ช่วงเวลากลางคืนในดินแดนต่างโลกนั้นยาวนานกว่าโลกแห่งวรยุทธ สภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งนี้ค่อนข้างทารุณ ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สามารถต้านทานสภาพแวดล้อมของดินแดนต่างโลกอันโหดร้าย พวกเขาอ่อนแอเกินไปที่จะเดินทางในเวลานี้
” ถ้าข้าฝึกวรยุทธในสภาพแวดล้อมแบบนี้ บางทีมันอาจะช่วยให้ข้าทะลวงขอบเขตอีกครั้งได้เร็วขึ้น! ” เย่ ซีหวิน กล่าว พร้อมกับมองไปที่แสงจันทร์แปลกๆ ที่นอกหน้าต่าง และได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรจากสถานที่ห่างไกล
เยโม่ ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของเขา แล้วพูดว่า ” สถานที่แห่งนี้มันอันตรายเกินไป แม้แต่สัตว์อสูรด้านนอกนั้นก็นับว่าเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ บางตัวทรงพลังมากพวกมันกินดวงดาวเป็นอาหารเพื่อความอยู่รอด! “
เย่ ซีหวิน พยักหน้า ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องพัก และบินไปนอกเมืองเสี้ยวจันทร์ แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะค่อนข้างโหดร้าย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ กายาแห่งราชันย์สีทอง ของเขา
เย่ ซีหวิน บินไกลออกมาจากเมืองมากกว่าหนึ่งร้อยไมล์ ทันใดนั้นเขาก็พบว่า มีกระแสลมรุนแรงพัดกระหน่ำจนเขาปลิวไปตามแรงลม สายลมนั้นก่อตัวจากวิญญาณอันชั่วร้าย พวกมันอาจเป็นสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ที่นี่ หรืออาจเป็นผู้นำรุ่นก่อนของสถาบันยอดยุทธที่เสียชีวิตที่นี่ จนกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นจากความคับแค้นใจที่ฝั่งอยู่ในจิตวิญญาณก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต
” ฮี้ ฮี ฮี่ ฮี! โอ้วว . . เจ้าเป็นมนุษย์ ยอดเยี่ยมมาก! หากเราดูดกลืนพลังงาน และดื่มเลือดของเขา จากนั้นเราสามารถควบคุมการสร้างร่างของเราเองได้ เราจะได้บอกลาร่างอันน่าสมเพชนี่ซะที! “
พวกมันหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นรวมตัวกันกลายร่างเป็น นักรบขุ่นศึกโบราณ มันสวมชุดเกราะสีดำดู และมีหอกเป็นอาวุธประจำกาย ขอบเขตลมปราณของมันอยู่ในระดับลมปราณครึ่งก้าวตำนานขั้นกลาง
ด้านหลังของเขามีวิญญาณชั่วร้ายตัวอื่นๆ กำลังรวมร่างกัน พวกมันหลายตัวกลายร่างเป็นนักรบที่น่าเกรงขาม บางตัวมีระดับลมปราณด้อยกว่าอยู่ในขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานขั้นต้น ในขณะเดียวกัน มีวิญญาณชั่วร้ายหลายตัวอยู่ในระดับ 6 ลมปราณครึ่งก้าวตำนาน
” ฮี้ ฮี ฮี่ ฮี! มอบร่างกายของเจ้าให้กับข้า! วิญญาณชั่วร้ายพากันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฮี้ ฮี ฮี่ ฮี! มอบมันให้ข้า! ฮี้ ฮี ฮี่ ฮี! เสียงหัวเราะของพวกมันน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าโจมตี เย่ ซีหวิน เพียงชั่วพริบตา ปลายหอกพุ่งแหวกอากาศมาถึงด้านของ เย่ ซีหวิน อย่างรวดเร็ว
วิญญาณอันชั่วร้ายเหล่านี้มีพลังด้อยกว่า เย่ ซีหวิน ก่อนที่เขาจะเผชิญหน้ากับด่านภัยพิบัติสวรรค์ ดังนั้นความแข็งแกร่งของ เย่ ซีหวิน ในปัจจุบันสำหรับเขาแล้วพวกมันไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
เย่ ซีหวิน คว้าจับหอกของมันเอาไว้ด้วยมือเปล่า มันพยายามดึงหอกออกมาจากมือของเขา แต่หอกในกำมือของ เย่ ซีหวิน ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
” ปังงง! ” เย่ ซีหวิน บดขยี้หอกในมือแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะซกหมัดไปยังร่างของนักรบขุ่นศึกโบราณด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ร่างของมันแตกสลายกลายเป็นมวลพลังงานลอยอยู่ในอากาศ เย่ ซีหวิน เรียกใช้กระจกเทียนหยวนออกมาดูดซับพลังงานเหล่านั้นทันที
วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ ซีหวิน เขาใช้เพียงหมัดธรรมดาก็สามารถฉีกร่างของพวกมันได้อย่างง่ายดาย
” สมรภูมิรบต่างโลก เป็นสถานที่ที่อันตรายมาก แม้แต่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ก็ไม่ธรรมดา! “