Martial God Space - ตอนที่ 339
Martial god space ตอนที่ 339 หลัว ยี่หาน
ข่าว เย่ ซีหวิน ได้สังหารศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ และ หลิง ยี่เฟ่ง ทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองเสี้ยวจันทร์พากันตกตะลึง ข่าวลือแพร่กระจายออกไปรวดเร็วยิ่งกว่าไฟป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนที่ถูกสังการเหล่านั้นเป็นคนของยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์
ข่าวนี้ทำให้สาวกของหอตุลาการเคืองแค้นอย่างมาก แม้ว่าศิษย์หน้าใหม่เหล่านี้เพิ่งเข้าร่วมสถาบันยอดยุทธ อย่างไรก็ตาม หลายคนถูกคัดเลือกโดยหอตุลาการ เนื่องจากมีศักยภาพที่ดีในอนาคต ดังนั้นจึงมีศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการจำนวนไม่น้อยปะปนอยู่ในกลุ่มของเหล่าสาวกหน้าใหม่ที่เดินทางมายังสมรภูมิรบต่างโลกแห่งนี้
เย่ ซีหวิน สังหารศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการต่อหน้าทุกคน เรื่องนี้ทำให้หอตุลาการต้องเสียหน้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทุกคนเห็นกับตาว่า ศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี เย่ ซีหวิน ก่อน ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวโทษเขาได้เพราะเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ ดังนั้นหากเขาได้รับโทษก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่หอตุลาการต้องการ
เวลานี้ในห้องโถงของหอตุลาการ หลัว ยี่หาน ได้ถูกเรียกตัว ให้มาเป็นผู้นำภารกิจ เขาได้รับมอบหมายให้จับตัว เย่ ซีหวิน กลับมารับโทษ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย หลัว ยี่หาน ไม่เพียงเป็นผู้นำศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการเท่านั้น เขายังเป็นศิษย์หลักของหนึ่งในผู้สืบทอดมรดก 10 อันดับแรก อีกด้วย
มรดก 10 อันดับแรกของสถาบันยอดยุทธ ได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ หากหนึ่งมรดกใน 10 อันดับแรกเหล่านี้ได้แยกออกไปจากดินแดนทางใต้ แน่นอนว่าพวกเขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งขั้วมหาอำนาจ
หลัว ยี่หาน ถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้นำภารกิจครั้งนี้ เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกที่แข็งแกร่ง แม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะเป็นความลับ หรือเป็นคำสั่งโดยตรงสำหรับ หลัว ยี่หาน แล้วมันไม่ได้แตกต่างกัน
นอกเหนือจากหอตุลาการแล้ว ในฐานะที่เป็นมรดกชั้นนำ 100 อันดับแรกอย่าง ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ ก็ออกหมายจับด้วยเช่นกัน เย่ ซีหวิน ได้สังหารศิษย์ของยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ไปถึงสองคน หลิง ยี่เฟ่ง เป็นหนึ่งในศิษย์อันดับ 4 ของพวกเขา
สถานการณ์เช่นนี้สร้างความอัปยศให้กับ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ อย่างมาก เย่ ซีหวิน เป็นเพียงศิษย์ของยอดขุนเขาดาราลี้ลับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำสาวก แต่ศิษย์เพียงคนเดียวก็สามารถถือว่าผู้นำสาวกได้หรือไม่ ?
ในบรรดาสาวกทั้งหมดของ ยอดขุนเขาเสี้ยวจันทร์ หลิง ยี่เฟ่ง เป็นถึงศิษย์อันดับสี่ นั่นหมายความว่ายังมีศิษย์ที่มีวรยุทธเหนือกว่าเขาอีกสามคน หลิง ยี่เฟ่ง เป็นคนเดียวในบรรดาสาวกทั้งหมดที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธอีกจำนวนมากที่มีอายุมากกว่า 50 ปี คนเหล่านี้อาจมีพรสวรรค์ที่แย่กว่า หลิง ยี่เฟ่ง พวกเขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝนมากกว่า หลิง ยี่เฟ่ง หลายสิบปี หรือมากกว่าหนึ่งร้อยปีในบางกรณี มีสาวกเช่นนี้มากมายบนยอดขุนเขานี้
เนื่องจากอายุและความแข็งแกร่ง จอมยุทธที่มีอายุต่ำกว่าห้าสิบปี จะถูกจัดให้อยู่ที่แนวหลังก็เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามจอมยุทธที่มีอายุมากกว่า 50 ปี นั้นจะถูกส่งให้ไปอยู่แนวหน้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดของปีนี้ ทั้งหมดจะถูกส่งไปที่นั่น
เย่ ซีหวิน รู้เกี่ยวกับประกาศจับตาย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขา ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น ถึงจะเอาชีวิตรอดได้จากสมรภูมิรบต่างโลกนี้ได้
ม่านแห่งรัตติกาลมาเยื่อนอย่างรวดเร็ว สายลมอันหนาวเย็นก็เริ่มพัดแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สายลมเหล่านี้สามารถฆ่าจอมยุทธระดับลมปราณแท้จริงได้อย่างง่ายดาย นั่นคืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่ากลัวของสมรภูมิรบต่างโลกแห่งนี้
เย่ ซีหวิน เดินฝ่าสายลมอันหฤโหดอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงสายลมที่พัดมาปะทะบนใบหน้าของเขา และเดินตรงขึ้นไปยังยอดเขา พลังของดวงดาวสาดส่องเป็นประกายลงมาค่อยๆ หนาแน่นมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น เงาดำบนยอดหุบเขาแห่งหนึ่ง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของ เย่ ซีหวิน ที่พัดมาตามสายลม มันเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายที่มีปีกสามคู่ ร่างกายของมันมีโครงสร้างคล้ายกับมนุษย์มีสมองและแขนขา ศีรษะของมันมีขนาดใหญ่ผิดปกติเมื่อเทียบกับร่างกายของมัน ผิวหนังของมันแห้งเหี่ยวจนติดกระดูกและมีสี่ขา ดวงตาของมันเป็นสีแดง และเรืองแสงสว่างเหมือนกับโคมไฟ ในความมืดมิดเช่นนี้ทำให้มันดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ขอบเขตลมปราณของสัตว์ประหลาดตัวนี้ อย่างน้อยๆ ก็อยู่ในระดับ 7 ลมปราณระดับตำนาน และมันเป็นบอสใหญ่ของพื้นที่โดยรอบแห่งนี้อีกด้วย
ทันใดนั้น สัตว์ประหลาดก็ส่งเสียงร้องคำราม มันกระปือปีกที่อยู่ด้านหลัง และบินไปด้วยความเร็วราวกับลำแสงสีดำ พุ่งตรงไปหา เย่ ซีหวิน
เพียงมันสะบัดฝ่ามือทั้งสอง บรรยากาศโดยรอบก็เกิดการผันผวนอย่างรุนแรง ก่อตัวขึ้นเป็นปราณฝ่ามือที่น่ากลัวพุ่งแหวกอากาศไปทาง เย่ ซีหวิน
ปราณฝ่ามือที่น่ากลัวเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกรงเล็บอันแหลมคม พร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวออกมา สายลมแรงอันหนาวเหน็บทำให้เสื้อผ้าของ เย่ ซีหวิน ปลิวสะบัดยามต้องลม แต่ท่าทีของเขายังคงสงบนิ่ง
เย่ ซีหวิน ไม่ได้หันไปมองเขาเพียงโบกมือขึ้นเบาๆ ปราณฝ่ามือก็ถูกส่งออกไป มันก่อตัวกลายเป็นมังกรสีทอง และส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปลดปล่อยออร่าอันน่าเกรงขามออกมา ก่อนจะพุ่งชนกรงเล็บอันแหลมคมคู่นั้นทันที
” แกร่กกก! เปรี๊ยะ! ” เสียงแตกร้าวดังกึกก้อง ก่อนกรงเล็บอันแหลมคมคู่นั้นก็แตกสลายกลายเป็นไอ ร่างของ เย่ ซีหวิน เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าสีทอง ในเวลาเพียงชั่วพริบตาร่างของเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้ว เขาบดขยี้มันด้วยฝ่ามือเดียว ร่างของมันแทบแหลกละเอียดในทันที เลือดและเนื้อทั้งหมดของมันถูกดูดซับโดยกระจกเทียนหยวนอย่างสมบูรณ์
แกนผลึกปีศาจ ของสัตว์ประหลาดตัวนั้น เป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลือ และค่อยๆ หล่นลงมาอยู่ในมือของ เย่ ซีหวิน
แน่นอนว่า เย่ ซีหวิน ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ยังมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ และวิญญาณอันชั่วร้ายทุกชนิดที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งหมดเป็นเพียงแค่เหยื่ออันโอชะสำหรับ เย่ ซีหวิน
เสียงของการฆ่าฟันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างแตกตื่นให้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ เมื่อได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนเกิดขึ้นในเวลานี้ มีสัตว์ประหลาดมากกว่าร้อยตัวอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับตำนานระดับ 6 และ 7 เป็นเรื่องยากที่จะจำแนกสายพันธ์ของพวกมันได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พวกมันแต่ละตัวทรงพลัง และดุร้ายมาก
” ส่งแกนผลึกปีศาจของพวกแกมาซะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ” เย่ ซีหวิน หัวเราะเสียงดัง ในขณะที่บินไปข้างหน้า เย่ ซีหวิน ดูเหมือนกับเทพเจ้าร่างสีทอง พลังของเขาสามารถทล่มภูเขาได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ สัตว์ประหลาดตัวแล้วตัวเล่าถูกสังหารภายใต้ฝ่ามือของเขา
” ตึงงงงๆๆ! ” ฝูงสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายอันใหญ่โตเหมือนหมูป่าขนาดยักษ์ พวกมันพยายามพุ่งชน เย่ ซีหวิน เพื่อหมายเอาชีวิตของเขา
เย่ ซีหวิน เพียงซัดฝ่ามือออกไป ร่างของพวกมันก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดทันที และถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็วโดยกระจกเทียนหยวน หลงเหลือไว้เพียงแกนผลึกปีศาจเท่านั้น
สัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเหล่านี้ เป็นเหมือนกับนักล่าที่อยู่เหนือกว่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ แต่ตอนนี้มันถูกฆ่าโดย เย่ ซีหวิน ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากสัตว์ประหลาดเหล่านั้นยังกล้าโจมตี เย่ ซีหวิน เท่ากับว่าพวกมันเป็นฝ่ายรนหาที่ตายเอง?
หลังจาก เย่ ซีหวิน ได้รับแกนผลึกปีศาจมากพอ เขาก็ไม่ได้ออกตามล่าสัตว์ประหลาดอีกต่อไป แต่เขานั่งอยู่บนยอดเขา และดูดซับพลังแห่งดวงดาวในท้องฟ้าที่กำลังส่องลงมาทันที ส่งผลให้ จักรวาลภายใน ของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
เย่ ซีหวิน โคจรเคล็ดวิชา คัมภีร์เนตรส่องวิถี อย่างบ้าคลั่ง สาระสำคัญของเคล็ดวิชานี้คือ การสร้างจักรวาลขนาดเล็กในร่างกายมนุษย์ จักรวาลภายในจุดตันเถียน ของเขาตอนนี้มีเพียง ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์
เย่ ซีหวิน เริ่มดูดซับพลังงานจากแกนผลึกปีศาจ หลังจากโคจรเคล็ดวิชา คัมภีร์เนตรส่องวิถี จนถึงสภาวะขั้นสูงสุด แกนผลึกปีศาจของสัตว์ประหลาดเหล่านี้นั้นแตกต่างจากแกนผลึกปีศาจทั่วไป พวกมันได้รับพลังแห่งดวงดาวทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ทำให้ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยพลังแห่งดวงดาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ เย่ ซีหวิน ต้องการ
จักรวาลภายในจุดตันเถียนของ เย่ ซีหวิน ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะเดือดพล่าน เนื่องจากพลังแห่งดวงดาวจำนวนมากมายที่ถูกดูดซับเข้ามาในร่างของ เย่ ซีหวิน
ในจุดตันเถียนของ เย่ ซีหวิน ตอนนี้มีอนุภาคของแสงกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ละอนุภาคของแสงเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งดวงดาว
อนุภาคของแสงเหล่านี้เริ่มก่อตัวเป็นดวงดาวที่สุกสว่าง หนึ่งในดวงดาวเหล่านี้เริ่มดูดซับพลังแห่งดวงดาวอย่างบ้าคลั่ง มันส่องสว่าง และเริ่มหมุนวนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังแห่งดวงดาวนับไม่ถ้วนถูกดูดเข้าไปราวกับหลุมดำ
หลังจากดูดซับพลังแห่งดวงดาวเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันก็ค่อยๆ ขยายตัวใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
อุณหภูมิของดวงดาวที่สุกสว่างดวงนี้ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ เย่ ซีหวิน รู้สึกเป็นกังวล
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าดวงดาวที่สุกสว่างดวงนั้น ค่อยๆ ก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ รูปร่างภายนอกของมันเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้น มันเหมือนกับดาวศุกร์จากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
” ครึ้นนนนนนน! “
ในที่สุดดาวศุกร์ก็ถูกสร้างขึ้น เย่ ซีหวิน สัมผัสได้ถึงออร่าอันแข็งแกร่งที่เอ่อล้นออกมาจากร่างของเขา ยิ่งกว่านั้นจักรวาลภายในจุดตันเถียนของเขาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม เพราะการก่อตัวขึ้นของดาวศุกร์
จักรวาลภายในจุดตันเถียนของ เย่ ซีหวิน ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในสาม ซึ่งหมายความว่า จุดตันเถียนของเขาก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เขาสามารถกักเก็บพลังลมปราณได้เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งในสาม ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีความแข็งแกร่งของ เย่ ซีหวิน สามารถต่อกรได้เพียงจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนานระดับ 8 ขั้นต้นเท่านั้น แม้ว่าขอบเขตลมปราณไม่ได้เลื่อนระดับเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะจอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนานระดับ 8 ขั้นปลายได้อย่างไม่ยากเย็น
เย่ ซีหวิน ลืมตาขึ้น และถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ต้องประหลาดใจกับออร่าที่เอ่อล้นออกมาจากร่างของเขาในตอนนี้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมจนเขาไม่สามารถควบคุม และข่มมันเอาไว้ได้ สัตว์ประหลาดหลายตัวที่สัมผัสถึงออร่าของเขาได้จากระยะไกล พวกมันต่างพากันหวาดกลัว เพราะก่อนหน้านี้ เย่ ซีหวิน ลงมือสังหารพี่น้องของพวกมันอย่างไร้ความปราณี ความกลัวได้ฝังรากลึกลงไปในจิตใจของพวกมัน
ด้วยธรรมชาติของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ นิสัยของพวกมันดุร้ายและไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด หากจะกำราบพวกมันจำเป็นจะต้องลงมือโหดเหี้ยมยิ่งกว่า ถึงจะทำให้พวกมันหวาดกลัวได้
” ถึงแม้ขอบเขตลมปราณของเจ้ายังไม่เลื่อนระดับในเวลานี้ อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเจ้าก็เพียงพอที่จะต่อกรกับจอมยุทธขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานระดับ 8 ในบรรดาสาวกหน้าใหม่ของสมรภูมิรบต่างโลกแห่งนี้ แม้จะนับรวมเจ้าไปอยู่กลุ่มจอมยุทธที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เจ้าก็จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอันดับหนึ่ง! ” เยโม่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
( ผู้แปลเองก็สับสนเรื่องระดับลมปราณที่ เยโม่ กล่าวทั้งๆ ที่พึ่งจะฆ่าสัตว์ประหลาดขอบเขตลมปราณระดับตำนานระดับ 8 แต่ก็เช็คจากหลายๆ เวปแล้วก็เขียนไว้แบบนี้ ตามความเข้าใจของผู้แปล คือ เย่ ซีหวิน สามารถต่อสู้กับ จอมยุทธขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานระดับ 8 ได้โดยที่ไม่ต้องเปิดใช้โหมด OP จากคำกล่าวของ เยโม่ )
การมายังสมรภูมิรบต่างโลกครั้งนี้ เย่ ซีหวิน ได้รับผลประโยชน์มากมาย คัมภีร์เนตรส่องวิถี ของเขากำลังอยู่ในช่วงพัฒนา พลังแห่งดวงดาวเหล่านั้นเป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับเขา
” แต่นั่นยังไม่พอ! ” เย่ ซีหวิน ส่ายหัวของเขา มีจอมยุทธจำนวนมากเกินไปในสถาบันยอดยุทธ ไม่ต่างจาก พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนเร้น โดยเฉพาะผู้ที่ฝึกฝนวิชามานานกว่าเขา มีผู้เชี่ยวชาญที่หลบซ่อนอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะไล่ตาม และเติมช่องว่าง เพื่อย่นระยะห่างจากคนเหล่านี้
” โชคดีที่ข้ามีไขกระดูกมังกรเหลืออยู่! ” เย่ ซีหวิน ได้รับไขกระดูกมังกรสองตัวมาก่อนหน้านี้ แต่เขาได้ใช้มันไปแล้วระหว่างหลบหนีการไล่ล่าของหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ตอนนี้มีไขกระดูกมังกรเหลืออยู่เพียงอันเดียว
” หากดูดซับพลังจากไขกระดูกของมังกรตัวนี้ ข้าน่าจะสามารถทะลวงขอบเขตลมปราณไปยังระดับ 6 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับ 9 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ต่อให้ หลัว ยี่หาน มาด้วยตนเอง ข้าจะตบมันให้อึราดเลย! ” เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างเย็นชา
ในขณะเดียวกันนั้น มีเสียงดังมาจากระยะไกล มันกำลังพุ่งตัดผ่านท้องฟ้ามาด้วยความเร็วสูง
พูดคุยกับผู้แปลตอนท้ายบท : ผู้แปลถอดใจแปลนิยายเรื่องนี้หลายครั้ง เนื่องจากไฟฟ้าแถวบ้านผู้แปล ไฟตกบ่อย ทำให้ข้อมูลที่แปลเอาไว้หาย ( มีสำรองไฟนะ แต่พอมันหมดอายุขัย ก็เริ่มงานเข้า ) และเครื่องคอมที่ใช้งานมีปัญหาอยู่บ่อยๆ แต่ก็พยายามลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เพราะชอบนิยายเรื่องนี้มาก อยากจะแปลให้อ่านจนจบเรื่อง และขออภัยสำหรับผู้อ่านบางท่าน และเนื่องจากสำนวนการแปลบางส่วนอาจจะขัดใจท่าน ผู้แปลได้ดัดแปลงเนื้อหา และเพิ่มเติมเข้าไปเองหลายครั้ง ก็เพื่อเพิ่มอรรถรส และให้ง่ายสำหรับอ่านออกเสียงชื่อตัวละคร ไม่ได้แปลตรงเป๊ะๆ และบางส่วนอาจจะแปลตกหล่น หรือ ลืมแก้คำผิด ต้องขออภัยเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ