Martial God Space - ตอนที่ 340
Martial god space ตอนที่ 340 เรื่องเข้าใจผิด [edit : แก้คำผิด 04-04-63]
มีร่างของใครคนหนึ่งบินตัดผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นลำแสงของสายรุ้ง
ด้านหลังของเขามีกลุ่มจอมยุทธจำนวนหนึ่ง บินไล่ตามมาอย่างเร่งรีบ
” อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้! “
” มันคือ คัมภีร์กระบี่พิสดาร! “
” จับมันให้ได้! แล้วอนาคตของเราจะไม่มีที่สิ้นสุด! “
” คัมภีร์กระบี่! “
เย่ ซีหวิน รวบรวมปราณหยวนไปที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว และเพ่งมองไปยังทิศทางที่มันมุ่งหน้าไป เขามองเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่บนดาบ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็น ” คัมภีร์กระบี่! “
” วรยุทธ – สุสาน – กระบี่! “
เย่ ซีหวิน มองเห็นคำสามคำสลักเอาไว้บนคัมภีร์กระบี่ ความหนาวเย็นก็ไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเขา ราวกับว่าเขากำลังจมดิ่งลงไปในความมืดมิดที่ไร้ขอบเขต
” เย่ ซีหวิน เร็วเข้า ตามมันไป! ” เยโม่ ตะโกนบอกเขาอย่างเร่งรีบ
เย่ ซีหวิน ไม่มีเวลาพอที่จะคิด เขารีบไล่ตามร่างนั้นไปทันที
” ข้าไม่เคยเห็นหนังสือเล่มไหนทำอะไรแบบนี้มาก่อน มันเป็นปีศาจหนังสือที่ประสบความสำเร็จในการบรรลุขอบเขตลมปราณหรือไม่? ” เย่ ซีหวิน บินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หวังไล่ตามร่างนั้นให้ทันก่อนที่มันจะหายไป
” มันไม่น่าจะใช่ ข้าไม่เจอพลังปีศาจที่แผ่ออกมาจากปีศาจหนังสือ ต้นกำเนิดพลังของมันมาจาก จิตวิญญาณกระบี่อันบริสุทธิ์ ดังนั้น ข้ากล้าพูดได้อย่างมั่นใจได้เลยว่านี่คือ คัมภีร์กระบี่พิสดาร หนังสือเคล็ดวิชาลับธรรมดาไม่ทางมีความสามารถลึกลับเช่นนี้! ” เยโม่ กล่าว
เสียงของกลุ่มจอมยุทธที่ไล่ตามมา เริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆ พวกเขาไม่สามารถไล่ตามความเร็วของ คัมภีร์กระบี่ นี้ได้
ความเร็วของ คัมภีร์กระบี่ นั้นน่ากลัวมากจน เย่ ซีหวิน ไม่สามารถไล่ตามมันทัน เขาตัดสินใจเปิดใช้งานปีกมาร และเริ่มย่นระยะห่างระหว่าง คัมภีร์กระบี่ กับตัวเขาเข้าใกล้เข้ามาทีละนิดๆ
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าใช้เวลาบินไล่ตามมันมานานแค่ไหน ในขณะเดียวกันที่เขากำลังใกล้จะจับมันได้ จู่ๆ ก็มีอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา จากสภาพผุกร่อนของมันคงผ่านสภาพอากาศร้อนและฝนมาอย่างยาวนาน หากไม่ทันสังเกตดูภายนอกเหมือนก้อนหินธรรมดาที่ถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช
มีตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า เมือง สลักเอาไว้บนอนุสาวรีย์หิน!
คำว่า เมือง ที่สลักเอาไว้นี้ สามารถสั่นคลอนจิตใจผู้คนที่พบเห็น ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้แกะสลักเอาไว้
เย่ ซีหวิน กำลังจะคว้าจับ คัมภีร์กระบี่ แต่ทันใดนั้น มันก็หายเข้าไปในอนุสาวรีย์หินอย่างไร้ร่องรอย
เย่ ซีหวิน รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที เขาไม่คาดว่าจู่ๆ คัมภีร์กระบี่ จะหายเข้าไปในอนุสาวรีย์หิน
” เป็นไปได้อย่างไร? ” เย่ ซีหวิน บินวนรอบๆ อนุสาวรีย์หินอยู่หลายครั้ง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า คัมภีร์กระบี่ หายไปทางไหน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คัมภีร์กระบี่ จะต้องเกี่ยวกับอนุสาวรีย์หินแห่งนี้
” อนุสาวรีย์หินแห่งนี้ มีอะไรบางอย่างแปลกๆ ” เย่ ซีหวิน กล่าวกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม จากสภาพภายนอกสามารถคาดเดาได้ว่า มันมีอายุอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนปีที่ผ่านมา
แม้ว่าจะมีบางอย่างอยู่ภายใน . . . มันน่าจะตายมานานแล้ว!
เย่ ซีหวิน ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตรูปแบบใดบ้างที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ จอมยุทธขอบเขตลมปราณระดับตำนานจะมีอายุขัยเพียง 1,000 ปีเท่านั้น แน่นอนว่าจอมยุทธขอบเขตลมปราณนักปราชญ์นั้นยอมแข็งแกร่งกว่า แต่ก็มีอายุขัยเพียง 2,000 ปี แม้แต่จอมยุทธขอบเขตลมปราณ มหานักปราชญ์ ก็มีชีวิตอยู่ได้เพียง 5,000 ปีเท่านั้น ด้วยระยะเวลายาวนานถึง 100,000 ปี สิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบคงสูญสลายไปจนหมดสิ้น
เย่ ซีหวิน เดินสำรวจพื้นดินบริเวณนั้น ก็พบว่ามันเป็นพื้นดินปกติไม่ได้แตกต่างจากที่อื่น
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ ซีหวิน ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง จอมยุทธเหล่านั้นทันทีที่มาถึงพวกเขาก็ปิดล้อม เย่ ซีหวิน เอาไว้
” คัมภีร์กระบี่ มันอยู่ที่ไหน? ทำไมข้าสัมผัสถึงพลังของ คัมภีร์กระบี่ ไม่ได้ล่ะ? เจ้าเป็นคนเอามันไปใช่มั้ย! จอมยุทธคนหนึ่งกล่าว แล้วเดินตรงเข้ามา เขาเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อคลุมที่ดูหรูหรา ท่าทางของเขาดูแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ
” เขาต้องเป็นคนเอามันไป จู่ๆ มันจะหายไปได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเราก็สัมผัสได้ว่าพลังของมันหายไปจากจุดนี้ เป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะขโมยมัน! ” หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเดินออกมา แล้วกล่าวหาเขา เธอสวมเสื้อคลุมสีแดง และมีรูปร่างที่งดงาม ดวงตา และริมฝีปากมีเสน่ห์น่าหลงใหล ในเวลานี้เธอกำลังจับจ้องมาที่ เย่ ซีหวิน
” คัมภีร์กระบี่ ไม่ได้อยู่ที่ข้า! ” เย่ ซีหวิน กล่าวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธหลายสิบคนในเวลานี้ คัมภีร์กระบี่ หายตัวไป และเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย
” นี่มันเป็นไปไม่ได้! ” พวกเราไม่อาจเชื่อในคำพูดของเจ้า เว้นเสียแต่ว่า เจ้าจะส่งแหวนมิติให้เราตรวจสอบ! ” จอมยุทธอีกคนหนึ่งตะโกนออกมา
สีหน้าของ เย่ ซีหวิน เปลี่ยนไปทันที การยอมให้คนอื่นทดสอบแหวนมิติถือเป็นความอัปยศ เพราะเป็นการแสดงออกถึงการไม่ไว้วางใจ และเป็นการหยามศักดิ์ศรีอย่างมาก
แต่ในสายตาของจอมยุทธเหล่านี้มันถือเป็นเรื่องปกติ ในช่วงเวลาสั้นๆ เย่ ซีหวิน ไม่มีทางปรับแต่ง หรือดูดซับพลังจาก คัมภีร์กระบี่ ได้ในทันที เขาจะต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า มันถูกเก็บเอาไว้ในแหวนมิติของเขา
” ข้ากล่าวไปแล้ว มันไม่ได้อยู่กับข้า! ” เย่ ซีหวิน หัวเราะอย่างเย้ยหยัน และกล่าวว่า ” มาก่อนก็มีสิทธิก่อน พวกเจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือไง! “
” ไอ้หนุ่ม ส่งคัมภีร์กระบี่มาแต่โดยดี แล้วข้าจะมอบรางวัลตอบแทนให้แก่เจ้า! ” จอมยุทธวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชอบธรรม
” มอบรางวัล? เจ้าคิดจะซื้อข้าได้เหรอ? ” เย่ ซีหวิน กล่าว พร้อมกับหันไปมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
” เด็กน้อย พวกข้าอุตส่าห์มอบสินน้ำใจ เจ้ากลับไม่รับไว้! ” จอมยุทธวัยกลางคน กล่าวด้วยความโกรธ ” เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน? ต่อหน้าข้า! เจ้ามันก็แค่เด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม “
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของจอมยุทธไม่อาจตัดสินได้จากใบหน้า ถึงแม้พวกเขาจะคาดเดาอายุของ เย่ ซีหวิน ได้อย่างง่ายดาย อายุของเขาไม่น่าจะเกิน 30 ปี
จอมยุทธเหล่านี้ คิดว่าเขาเป็นเพียงศิษย์หน้าใหม่ที่หนีออกมาจากแนวหลังของสมรภูมิรบต่างโลก
พวกเขาทั้งหมดต่างเคยเข้าร่วมสถาบันยอดยุทธ และเดินทางมายังสมรภูมิรบต่างโลกก่อนที่ เย่ ซีหวิน และบรรดาศิษย์หน้าใหม่ของปีนี้จะมาถึง นอกจากนี้จำนวนของอัจฉริยะเก่าเหล่านี้มีมากมาย มีจอมยุทธผู้เชี่ยวชาญหลายแสนคน รวมไปถึงจอมยุทธผู้ทรงพลังที่มีอายุมากกว่า 100 ปี พวกเขาไม่ได้ใส่ใจจอมยุทธอย่าง เย่ ซีหวิน ที่อายุไม่ถึง 50 ปี
หลายคนมีความสามารถสูงไม่ได้ด้อยไปกว่า เย่ ซีหวิน แต่พวกเขาใช้เวลาในการฝึกฝนมากกว่า เย่ ซีหวิน และคนอื่นๆ หลายคนพลาดโอกาสสุดท้ายในการเข้าร่วมกับสถาบันยอดยุทธ ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป ในความเห็นของพวกเขาจอมยุทธที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี เป็นแค่พวกมือใหม่
” คงคิดว่าข้าเป็นพวกอ่อนหัด? เจ้าเองฝึกฝนมานานกว่าร้อยปี แต่ยังไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ ขยะเช่นเจ้าฝึกไปก็เสียเวลาเปล่า! ” เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างเย้ยหยัน อายุเท่าเขาถูกมองว่าเป็นพวกมือใหม่ แต่มันเป็นข้อได้เปรียบสำหรับการฝึกฝน
ใบหน้าของจอมยุทธเหล่านั้นเปลี่ยนไปในทันที โดยเฉพาะจอมยุทธวัยกลางคนสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เขามีอายุมากกว่า 150 ปี เขาถือเป็นคนแก่ในหมู่ศิษย์หน้าใหม่ของปีนี้
โดยปกติจอมยุทธเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ แต่เมื่อพวกเขาอยู่ในสถาบันยอดยุทธ พวกเขาไม่มีอะไรเลยไม่ต่างจากวัชพืช
” ดูเหมือนไอ้หนุ่มนี่จะวอนหาที่ตาย เพียงแค่ฆ่าเขาแล้วแหวนมิติจะเป็นของเรา! ” จอมยุทธวัยกลางคน กู่ร้องคำรามก่อนจะเหวี่ยงหมัดไปที่ เย่ ซีหวิน ออร่าอันหนาวเย็นเหมือนน้ำแข็งระเบิดออกมาและพุ่งตรงไปยังร่างของ เย่ ซีหวิน ทันที
พลังหมัดทำให้บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นน้ำแข็ง อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงอย่างรวดเร็วกว่าศูนย์องศา อาจจะติดลบมากกว่านั้น
” ลำพังฝีมือเพียงแค่นี้คิดจะฆ่าข้า! ” เย่ ซีหวิน แสยะยิ้มที่มุมปาก ปราณฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นมาทันที โดยที่เขายังไม่ได้ขยับตัว ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่คว้าจับพลังหมัดเยือกแข็ง พลังทั้งสองปะทะกันทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ดูเหมือนทั่วทั้งท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมา ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาบดขยี้พลังหมัดเยือกแข็งจนแหลกสลายภายในชั่วพริบตา
ความแตกต่างของพลังทั้งสองฝ่ายค่อนข้างชัดเจน จอมยุทธคนนี้อยู่ในระดับ 7 ขอบเขตลมปราณระดับตำนาน ความแข็งแกร่งของพวกเขาต่างกันยิ่งกว่าท้องฟ้า และหุบเหว
” วิ้งงงงง! ” ปราณฝ่ามือขนาดใหญ่ของ เย่ ซีหวิน เปลี่ยนกลายเป็นเจตจำนงแห่งดาบกระจายไปทั่วท้องฟ้าราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาถึง เพียงชั่วพริบตาจอมยุทธวัยกลางคนก็ปรากฏตัวที่ด้านหน้าของเขา
” ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ” เจตจำนงแห่งดาบจำนวนนับร้อย พุ่งเสียบแทงทะลุร่างของจอมยุทธวัยกลางคนทันที ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
” พรึดดดด! ” เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากร่างราวกับน้ำพุ จอมยุทธวัยกลางคนไม่คาดคิดว่า เย่ ซีหวิน จะลงมือรวดเร็ว และโหดเหี้ยม
ดูเหมือนเหตุการณ์จะกลับตาลปัตร เขาเป็นคนที่จะฆ่า เย่ ซีหวิน แต่สิ่งนี้กับกระตุ้นเจตจำนงแห่งการฆ่าในตัว เย่ ซีหวิน ให้ตื่นขึ้นมา
ฆ่าทุกคนที่พยายามจะฆ่าเจ้า!
ตรรกะของ เย่ ซีหวิน นั้นเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน ใครก็ตามที่พยายามจะฆ่าเขา อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับไป!
” เจ้า . . . เจ้าาา . . . ” หญิงสาวในเสื้อคลุมสีแดงกำลังตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะเคยสังหารผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วนอย่างไร้ความปราณี แต่พวกเขากลับทำผิดพลาดครั้งใหญ่โดยการประเมินความแข็งแกร่งของ เย่ ซีหวิน ต่ำเกินไป ในสายตาของพวกเขา เย่ ซีหวิน เป็นเหมือนลูกแกะ ถ้าให้ความร่วมมือดีก็อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หากขัดขืนก็ต้องตายสถานเดียว
อย่างไรก็ตาม เย่ ซีหวิน ลงมืออย่างรวดเร็ว สังหารจอมยุทธที่แข็งแกร่งในหมู่พวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอาการช็อคจนทำอะไรไม่ถูก
” อยากฆ่าข้าก็เข้ามา! ” เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างเย็นชาด้วยท่าทีที่ยังสงบนิ่ง
จอมยุทธเหล่านั้นจ้องมอง เย่ ซีหวิน ด้วยความเกลียดชัง ตอนนี้พวกเขามั่นใจแล้วว่า เขาเป็นคนเอาคัมภีร์กระบี่ไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับ เย่ ซีหวิน พวกเขาต้องการจะหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด
จอมยุทธเหล่านั้นกำลังหนีไป เยโม่ ก็พูดขึ้นมาว่า ” เย่ ซีหวิน เรื่องนี้มันดูแปลกๆ ยังไงพิกล คัมภีร์กระบี่ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆ ที่เราเห็นมันหายเข้าไปในอนุสาวรีย์หิน แต่ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับอนุสาวรีย์หินนี้! “
” อืมมม . . คัมภีร์กระบี่นั้นดึงดูดผู้คนมากมาย แต่จู่ๆ มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย . . . ” เย่ ซีหวิน กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
” พวกเขาเหล่านั้น คงเข้าใจผิด คิดว่าเจ้าเป็นผู้ครอบครอง คัมภีร์กระบี่ . . . ข้าเกรงว่า หลังจากนี้มันจะนำปัญหามาให้เจ้าอีกมากมาย! ” เยโม่ กล่าว
” ใครกล้ามารบกวนข้า ข้าก็จะฆ่าพวกมันทั้งหมด! ” เย่ ซีหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้แปล : ขออภัยผู้อ่าน และสาวกทุกท่าน ที่อ่านตอนที่ 340 ไปแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากผู้แปลตรวจสอบคำตกหล่น ซึ่งตอนนี้ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว กราบขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ