Martial God Space - ตอนที่ 342
Martial god space ตอนที่ 342 ปะทะหลัว ยี่หาน
ทั้งสองยืนยันคำพูดของ เย่ ซีหวิน พร้อมกัน ทำให้ เปา ฉินหวาง ต้องกระอักกระอ่วนใจ สุดท้ายเขาก็เดินทางร่วมไปกับพวกเขาด้วยความขมขื่น
” เจ้ามาที่นี่ทำไม? ” เย่ ซีหวิน ถามด้วยความสงสัย เขาไม่คาดหวังว่าจะได้พบกับ มู่ หลิง และ เจียน วู่เฉิน ที่นี่ แน่นอนว่า สิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดก็คือ ลูกหมาป่า
เพราะหลังจาก ลูกหมาป่า และเขาแยกจากกันก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับ ลูกหมาป่า อีกเลย มันเกินกว่าที่เขาคาดหวังไว้ที่จะเห็นมันที่นี่
ลูกหมาป่า เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างหลังจากถูกแยกจากกัน มันกลับไปยังสถานที่ที่ เจียน วู่เฉิน ปิดด่านฝึกตน ต่อมา เจียน วู่เฉิน และลูกหมาป่า ก็พากันออกเดินทาง และได้เข้าร่วมกับสถาบันยอดยุทธ แน่นอนว่าไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับลูกหมาป่า เพราะศิษย์ใหม่หลายคนนำสัตว์เลี้ยงมาด้วย
ต่อมาพวกเขาได้เข้าร่วมองค์กร หรือ พรรคที่เรียกตนเองว่า สุสานกระบี่ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขากลายเป็นสมาชิกระดับสูงของพรรค พวกเขาได้พบกับ มู่ หลิง ซึ่งเขาก็ได้เข้าร่วมกับ สุสานกระบี่ ด้วยเช่นกัน
จากนั้นพวกเขาได้เบาะแสเกี่ยวกับการปรากฏตัวของ คัมภีร์กระบี่ จึงพากันเร่งเดินทางตามมา คัมภีร์กระบี่บินตัดผ่านสมรภูมิรบต่างโลกไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของสมรภูมิ การปรากฏตัวของมันดึงดูดจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วน แน่นอนว่า สิ่งนี้เป็นของสำคัญสำหรับนิกาย สุสานกระบี่
ทั้งองค์กรประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญกระบี่ พวกเขาให้ความสำคัญกับการฝึกเคล็ดวิชาเพลงกระบี่เป็นอย่างมาก พวกเขาคงไม่อาจยกระดับเพลงกระบี่ของตนเองให้สูงขึ้นได้ หากปราศจากเพลงกระบี่ที่ดี
พวกเขาทั้งสามไม่คาดว่าจะได้พบกับ เย่ ซีหวิน ที่นี่ มันเป็นเหตุบังเอิญทำให้พวกเขาได้มีโอกาสเจอกัน
ขอบเขตลมปราณของพวกเขามีความก้าวหน้าที่ดี มีเพียง ลูกหมาป่า เท่านั้นที่ก้าวหน้ามากที่สุด มันอยู่ในระดับ 8 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน และกำลังจะเข้าสู่ระดับ 9 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ด้วยความเร็วนี้ เย่ ซีหวิน รู้สึกอิจฉามันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ลูกหมาป่า มีชาติกำเนิดที่ลึกลับ และดูเหมือนว่ามันไม่มีอุปสรรคในการเพาะบ่มลมปราณ
เจียน วู่เฉิน ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันหลังจากได้รับมรดกโบราณ เขาอยู่ในระดับ 8 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ในอดีต มู่ หลิง แข็งแกร่งกว่า เจียน วู่เฉิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาถูก เจียน วู่เฉิน แซงหน้านำไปแล้ว ขอบเขตลมปราณเขาอยู่ในระดับ 7 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน
” ศิษย์น้อง การเดินทางของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ข้าได้ยินวีรกรรมของเจ้าไม่น้อย ไม่เลวๆ ไม่ทำให้ศิษย์พี่คนนี้ต้องผิดหวัง! ” ลูกหมาป่า พูดจาหยอกเย้าสวมบทบาทเล่นเป็นศิษย์พี่กับศิษย์น้อง ด้วยความหมั่นเขี้ยว เย่ ซีหวิน เลยเตะมันล้มกลิ้งไปอีกด้านหนึ่ง
ลูกหมาป่า รีบลุกขึ้นแล้วเดินกลับมาข้างๆ เย่ ซีหวิน พร้อมกับพูดอย่างโอดครวญว่า ” อะไรของเจ้าเนี่ย! ไม่เจอกันแค่พักเดียว เจ้าถึงกับลงมือลงไม้กับสหายเก่าได้ลงคอ! “
” หากพวกเจ้ามาเพื่อคัมภีร์กระบี่ เราต้องไปที่อนุสาวรีย์หินนั้น แม้ว่าข้าจะไล่ตามมันไม่ทัน แต่ข้าก็เห็นกับตาของข้าเองว่า มันหายเข้าไปข้างในอนุสาวรีย์หิน! ” เย่ ซีหวิน กล่าว
เย่ ซีหวิน บอกกับ เปา ฉินหวาง อย่างตรงไปตรงมาว่าคัมภีร์กระบี่อยู่ที่ไหน แน่นอนว่า เขาไม่ได้กลัว เปา ฉินหวาง เขาแค่ไม่ต้องการเพิ่มปัญหาโดยไม่จำเป็น
คัมภีร์กระบี่ ดึงดูดความสนใจของผู้เยี่ยมยุทธเป็นจำนวนมาก หากเขาไม่รีบสะสางเรื่องตอนนี้ จะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย แม้ว่า เย่ ซีหวิน จะไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่เขาไม่อยากก่อปัญหาเพิ่มในเวลานี้
ถ้าหญิงสาวในเสื้อคลุมสีแดงยังปล่อยข่าวลือแบบนี้ต่อไป จะมีปัญหาตามมาอีกไม่น้อย
แน่นอนว่า เขาย่อมยอมรับมัน หากคัมภีร์กระบี่อยู่ในมือเขาจริงๆ อย่างไรก็ตาม หากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเลยสำหรับเขา
” นี่มันแปลกมากๆ มันจะหายไปได้อย่างไร? ” เจียน วู่เฉิน กล่าว พร้อมกับขมวดคิ้ว
เจียน วู่เฉิน ไม่เคยสงสัยในคำพูดของ เย่ ซีหวิน เขาไม่จำเป็นต้องโกหก ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับคัมภีร์กระบี่นี้
การหายไปของ คัมภีร์กระบี่ ทำให้กลุ่มมหาอำนาจต่างๆ เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาส่งกองกำลังเข้ามาหาเบาะแสเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากคัมภีร์กระบี่หายไปเป็นเวลาสามวัน จู่ๆ ก็มีไข่ลึกลับฟองหนึ่งปรากฏขึ้นบนยอดเขา ที่แปลกประหลาดกว่านั้นคือ มีพลังศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์แผ่ออกมารอบๆ ไข่ลึกลับฟองนั้น เหตุการณ์กลับยิ่งดึงดูดผู้คนมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นไข่ของสัตว์ประหลาดชนิดใด เพื่อแย่งชิงไข่ศักดิ์สิทธิ์มีจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าร่วมการต่อสู้ แม้แต่ เย่ ซีหวิน ก็เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไข่ลึกลับฟองนั้นได้ฟักตัวออกมากลายเป็น ม้ามังกร ก่อนจะบินหายไปจากสายตาของทุกคน
เย่ ซีหวิน รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของม้ามังกรทำให้จอมยุทธมากมาย พากันมาชุมนุมเพิ่มขึ้นมากยิ่งกว่าเดิม ตามตำนานเทพเจ้าโบราณ กล่าวกันว่า ม้ามังกรสืบสายเลือดแท้จริงมาจากราชามังกร เมื่อครั้งอดีตกาลเทพเจ้าใช้พวกมันเป็นสัตว์พาหนะ (รูปร่างคล้ายๆ กิเลน)
ม้ามังกร เป็นสัตว์เทพนิยายโบราณที่มีนิสัยดุร้าย พวกมันเคยฆ่ามังกรแล้วกินเป็นอาหาร หลายคนพากันตื่นเต้นเมื่อได้ฟังคำบอกเล่า หากสามารถจับม้ามังกรได้อนาคตของพวกเขาจะไร้ขีดจำกัด
ถัดไปอีกวันหนึ่งมีคนพบเห็นม้ามังกรในหุบเขาแห่งหนึ่ง สงครามการต่อสู้เพื่อแย่งชิงม้ามังกรก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง จอมยุทธมากมายบาดเจ็บ และล้มตายไปจำนวนมาก แต่แล้วพวกเขาก็ล้มเหลวในการจับม้ามังกร
สุดท้าย ม้ามังกร ก็หายตัวไปตรงอนุสาวรีย์หินอันเดียวกันก่อนหน้านี้
สายตาของทุกคนมองไปยังอนุสาวรีย์หินเป็นจุดเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่าอนุสาวรีย์หินที่สลักตัวอักษรเอาไว้นี้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อใด แม้หลายคนจะส่งข้อมูลกลับไปยังยอดขุนเขามรดกของตน เพื่อสอบถามหาที่มาของมัน แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับมาก็ไม่ชัดเจน แม้ว่าจะมีผู้เยี่ยมยุทธมากมายเดินทางมายังสมรภูมิรบต่างโลก อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้กลับยังไม่เคยถูกผู้ใดค้นพบมาก่อน
” ม้ามังกรเป็นหนึ่งในเก้าบุตรของราชามังกร! ” มู่ หลิง กล่าว ” ตอนนี้มีหลายคนกำลังบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินเรื่องของ ม้ามังกร! พวกเขาบ้ากันไปใหญ่แล้ว! “
” แต่เรื่องนี้ข้าได้ยินมาอีกอย่างหนึ่ง ม้ามังกร ไม่ใช่หนึ่งในเก้าบุตรของราชามังกร! . . . แต่เป็นผีดิบระดับหกที่มีพลังมากกว่า ปีศาจภัยแล้ง! ” เย่ ซีหวิน กล่าว ( ปีศาจภัยแล้ง คือ เทพเจ้าความแห้งแล้ง ตามตำนานของจีน )
ตามตำนานโบราณมี ผีดิบผมขาว, ผีดิบผมดำ, ผีกองกอย, ผีดิบที่สามารถบินได้ และปีศาจภัยแล้ง, ม้ามังกร สำหรับเทพเจ้าแล้วพวกมันไม่ใช่ผีดิบธรรมดาอีกต่อไป มันมีพลังอำนาจไม่ต้อยไปกว่าเทพเจ้า มันสามารถท้าทายเทพเจ้า และสังหารได้แม้กระทั่งปีศาจ ผีดิบชนิดนี้เริ่มแรกรูปร่างภายนอกเหมือนกับสุนัข โดยทั่วไปแล้วพวกมันใช้เวลานานหลายพันปี หรือแม้กระทั่งหลายหมื่นปี จนกลายเป็น ปีศาจภัยแล้ง หลังจากวิวัฒนาการจนกลายเป็น ม้ามังกร มันสามารถพ่นไฟออกมาจากปาก และกินมังกรเป็นอาหาร ดังนั้นเทพเจ้าจึงใช้มันเป็นสัตว์พาหนะ และเป็นการกำราบมันไปในตัว
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไปทันที หากเป็นผีดิบจริงๆ มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมาก คัมภีร์กระบี่ และ ม้ามังกร หายไปในอนุสาวรีย์หินในเวลาไล่เลี่ยกัน อนุสาวรีย์หินนี้เก็บซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่?
” เวรเอ๊ย! อย่าบอกนะว่าข้างใต้นี้มีสุสาน! ” ลูกหมาป่า สบถเสียงดัง เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันรู้สึกว่าภารกิจครั้งนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เย่ ซีหวิน ถาม เยโม่ เกี่ยวกับม้ามังกร แต่มันไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เรื่องราวของผีดิบถูกจัดว่าเป็นเรื่องที่ลี้ลับมากที่สุดในบรรดาโลกทั้ง 3 ภพ พวกมันอยู่นอกเหนือกฏแห่งวัฏจักร เป็นเรื่องยากที่จะเห็นผีดิบที่มีภูมิปัญญา ส่วนใหญ่ที่พบเห็นพวกมันเป็นเพียงซากศพโง่เขลาไร้สติปัญญาที่เดินได้
” แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้! ดึงดูดความสนใจของเหล่าจอมยุทธเป็นอย่างมาก จอมยุทธมากมายมุ่งหน้ามาที่นี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ” เจียน วู่เฉิน กล่าวต่ออีกว่า ” ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกเช่นไร หวังว่าสวรรค์จะเปิดเผยความลับนี้ออกมาในไม่ช้า! “
เย่ ซีหวิน พยักหน้า และพูดว่า ” อือ ข้าก็สังหรณ์ใจเช่นนั้น! “
” เย่ ซีหวิน! ไสหัวของเจ้าออกมา! ” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากระยะไกล แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวค่อยปกคลุมเข้ามาใกล้มา พร้อมกับจิตสังหารอันแรงกล้า จนทำให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองพากันตกใจ แม้ว่าเมืองนี้จะไม่ได้มีอาณาเขตใหญ่โตมาก แต่สำหรับจอมยุทธที่ฝึกวรยุทธจนแข็งแกร่งแล้ว แม้แต่เสียงเบาๆ ของน้ำเดือดจากกาต้มน้ำที่อยู่ห่างไกลออกไป พวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงของมันได้อย่างชัดเจน
ร่างของชายคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เหนือลานเล็กๆ ใกล้กับกลุ่มของ เย่ ซีหวิน ยืนอยู่ ดูจากภายนอกแล้วเขาน่าจะอายุมากกว่า 20 ปี เขาสวมเสื้อคลุมจีน ลวดลายที่ปักลงบนผ้าที่ทำให้เขาดูน่าเกรงขาม แม้ว่ายืนห่างออกไปนับพันไมล์ก็สามารถสัมผัสถึงจิตสังหารของเขาได้
จอมยุทธที่พำนักอยู่ในเมืองต่างพากันใช้ทักษะการค้นหาจิตวิญญาณของพวกเขา เพื่อตรวจสอบจิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมานั้นว่าเป็นของผู้ใด
” ชายผู้นี้เป็นใครกัน? ช่างอวดดียิ่งนัก! โอหังเกินไปแล้ว! “
” เจ้าไม่เห็นลายปักบนหน้าอกของเขาเหรอ? นั่นคือสัญลักษณ์ของหอตุลาการ เขาจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก หลัว ยี่หาน ศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ ถึงแม้เขาจะดูอายุยังน้อย แต่ก็อยู่ในระดับ 9 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ไม่น่าแปลกใจที่เขาได้รับตำแหน่งผู้นำศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ เขาเป็นจอมยุทธหนุ่มที่มีอนาคตอีกยาวไกล! “
” นับว่าไม่เลว! อายุยังน้อยแต่มีพลังมหาศาลขนาดนี้ ดูเหมือนเขามาหา เย่ ซีหวิน คงเพราะเรื่องการตายของศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ? “
” เย่ ซีหวิน เป็นพวกอวดดีและหยิ่งยโส ศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการเป็นฝ่ายยั่วยุเขาก่อน . . . ดังนั้นเขาจึงฆ่าพวกเขาทั้งหมด การกระทำของ เย่ ซีหวิน เหมือนเป็นการหักหน้าหอตุลาการต่อหน้าศิษย์ใหม่ จะเกิดอะไรขึ้นหากทุกคนฝ่าฝืนกฎไม่ยอมเชื่อฟังหอตุลาการอีกต่อไป พวกเขาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอย่าง หลัว ยี่หาน มาจัดการเรื่องนี้! “
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานขั้นสุดยอดปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองเล็กๆ แห่งนี้ จอมยุทธภายในเมืองส่วนใหญ่เป็นผู้มีขอบเขตลมปราณระดับตำนาน และครึ่งก้าวตำนานอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีหลายคนไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากจิตสังหารที่น่ากลัวของเขาได้
” ครึ้นน! ” ออร่าอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากลานเล็กๆ เย่ ซีหวิน ทะยานตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า
” แกเองเหรอ เย่ ซีหวิน? ไม่เลวๆ อย่างน้อยแกก็กล้าออกมา ไม่ใช่พวกขี้ขลาด! ” หลัว ยี่หาน มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา แน่นอนว่าในใจของเขายกย่องในความกล้าของ เย่ ซีหวิน แต่ตรงกันข้ามกับใบหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ปรากฏแม้แต่รอยยิ้ม สีหน้าของเขาก็เย็นชาไม่แพ้กัน
เย่ ซีหวิน ไม่ได้พูดอะไร เขาปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์สีทองออกมาสกัดกั้นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของ หลัว ยี่หาน
ออร่าของ หลัว ยี่หาน นั้นแข็งแกร่งกว่า เย่ ซีหวิน มาก เขาอยู่ระดับ 9 ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนาน ส่วน เย่ ซีหวิน อยู่ในขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตำนานขั้นกลางเท่านั้น