Martial God Space - ตอนที่ 353
Martial god space ตอนที่ 353 ความขัดแย้ง
คนกลุ่มนั้นมีกัน 7 – 8 คน บนแขนเสื้อของพวกเขาปักตราสัญลักษณ์หอตุลาการ พวกเขาเป็นศิษย์ผู้คุ้มกฏ คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มอยู่ในขอบเขตลมปราณระดับตํานานระดับ 7 ส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดเขามาถึงขีดสูงสุดของขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานระดับ 8 เขาอยู่ห่างจากขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานระดับ 9 อีกแค่เพียงเล็กน้อย จากนั้นเขาจะอยู่ในระดับเดียวกับหลัวยี่หาน
แต่ละคนมีออร่าที่โดดเด่นแตกต่างจากจอมยุทธทั่วไป พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
หนึ่งในคนกลุ่มนั้น เพียงมองเห็นเย่ซีหวิน แวบแรกก็สามารถจดจําเขาได้ทันที จิตสังหารพุ่งตรงมาที่เขาโดยเฉพาะมันถูกส่งมาจากหญิงสาวในชุดคลุมสีแดงที่ เย่ซีหวิน เคยมอบบทเรียนให้กับเธอมาก่อน ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกายราวกับมีปราณดาบคู่ส่งออกมา
เย่ซีหวิน พุ่งจิตสังหารกลับไปทันที ทําให้ดวงตาคู่นั้นสั่นสะท้านประกายแสงของปราณดาบก็สลายไปทันที
หญิงสาวในชุดคลุมสีแดง ไม่อาจทําร้าย เย่ซีหวิน ได้ด้วยจิตสังหาร สีหน้าของเธอเปลี่ยนกลายเป็นน่าเกลียด เย่ซีหวิน จ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนละสายตามองไปทางอื่น
เย่ซีหวิน ไม่เคยเห็นหญิงสาวในชุดคลุมสีแดงอยู่ในสายตาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอ อายุของเขาน่าประมาณ 20 ปี เขายืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาวในชุดคลุมสีแดง เขายิ้มที่มุมปากอย่างมีเลิศนัย
คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้จักเขา แต่เย่ซีหวินรู้ดีว่า เขาเป็นศิษย์ของวิหารซวนหยวน เขาเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้มาก่อนในทะเลสาบปราณจิตวิญญาณ เขาเป็นหนึ่งในศิษย์ของวิหารซวนหยวนอย่างแน่นอน
ต้องยอมรับความจริงว่า ประสิทธิภาพกลุ่มของวิหารซวนหยวนนั้นสูงกว่าศิษย์ของสถาบันยอดยุทธ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า สถาบันยอดยุทธด้อยกว่าวิหารซวนหยวน ในบรรดาศิษย์ที่มาที่นี่จะมีเพียงปรมาจารย์แห่งกระบี่ และหลัวหานเท่านั้นที่ถือว่าเป็นศิษย์ชั้นนําของสถาบันยอดยุทธ นอกจากนี้ยังมีจอมยุทธคนอื่นๆ ที่มีร่างกายพิเศษ เช่น กายาไททัน และกายาฟินิกซ์ ซึ่งพวกเขายังไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลยในเวลานี้
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ความตั้งใจที่แท้จริงของวิหารซวนหยวน การเผชิญหน้าก่อนหน้านี้อาจถือได้ว่าเป็นการปะมือกันแบบเล็กๆ เท่านั้น
สิ่งที่ทําให้ เย่ซีหวิน ประหลาดใจมากที่สุดก็คือศิษย์ของวิหารซวนหยวนได้เข้าร่วมกลุ่มกับคนของหอตุลาการ เป็นสิ่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
“ ครั้งนี้หอตุลาการส่งผู้เชี่ยวชาญมาสืบสวนคดีฆาตกรรมโดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญคนนี้คือ เหมี่ยวหยู่ กล่าวกันว่า ขอบเขตลมปราณของเขาสูงมาก อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะเข้าสู่ขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานระดับ 9! ”
” ถ้าหากเขาสามารถทะลวงขอบเขตลมปราณได้สําเร็จ เขาจะกลายเป็นบุคคลสําคัญของสถาบัน ในอนาคตพวกเขาจะได้รับการพิจารณาให้เป็นเสาหลักต่อไปของสถาบัน จอมยุทธขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานระดับ 9 จะได้รับสมบัติล้ําค่าโดยส่วนใหญ่จะได้รับการสืบทอดมรดก พวกเขาจะได้รับการดูแลที่แตกต่างจากศิษย์ทั่วไปในสถาบัน!”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะแตกต่างกันเพียงแค่หนึ่งระดับ แต่ระยะห่างของมันนั้นแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลก จอมยุทธขอบเขตลมปราณครึ่งก้าวตํานานระดับ 8 มักจะมองหาโอกาสเพื่อทําให้ขอบเขตลมปราณของตนเองก้าวหน้า แต่ส่วนใหญ่ถอดใจยอมแพ้ พวกเขาเลือกฝึกฝนในขอบเขตลมปราณระดับตํานาน เพื่อแสวงหาเส้นทางใหม่
“ หอตุลาการคงได้รับแรงกดดันไม่น้อย หลังจากศิษย์ผู้คุ้มกฏขอบเขตลมปราณระดับตํานาน ระดับ 8 ถูกฆ่าตาย เว้นเสียแต่ว่า หลัวยี่หาน จะมาด้วยตนเอง เขาถือว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในบรรดาผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ แต่การมาถึงของ เหมียวหยู่ นั้นก็ถือว่ามากเกินพอ ดูเหมือ นว่าครั้งนี้หอตุลาการจะโกรธมากจริงๆ !”
” ถึงแม้เหมี่ยวหยู่ จะได้รับมอบหมายให้ทําคดี แต่เบาะแสเดียวที่พวกเขามี คือฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบ มันแทบจะไร้ประโยชน์ต่อรูปคดี! ”
เย่ซีหวิน ไม่คาดว่าศิษย์ของวิหารซวนหยวนจะแฝงตัวเข้ามาได้อย่างแนบเนียน หากไม่ใช่เพราะว่า เย่ซีหวิน พบเห็นหน้าตาของพวกมันมาก่อน บางทีเขาคงจําพวกมันไม่ได้ มีมรดกมากมายในสถาบันยอดยุทธมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้จักผู้คนที่ได้รับการสืบทอดอื่นๆ มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีสาวกหนึ่งหรือสองคนที่ไม่คุ้นเคยหน้าตา
” อย่าสร้างปัญหา! ” เหมี่ยวหยู่ ตะโกนด้วยน้ําเสียงดุดัน หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็จ้องมองไป ที่เย่ซีหวิน ด้วยแววตาที่หลากหลายความรู้สึก เขาไม่ต้องการจะต่อสู้กับเย่ซีหวินในเวลานี้
เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบการตายของศิษย์ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการ นอกจากนี้ ยังต้องสืบหาผู้ที่ อยู่เบื้องหลังข่าวลือนี้ แม้ว่าการตายของศิษย์ผู้คุ้มกฏจะไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์อีกหลายคนที่ถูก ฆ่า ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่หอตุลาการจะนิ่งนอนใจ ไม่เช่นนั้นจะขัดกับจรรยาบรรณที่ก่อตั้งหอตุ ลาการขึ้นมา
เป้าหมายหลักของเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้กับ เย่ซีหวิน ข่าวการต่อสู้ระหว่าง เย่ซีหวิน กับหลัวยี่หาน ได้แพร่กระจายไปในหมู่ชาวยุทธนานแล้ว เหมียวหยู่ก็อยู่ที่นั่นในเวลานั้น การต่อสู้ครั้งนั้นทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องตกตะลึง
แม้ว่า เหมียวหยู่จะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อต้องเผชิญกับ เย่ซีหวิน เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสูสี หากก่อวุ่นวายที่นี่ เย่ซีหวิน อาจจะลงมือฆ่าพวกเขาทั้งหมด
ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการส่วนใหญ่แข็งแกร่งมาก ไม่มีใครกล้ายั่วยุศิษย์ผู้คุ้มกฏ อย่างไรก็ตาม มีสาวกที่ทรงพลังจํานวนมากที่ไม่สนใจกฎระเบียบของหอตุลาการ ความแข็งแกร่งของพวกเขา ทําให้ผู้คุ้มกฏยังต้องปวดหัวไปตามๆกัน
เย่ซีหวิน ก็เป็นหนึ่งในคนจําพวกนั้น และ เย่ซีหวิน ไม่ใช่คนประเภทหาเรื่องใครก่อน เขาเพียงทําในสิ่งที่เขาต้องการ ใครที่กล้ายั่วยุเขาจะต้องพร้อมที่จะตายด้วยน้ํามือเขา เขาลงมืออย่างเหี้ยมโหดไร้ความปราณี โดยปราศจากความลังเล
บางที่อาจมีเพียงหลัวยี่หานเท่านั้นที่สามารถฆ่าเย่ซีหวินได้ แม้ว่าคนของหอตุลาการจะพยายามตามหาตัวเย่ซีหวิน แต่พวกเขาก็ไม่พบข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเขาเลย การได้พบเย่ซีหวินในเวลานี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดหวังเอาไว้ก่อน และมันก็สายเกินไปที่จะแจ้งหลัวยี่หานในเวลานี้
โอกาสหน้าพวกเขาจะไม่พลาด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเย่ซีหวินก็กําลังรอคอยการมาถึงของ หลัวยี่หาน ครั้งสุดท้ายเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหลัวยี่หาน โจมตีเขาอย่างต่อเนื่องจนไม่มีโอกาสได้หยุดพักหายใจ ครั้งนี้เขาจะทําให้หลัวยี่หานต้องชดใช้
สีหน้าของหญิงสาวในชุดคลุมสีแดงค่อนข้างไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทําอะไรได้ จากนั้นก็เธอเดินตามหลังกลุ่มคนเหล่านั้นไปแล้วเลือกหาที่นั่ง
เย่ซีหวิน เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจที่จะเอาเรื่องพวกเขา
” ศิษย์พี่เหมียว รายงานผลชันสูตรศพพบว่าฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบใช่ไหม? “ หญิงสาวในชุดคลุมสีแดง กลอกตามองบนทันทีที่นึกขึ้นได้
“ ใช่! ” เหมี่ยวหยู่ พยักหน้า ข่าวนี้แพร่กระจายไปเมื่อไม่นาน แต่คนส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับมันแล้ว
” ผู้เชี่ยวชาญดาบ ที่ข้าพอจาา..นึกกกออก! ” หญิงสาวในชุดคลุมสีแดง จ้องมองไปทาง เย่ซีหวิน แล้วกล่าวออกมา แม้ว่าเธอจะไม่พูดอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็พอจะเดาออกว่า เธอชี้ไปที่เย่ซีหวิน
ทุกคนจําข่าวลือที่ เย่ซีหวิน ได้รับคัมภีร์กระบี่ ความสงสัยเหล่านี้หายไปตอนที่พบม้ามังกรและประตูทางเข้าโลกใต้พิภพปรากฏขึ้น แต่ลึกๆภายในจิตใจของใครหลายคนก็ยังคงสงสัยว่า คัมภีร์กระบี่ตกอยู่ในมือของ เย่ซีหวิน จริงหรือไม่? แต่ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้เขา
แม้ว่า เย่ซีหวิน จะพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนั้นกับ หลัวยี่หาน อย่างไรก็ตาม เขาก็ต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญ ทั้งๆที่ขอบเขตลมปราณของพวกเขาแตกต่างกันอย่างมาก มันเป็นภาพการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์สําหรับคนส่วนใหญ่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถทําได้ ทันทีที่หลุมยักษ์ปรากฏขึ้นมันได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปจนหมด แต่เมื่อได้ยินหญิงสาวในชุดคลุมสีแดงกล่าวขึ้นมา ทุกคนก็นึกขึ้นได้
นอกจากนี้ หลายคนยังนึกภาพตอนที่เย่ซีหวิน ตัดหัวจอมยุทธที่ทรงพลังด้วยเจตจํานงแห่งดาบ แม้ว่าเย่ซีหวิน ไม่ได้ฝึกฝนทักษะการใช้ดาบมากนักอย่างไรก็ตาม เขาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ ทุกคนต่างหันหน้ามองมาทางเย่ซีหวิน หลังจากได้ยินหญิงสาวในชุดคลุมสีแดงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนของหอตุลาการที่อยู่ในกลุ่มก็หันหน้ามองไปทางเขาด้วยเช่นกัน เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด
อํานาจของหอตุลาการต่างเป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้ว มันเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามเย่ซีหวิน ไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถดูแคลนได้เช่นกัน เย่ซีหวิน ฆ่าศิษย์ผู้คุ้มกฏต่อหน้าทุกคนถึงสองครั้ง
โดยทั่วไปแล้ว เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของเหล่าศิษย์ใหม่ เขาไม่อาจยอมรับได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามป้ายความผิดให้เขา
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สาวกหลายคนถูกตัดสินให้มีความผิดเนื่องจากมีความขัดแย้งกับ ผู้คุ้มกฏของหอตุลาการเพื่อสร้างชื่อเสียงของตนเองสาวกเหล่านั้นจึงถูกสังหารโดยคนขององค์กรเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม มีการยกเว้นสําหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงของสถาบันยอดยุทธ ยกตัวอย่างเช่น กายาไททัน กับกายาฟีนิกซ์ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างพวกเขากับองค์กรเหล่านี้ ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาให้กับพวกเขาที่ได้รับการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของ เย่ซีหวิน นั้นยังด้อยกว่ากลุ่มคนที่ได้รับ การยกเว้น ในสายตาของผู้คนเขายังห่างไกลจากคําว่า อัจฉริยะอันดับต้นๆ แต่การที่เขาไม่เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น นั่นไม่ได้หมายความว่าใครก็สามารถยั่วยุหรือเหยียดหยามเขาได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดหัวศิษย์ผู้คุ้มกฏสองคนและต่อสู้กับ หลัวยี่หาน หลายคนเห็นด้วยกับความแข็งแกร่งของเย่ซีหวิน
คนที่กล้าท้าทายองค์กรเหล่านี้ สุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นได้ตายไปหมดแล้ว
» ข้าสัมผัสได้ถึงเจตจํานงแห่งดาบจากร่างของเขา แม้ว่ามันจะแผ่วเบาแต่ข้าก็สัมผัสถึงมันได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญดาบ ข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับผู้คุ้มกฏของหอตุลาการก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาลงมือสังหารเพื่อเป็นการแก้แค้นส่วนตัว! “ ศิษย์ของวิหารซวนหยวน กล่าวอย่างไม่แยแส แม้จะพูดด้วยน้ําเสียงธรรมดาแต่ทุกคนก็ได้ยินชัดเต็มสองหู
” ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทําก็ต้องกล้ารับ อย่าทําตัวเป็นเต่าหดหัว คอยลอบแทงผู้อื่นจากด้านหลัง! ” หญิงสาวในชุดคลุมสีแดง พยายามพูดยั่วยุเย่ซีหวิน
เธอคอยสังเกตท่าทางของเหมียวหยู่ แต่สีหน้าของเขายังสงบนิ่งอย่างไรก็ตาม เธอเกลียดเย่ซีหวินจนเข้ากระดูกดํา แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซีหวิน ดังนั้นเธอจึงพยายามกระตุ้น เหมียวหยู่และเย่ซีหวินให้ต่อสู้กัน เธอต้องการอาศัยอํานาจของหอตุลาการเพื่อกําจัดเย่ซีหวิน ดังนั้นเธอจึงพยายามสร้างความเกลียดชังภายในใจของพวกเขาทั้งสอง ในความเป็นจริง ความขัดแย้งและความเกลียดชังระหว่างเย่ซีหวินกับหอตุลาการได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่มีใครที่ไม่รู้เรื่องนี้
เย่ซีหวินขมวดคิ้ว หญิงสาวในชุดคลุมสีแดง พยายามท้าทายเขาทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน เขาเคยให้โอกาสครั้งสุดท้ายเธอไปแล้ว แต่เธอไม่ยอมสํานึกกลับพยายามสร้างปัญหาให้กับเขา ทันใดนั้น จิตสังหารอันน่าสะพรึงก็พุ่งตรงไปที่หัวใจของเธอทันที