Martial God Space - ตอนที่ 358
Martial god space ตอนที่ 358 อสูรกลืนดาราปรากฏตัว
หลังจากสังหาร หลัว ยี่หาน แล้ว เย่ ซีหวิน ก็ค้นพบ ผลึกหลอมจิตวิญญาณ และหินวิญญาณเป็นจํานวนมาก และยังสมบัติอื่นๆ อีกมากมายในแหวนมิติ หลัว ยี่หาน กับ เย่ ซีหวิน เพิ่งจะปรากฏตัวและเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับทรัพย์สมบัติต่างๆ ในแหวนมิติสามารถบอกได้ว่าตระกูลของเขาต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้วัตถุดิบสําหรับปรุงยาต่างๆ สมุนไพรส่วนใหญ่มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปี และหลายชนิดมีอายุมากกว่าห้าพันปี ยิ่งกว่านั้นยังมีสมุนไพรบางชนิดมีอายุมากกว่าหนึ่งหมื่นปีอีกด้วย สมุนไพรล้ำค่าเหล่านี้ถูกปลูกขึ้นในสวนสมุนไพรแบบพกพา ตอนนี้ เย่ ซีหวิน เป็นผู้ครอบครองมันทั้งหมด สมบัติเหล่านี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านผลึกหลอมจิตวิญญาณ ในอดีต เย่ ซีหวิน เคยมีผลึกหลอมจิตวิญญาณมากกว่านี้ พื้นที่ลึกลับในจิตใจของเขาได้เผาผลาญผลิตผลึกหลอมจิตวิญญาณไปเป็นจํานวนมากก่อนหน้านี้ ทําให้ผลึกหลอมจิตวิญญาณที่เขาเคยสะสมเอาไว้ลดลงไปอย่างมาก
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเขากําลังประสบปัญหาขาดแคลน ผลึกหลอมจิตวิญญาณ และหินวิญญาณจํานวนมากที่พบในแหวนมิติของ หลัว ยี่หาน ตอนนี้ เย่ ซีหวิน มีหินจิตวิญญาณราวๆ 10 ล้าน และยังมีผลึกหลอมจิตวิญญาณอีกเกือบหนึ่งล้าน มันเปรียบเสมือนกับฝนตกในฤดูแล้ง ทําให้ เย่ ซีหวิน ค่อนข้างมั่งคั่งในเวลานี้
นอกจากนี้ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือ คัมภีร์ดาบ มันเป็นเคล็ดวิชาลับสุสานดาบ ขนาดของคัมภีร์ดาบค่อนข้างหนา แต่ในความเป็นจริง มันมีเพียงแค่สี่กระบวนท่า เพลงดาบฝังกลบมนุษย์ เพลงดาบฝังกลบปฐพี เพลงดาบฝังกลบสวรรค์ เพลงดาบมหานิพพาน เย่ ซีหวิน เปิดดูเคล็ดวิชาดาบ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าปรมาจารย์คนใดเป็นผู้คิดค้นเพลงดาบนี้ขึ้นมา เพราะมันเป็นเพลงดาบที่น่ากลัวมากเมื่อเห็นคําอธิบายของเพลงดาบ โดยเฉพาะเพลงดาบสุดท้ายที่ชื่อว่า เพลงดาบมหานิพพาน ตามคําอธิบายที่เขียนเอาไว้บนคัมภีร์ ภายใต้ขอบเขตที่ครอบคลุมโดยเพลงดาบมหานิพพาน วัฏจักรของจักรวาลจะเริ่มการเกิดใหม่อีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าสู่วัฏจักรของการเกิดใหม่จะสูญสลายไป ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใช้เพลงดาบนี้
(ผู้แปลขอเปลี่ยนจาก คัมภีร์กระบี่ มาเป็นคัมภีร์ดาบ เนื่องจากในช่วงแรกผู้แปลไม่สามารถแยกได้ว่ามันเป็นกระบี่หรือดาบ เพราะมันใช้คําศัพท์ตัวเดียวกัน)
มันเป็นเพลงดาบพลีชีพอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม เย่ ซีหวิน ก็ไม่กล้าดูถูกวรยุทธสุสานดาบนี้
การบรรลุเพลงดาบนี้เป็นที่เรื่องยากสําหรับจอมยุทธทั่วไป พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะฝึกฝนได้สําเร็จ แต่สําหรับ เย่ ซีหวิน เขามีพื้นที่ลึกลับ ดังนั้นการฝึกฝนเพลงดาบนี้จึงไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา ตราบใดที่มีพลังวิญญาณมากเพียงพอทุกอย่างสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากนี้เขายังพบสมบัติอีกชิ้นหนึ่ง ครั้งนี้ เย่ ซีหวิน นับว่าได้กําไรเป็นอย่างมาก สมบัติอีกชิ้นนั้นคือ ชิ้นส่วนของปลายมีด ไม่รู้ว่า หลัว ยี่หาน ไปได้มันมาจากไหน แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของแสงที่เปล่งออกมาจากชิ้นส่วนของปลายมีดจากคําพูดของ เยโม่ มันอาจจะเป็นชิ้นส่วนของอาวุธเทพในตํานาน
ชิ้นส่วนของปลายมีดที่เปล่งแสงได้นี้ นับว่าเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้ มันไกลเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการถึง
” กรรรรร! “ เสียงคํารามของม้ามังกรดังมาจากระยะไกล การตายของ หลัว ยี่หาน ทําให้กรงดาบใบมีดหายไปด้วย ม้ามังกรรอคอยโอกาสนี้มานาน เย่ ซีหวิน ไม่ปล่อยโอกาส ให้มันหลบหนีไปโดยง่าย เขารีบบินไล่ตามมันไปทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็ไล่ตามทัน เย่ ซีหวิน แสยะยิ้ม พร้อมกับซัดฝ่ามือกระแทกไปที่ลําตัวของม้ามังกร ร่างของมันร่วงลงไปกระแทกกับพื้นดิน เลือดทั้งหมดในร่างกายถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ตอนนี้มันไม่มีพลังมากพอที่จะต้านทานการโจมตีของ เย่ ซีหวิน ได้
” มนุษย์! เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง!” ม้ามังกร มองไปที่ เย่ ซีหวิน ด้วยแววตาที่โกรธแค้น
ทันใดนั้น หัวใจของ เย่ ซีหวิน ก็เต้นแรงผิดปกติเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขาพยายามมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบสิ่งใด มันเป็นพื้นที่รกร้างแห้งแล้งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่ เย่ ซีหวิน รู้สึกเสียวสันหลังความหนาวเย็นไหลผ่านจากเท้าแล่นขึ้นไปที่ศีรษะ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างของเขาสันกลัวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เย่ ซีหวิน มีลางสังหรณ์บางอย่าง เขาเลือกตัดสินใจที่จะไม่รอช้า ก่อนอื่นต้องฆ่า ม้ามังกร แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
” เจ้าไม่มีโอกาสได้เห็นมัน! “ เย่ ซีเหวิน กล่าวด้วยความเย้ยหยัน พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นเต รียมจะสังหารมัน
ทันใดนั้น เกิดรอยแตกขนาดใหญ่เปิดขึ้นบนท้องฟ้า มีมือขนาดใหญ่โผล่ออกมาคว้าจับ เย่ ซีหวิน เอาไว้ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แรงกดดันอันมหาศาลของพลังทําให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้
เย่ ซีหวิน ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ร่างของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขืนหรือหลบหนีจากมันได้ มือขนาดใหญ่นั่นค่อยๆ ดึงเขาหายเข้าไปในรอยแยก
เย่ ซีหวิน ค่อยๆ ฟื้นคืนสติหลังจากหมดสติไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ เขายังอยู่ในอาการสับสนและตื่นตระหนก ตอนนี้ชายหนุ่มพบว่าเขากําลังอยู่ยืนบนหุบเขาแห่งหนึ่ง ด้านล่างของหุบเขามีหลุมขนาดใหญ่ ภายในหลุมมีเลือดสีแดงซึ่งเลือดเหล่านี้ไหลซึมออกมาจากหุบเขา
” ตุบบ! ตุ๊บบ! ”
” ตุบบ! ตุ้บบ! “
“ ตุบบ! ตุ้บบ! ”
เสียงการเต้นของหัวใจดังขึ้นภายในจิตใจของ เย่ ซีหวิน ทุกครั้งที่เสียงการเต้นของหัวใจดังขึ้น เย่ ซีหวิน รู้สึกราวกับว่าเขากําลังยืนอยู่ในท้องของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
สักพักหนึ่ง เราก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
” นั่นใคร? ” เย่ ซีหวิน ตะโกนออกมาทันที หลังจากสัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่กําลังจ้องมองมาที่เขา
” ข้าเอง! “ มันเป็นเสียงของชายแก่ดังขึ้นมา เย่ ซีหวิน หันหน้ามองไปตามทิศทางของเสียง เขาพบชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมยาวที่สะดุดตคา เสื้อคลุมของเขามีแสงระยิบระยับเหมือนกับ มีดวงดาวเล็กๆ อยู่บนเสื้อชายชราคนนี้เป็นขุนพลศึกในยุคโบราณ เมื่อมองดูจากชุดที่เขาสวมใส่
” ท่านเป็นใคร? “ เย่ ซีหวิน กล่าวด้วยความระมัดระวัง เขารู้สึกได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ อาจเกี่ยวข้องกับชายชราคนนี้
เย่ ซีหวิน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายขอบเขตลมปราณนักปราชญ์เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายชราคนนี้ กลิ่นอายของเขาแตกต่างจากขอบเขตลมปราณระดับตํานานของ เย่ ซีหวิน อย่างสิ้นเชิง ในเวลานี้ชายชราผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ อย่างไรก็ตามนี้ไม่ใช่เรื่องดีสําหรับเขา
” ข้าถูกผนึกเอาไว้ที่ดวงดาวแห่งนี้! ” ชายชรา กล่าวออกมาเบา ๆ
เย่ ซีหวิน เต็มไปด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขารู้เพียงว่ามีสัตว์อสูรกลืนดาราถูกผนึกไว้ในดวงดาวนี้ บรรพบุรุษของสถาบันยอดยุทธพยายามต่อสู้กับสัตว์อสูรสงครามที่ชั่วร้ายและมันคือต้นเหตุที่ทําให้สถาบันยอดยุทธตกต่ำลงมาจนถึงทุกวันนี้
ในตอนนั้น ปรมาจารย์อาวุโสของสถาบันยอดยุทธได้เสียชีวิตลงไปเป็นจํานวนมาก แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ พวกเขาจึงตัดสินใจผนึกอสูรกลืนดาราเอาไว้บนดวงดาวแห่งนี้แทน ชายชราคนนี้กลับกล่าวขึ้นมาว่า เขาคืออสูรกลืนดารา จะไม่ให้ เย่ ซีหวิน ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ได้อย่างไร
แม้ เย่ ซีหวิน จะรู้ว่ามีเคล็ดวิชาลับมากมายที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ชายชราคนนี้คืออสูรกลืนดารา
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เย่ ซีหวิน ถูกชายชราจับตัวมาโดยที่เขาไม่สามารถขัดขืนได้
อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ถึงพลังของขอบเขตลมปราณนักปราชญ์จากร่างของชายชราคนนี้หากเขาเป็นจอมยุทธขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ที่ถูกส่งมาเพื่อสังหารเขา ปานนี้เขาคงตายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สถาบันยอดยุทธมีจอมยุทธขอบเขตลมปราณนักปราชญ์อยู่หลายคน อสูรกลืนดาราแค่ตัวเดียวจะสามารถทําลายล้างสถาบันยอดยุทธได้อย่างไร
ชายชราสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของ เย่ ซีหวิน ชายชรายิมเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า ” เจ้าเดาถูก! นี่ไม่ใช่ร่างหลักของข้า มันเป็นเพียงแค่ร่างอวตารของจิตวิญญาณของข้าเท่านั้น! ”
เย่ ซีหวิน สูดลมหายใจยาวเหมือนโล่งอก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากลับรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เพียงแค่เศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเขายังทรงพลังได้ถึงขนาดนี้ หากตัวเป็นๆ ร่างจริงของเขาจะน่ากลัวสักเพียงใด สิ่งนี้เกินกว่าจินตนาการของ เย่ ซีหวิน
ตอนนี้ เย่ ซีหวิน เริ่มจะเชื่อเรื่องเล่าในตํานาน อสูรกลืนดาราตัวนี้ครั้งหนึ่งเคยทําให้สถาบันยอดยุทธเกือบจะต้องล่มสลาย
” ไม่ทราบด้วยเหตุใด ผู้อาวุโสถึงต้องลําบากพาข้ามาที่นี่! “ เย่ ซีหวิน กล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นประสานกันด้วยความเคารพ
เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างระมัดระวังคําพูด อสูรกลืนดาราตัวนี้ครั้งหนึ่งเกือบจะกวาดล้างสถาบันยอดยุทธมาแล้ว หากทําอะไรทุ่มบ่ามในเวลานี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณของเขาก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอมยุทธขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ เย่ ซีหวิน ในเวลานี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับเขาได้
” ผู้อาวุโสต้องการให้ข้าช่วยท่านหลุดพ้นจากปัญหาหรือไม่ “ เย่ ซีหวิน กล่าวพร้อมกับเหลือบตามองไปที่ชายชรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขายอมตายดีกว่าที่จะปล่อยเขาจากผนึก ไม่ใช่ว่า เย่ ซีหวิน มีจิตสํานึกสูงส่ง หากเป็นคนอื่นๆ พวกเขาก็จะทําเช่นกัน อสูรกลืนดารานั้นแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วไป สัตว์อสูรเหล่านี้กินดวงดาวเป็นอาหาร พวกมันสามารถกลืนกินดาวดวงขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ได้ ทุกครั้งที่พวกมันกลืนกินดาวดวง ความแข็งแกร่งของพวกมันจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากอสูรกลืนดาราตัวนี้หลุดออกมาได้โลกแห่งวรยุทธจะต้องตกอยู่ในอันตราย เย่ ซีหวิน คงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวคนเดียว โลกแห่งวรยุทธทั้งหมดจะถูกทําลาย
ชายชราส่ายหัว พร้อมกับกล่าวว่า “ ความแข็งแกร่งของเจ้าในปัจจุบันไม่สามารถทําลายผนึก ที่กักขังร่างของข้าได้ แม้ว่าเจ้าจะกลับไปฝึกฝนต่ออีกหนึ่งพันปี หรือสองพันปีก็ไร้ประโยชน์ ความแข็งแกร่งของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป! ”
เย่ ซีหวิน ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความขุ่นเคืองแต่อย่างใดๆ ตอนนี้เขา ยังอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับอสูรกลืนดาราที่อยู่ในขอบเขตลมปราณนักปราชญ์แล้ว เขาไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้นจริงๆ
“ แต่อย่างไรก็ตาม นานๆ จะมีใครสักคนเข้ามาที่นี่ ข้าจะลองเสี่ยงเดิมพันกับเจ้าดูสักครั้ง แต่ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและความสามารถของเจ้า หากเจ้าสามารถฝึกสําเร็จจนบรรลุขอบเขตลมปราณนักปราชญ์ได้ในชั่วชีวิตนี้ ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้า! ” ชายชรา เหลือบมองไปที่ เย่ ซีหวิน ด้วยแววตาเหมือนจะไม่แยแสเล็กน้อย
เย่ ซีหวิน ฟังชายชราพูดโดยไม่กล่าวอะไร ในความเป็นจริงแล้ว พรสวรรค์และชาติกํา เนิดของเขาไม่อาจเทียบได้กับคนที่มีร่างกายพิเศษเหล่านั้น แม้ว่าจะเทียบกับ หลัว ยี่หาน ก็ยัง นับว่าห่างไกลเกินตัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ และนั่นคือความจริง
ผู้คนต่างมีภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของตน อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเป็นพวกที่หยิ่งยโสไม่ยอมรับความพ่ายแพ้มาตลอดทั้งชีวิต การปีนป่ายขึ้นไปเพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นยืนอยู่บนจุดสุดยอดของศิลปะการต่อสู้ บางครั้งอาจจะต้องใช้ทั้งความมุ่งมั่น และความเย่อหยิ่งเป็นแรงผลักดัน แต่ความเย่อหยิ่งนี้กลับทําให้หลายคนสับสน พวกเขาเลือกที่มองข้ามข้อเท็จจริงจนกลายเป็นพวกหลงผิด และมองไม่เห็นความจริงว่าสิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด