Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 101
ตอนที่ 101 ดอนนี่ จิลล์
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของชายคนนั้นทําให้ทุกคนในห้องประชุมเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา ชายคนนั้นร้องไห้ไม่หยุดในขณะที่ร่างกายของเขาเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว และไม่นานร่างกายของเขาก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ทําให้นักเรียนที่อยู่รอบ ๆ ตัวของชายคนนั้นรีบพากันวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก ในขณะเดียวกันฟิทซ์และเจมมาก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“รีบหาช่องว่างภายในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกแช่แข็ง เพราะเราจําเป็นที่จะต้องฉีดกลูโคสเพื่อเพิ่มจุดเยือกแข็งตามธรรมชาติภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว” เจมมาพูดขึ้นพร้อมกับเปิดกล่องเครื่องมือ
“ฉันคิดว่าเราอาจจะต้องใช้เครื่องมือ!” ฟิทซ์พูดขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับมองไปที่ชายคนนั้น
ร่างกายของชายคนนั้นถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมด แล้วมันจะไปมีช่องว่างโผล่ออกมาได้อย่างไร
เจมมาหยิบสว่านออกมาและส่งมันให้กับฟิทซ์ แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่าอุณหภูมิรอบ ๆ ตัวของพวกเขามันร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทําให้พวกเขารีบเงยหน้าขึ้นไปมองโดยไม่รู้ตัว และพวกเขาก็เห็นว่าซู่เจินกําลังเดินเข้ามาพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปรากฏอยู่บนมือของเขา
ซึ่งตอนแรกเจมมาและฟิทซ์คิดว่าซู่เจินจะใช้เปลวเพลิงที่อยู่ในมือของเขาในการละลายน้ำแข็ง แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบอลเพลิงบินออกมาจากมือของซู่เจินอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปยังรูปปั้นน้ำแข็งของชายคนนั้นพร้อมกับค่อย ๆ เกาะติดไปที่รูปปั้นน้ำแข็ง
ชี่ชี่ชี่…
เสียงการละลายของน้ำแข็งค่อย ๆ ดังขึ้น และไม่นานน้ำแข็งตรงที่โดนบอลเพลิงของซู่เจินก็ค่อย ๆ เริ่มละลายหายไป
” ขนาดใหญ่พอไหม?”
ซู่เจินหันไปถามกับเจมมา
เจมมาพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับรีบหันไปฉีดกลูโคสให้กับชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันบอลเพลิงของซู่เจินก็ค่อย ๆ บินหายไปใต้เก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับมีเสียงดังโครมครามดังขึ้นมา ราวกับว่ากําลังมีอะไรบางอย่างกําลังแตกออก
ทําให้สกายรีบเดินเข้าไปดูทันที และเธอก็พบว่าใต้เก้าอี้ตัวนั้นมันมีอุปกรณ์อะไรบางอย่างกําลังวางอยู่ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ทําให้ชายคนนั้นถูกแช่แข็งอย่างแน่นอน
“ตูม!”
ในขณะที่อุปกรณ์ตัวนั้นมันพังลง น้ำแข็งบนร่างกายของชายคนนั้นก็ค่อย ๆ แตกออกและเริ่มละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว
“แฮก ๆ …”
ทันทีที่ชายคนนั้นหลุดออกมาจากน้ำแข็ง ตัวของเขาก็ทรุดลงกับพื้นทันที พร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง โดยที่ใบหน้าของเขายังถูกปกคลุมเต็มไปด้วยน้ำแข็งอยู่เล็กน้อย
” คุณไม่เป็นอะไรแล้ว ใจเย็น ๆ “ ฟิทซ์ค่อย ๆ พูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพื่อปลอบประโลมเขา
ชายคนนั้นค่อย ๆ ตั้งสติพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นมาจากนักเรียนที่อยู่รอบ ๆ เพราะเมื่อพวกเขาเห็นว่าซู่เจินและคนอื่น ๆ สามารถช่วยชีวิตของชายคนนั้นเอาไว้ได้ มันก็ทําให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมากจนบอกไม่ถูก ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแสดงออกมาอย่างไรดี ทําให้พวกเขาจึงทําได้เพียงแต่ปรบมือขึ้นมาเพื่อแสดงความขอบคุณที่ซู่เจินและคนอื่น ๆ ได้ช่วยเหลือชีวิตของผู้ชายคนนั้นเอาไว้
“คุณชื่ออะไร ?” ซู่เจินหันไปถามชายคนนั้น
” ดอ… ดอนนี่”
“คุณรู้ไหมว่าใครต้องการที่จะฆ่าคุณ ?”
“ไม่… ฉันไม่รู้”
ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาและไม่ได้ถามอะไรขึ้นมาอีก เพราะว่าตอนนี้มันยังมีคนอยู่รอบ ๆ เยอะเกินไป หลังจากนั้นซู่เจินก็ปล่อยตัวของดอนนี่กลับไปเพื่อให้เขาไปพักผ่อน ซึ่งในขณะที่ดอนนี่กําลังเดินจากไปขู่เจินก็จ้องมองไปที่ดอนนี่เล็กน้อยด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง
” คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม ? เอ่อ … ฉันหมายถึง … คุณมองเห็นอะไรบ้างไหม? “ เจมมาเดินเข้าไปถามกับซู่เจิน
ซู่เจินคิดอยู่สักพักหนึ่งและค่อย ๆ ส่ายหัวออกมาเบา ๆ
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้ เพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งหลักฐานก็คืออุปกรณ์ชิ้นนี้มันมีลักษณะเหมือนกับอุปกรณ์ชิ้นนั้นที่อยู่ในความทรงจําของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเข้าไปแทรกแซงเกี่ยวกับมันสักเท่าไหร่ในตอนนี้
เจมมารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าความสามารถในการทํานายอนาคตของซู่เจินมันเคยช่วยทําให้ภารกิจในหลาย ๆ ครั้งของเธอมันสําเร็จไปด้วยดี และยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้มันยังเกิดขึ้นในวิทยาลัยเอจิส ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอเคยเรียนมาก่อน
” แล้วตอนนี้ฉันควรทําอย่างไรดี ?” เจมมาถามขึ้นมาด้วยความสับสน
“พวกเราลองไปถามนักเรียนคนอื่น ๆ และอาจารย์ที่อยู่รอบ ๆ ดูอีกครั้ง เพื่อว่ามันจะเจอเบาะแสอะไรบ้าง”
“ตอนนี้พวกเราทําได้เพียงแค่นี้สินะ!”
พวกเขาค่อย ๆ แยกย้ายกันไปสอบถามข้อมูลจากคนที่อยู่รอบ ๆ ทันที และไม่นานหลังจากนั้นซู่เจินและฟิทซ์ก็เดินทางมาถึงห้องนอนแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกฟิทซ์กะว่าจะมาที่นี่เพียงคนเดียวเพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง แต่ซู่เจินก็จงใจแอบตามฟิทซ์มาเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการจะดําเนินไปได้อย่างราบรื่น และเมื่อเขาเห็นว่าฟิทซ์เดินเข้าไปในห้องของดอนนี่เรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ดอนนี่ , ดอนนี่ จิลล์ อัจฉริยะที่มีไอคิวสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบภายในวัย 18 ปี และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เก่งเท่ากับฟิทซ์และเจมมา แต่เขาก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นในวัยเพียงแค่นี้ เพราะว่าเขาสามารถเรียนจบได้อย่างรวดเร็ว และเข้าทํางานกับ “แซนด์บ็อกศ์”
และเนื่องจากการที่เขาเป็นอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงมาก บวกกับการที่เขาเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวมันตั้งแต่เด็ก ทําให้ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่วิทยาลัยเอจิส เขายังไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน
และไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เซธได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่สระว่ายน้ำกลายเป็นน้ำแข็งหรือแม้กระทั่งตอนที่ดอนนี่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง แท้จริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งในแผนการเท่านั้น เพราะว่าเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันมีขนาดเล็กมาก และถ้าเกิดว่าเขาสามารถใช้มันได้ถูกจุดความเสี่ยงต่าง ๆ มันก็จะหายไป ซึ่งที่ดอนนี่เลือกลงมือทําเช่นนี้ก็เพราะว่าเซธมีนักลงทุนอยู่คนหนึ่งที่ต้องการสร้างอุปกรณ์ตัวนี้ที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากกว่าขึ้นมาเพื่อขายเอาเงิน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีปัญหาด้านแหล่งพลังงานอยู่ดี ทําให้เขานึกถึงฟิทซ์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดานักเรียนทั้งหมดของวิทยาลัยเอจิสแห่งนี้
และเนื่องจากที่อุปกรณ์ตัวนี้มันมีการออกแบบมาจากฟิทซ์ ทําให้ฟิทซ์จะต้องส่งเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ไปตรวจสอบอย่างแน่นอน เพราะว่าจริง ๆ แล้วฟิทซ์และดอนนี่เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะคล้ายกันมาก เพราะว่าพวกเขาก็ถือว่าเป็นคนจําพวกที่มีไอคิวสูงหรือที่เรียกกันว่าอัจฉริยะ ทําให้พวกเขาไม่ค่อยจะมีเพื่อนเหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป ดังนั้นดอนนี่จึงสามารถใช้ทักษะทางด้านจิตวิทยาในการขอร้องให้ฟิทซ์ช่วยแก้ปัญหาในด้านของแหล่งพลังงานของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ได้
บวกกับการที่เขาถูกแช่แข็งก่อนหน้านี้ มันก็ทําให้เขาสามารถคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเขาไปได้โดยปริยาย
หลังจากที่ฟิตซ์เดินเข้าไปด้านในห้องของดอนนี่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ถามสถานการณ์คร่าว ๆ เกี่ยวกับตัวของดอนนี่ขึ้นมาทันที ซึ่งในขณะเดียวกันทางด้านของซู่เจินก็เดินไปถามนักเรียนอีกสองสามคน หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ข้าง ๆ ที่ไม่มีคนอยู่ พร้อมกับจับตาดูการเคลื่อนไหวจากห้องนอนของดอนนี่อย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา และเมื่อเขามองไปเขาก็พบว่าเป็นเซธที่กําลังเดินเข้ามาในห้องของดอนนี่ “เอ่อ… ปกติแล้วเซธจะมาหาดอนนี่หลังจากฟิทซ์กลับไปแล้วไม่ใช่หรอ ? หลังจากนั้นพวกเขาก็จะช่วยกันแก้ปัญหาด้านแหล่งพลังงาน เพื่อทําให้ฟิทซ์ตกตะลึงและเปิดเผยตัวตนของพวกเขาไม่ใช่หรอ ? ”
ซู่เจินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะว่ามันค่อนข้างจะแตกต่างกับสิ่งที่มันควรจะเป็น
หลังจากผ่านไปครึ่งวันซู่เจินก็เห็นว่าเซธและดอนนี้กําลังเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับอุปกรณ์อะไรบางอย่าง ทําให้ซู่เจินรีบผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของดอนนี่อย่างรวดเร็ว และเขาก็พบว่าฟิทซ์กําลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น
ซู่เจินเหลือบมองไปที่ฟิทซ์ด้วยความโล่งอกเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ช่วยเหลือฟิทซ์พร้อมกับรายงานให้กับคนอื่น ๆ ทราบ ซึ่งสําหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ซู่เจินอยากจะขอโทษกับฟิทซ์จริง ๆ เพราะถึงอย่างไรฟิทซ์ก็เคยช่วยเหลือเขาเอาไว้มากมาย แถมเขายังสร้างชุดประจําทีมของเขาให้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นซู่เจินก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ไม่งั้นดอนนี่จะไม่กลายเป็นตัวตนที่เขาต้องการ
ในขณะเดียวกันเซธและดอนนี่ในตอนนี้ก็กําลังวิ่งหนีไปพร้อมกับอุปกรณ์ตัวนั้น เพื่อหลบหนีจากการที่ SHIELD กําลังตามล่าตัวของพวกเขาอยู่
ซู่เจิน และคนอื่น ๆ เดินทางกับไปที่ยานบินเพื่อไปสมทบกับโควสันและเมย์ที่เพิ่งกลับมาจากการทําภารกิจ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นอย่างไร
และหลังจากที่ฟิทซ์ตื่นขึ้นมาเขาก็ดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธดอนนี่อาจจะเป็นเพราะว่าดอนนี้เป็นคนที่คล้าย ๆ กับเขา ทําให้เขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของดอนนี่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนที่เขาโกรธจริง ๆ ก็คือเซธที่คอยชักจูงดอนนี่อยู่เบื้องหลัง!
“อุปกรณ์ชิ้นนี้มันอันตรายมาก เราจะต้องรีบหาตัวของเขาให้พบโดยเร็วที่สุด” โควสันพูดขึ้นมาด้วยความจริงจัง
ซู่เจินครุ่นคิดสักพักและพูดว่า ” ผมไปเอง”
“คุณรู้งั้นหรอว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ?”
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้
ผมรู้แล้ว!” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม