Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 127
ตอนที่ 128 เลขา
ซูเจินพูดขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ส่วนทางด้านของอีเดนก็เริ่มวิตกกังวล เพราะเธอก็ไม่คิดว่าเป้าหมายที่เธอเลือกเขาจะไม่ถูกเธอสะกดจิต บวกกับการที่เขาหลอกเธอให้มาที่นี่ แล้วไหนจะห้องขังที่สร้างขึ้นมาจากพลังงานสีเข้มแบบนี้อีก อีเดนไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครกันแน่
และเมื่อเธอเห็นว่าซูเจินกําลังนั่งดื่มอยู่อย่างสบาย ๆ เธอก็ค่อย ๆ สงบสติลง เพราะเธอรู้ดีว่าเขาจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าเธออย่างแน่นอน ดังนั้นการที่เขาจะจัดการกับเธอมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ และถ้าเกิดว่าเธอไม่ไปทําอะไรให้เขาหงุดหงิด บางที …. เขาอาจจะไม่ทําอะไรเธอก็ได้ ?
“ผมบอกแล้วว่าคุณอาจจะต้องการมัน จริงไหม ?” เมื่อเห็นว่าอีเดนสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว ซูเจินก็เดินเข้าไปหาเธอใกล้ ๆ พร้อมกับแก้วไวน์ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแก้วไวน์ให้กับเธอผ่านรูที่เข้าสร้างขึ้นมา อีเดนลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะหยิบแก้วไวน์มาจากมือของซูเจิน ทันใดนั้นรูบนห้องขังก็ค่อย ๆ ปิดลง เอเดนหยิบไวน์ขึ้นมาดมเล็กน้อยก่อนที่จะจิบมันเบา ๆ
เธอดื่มมันเข้าไปด้วยความกังวลเล็กน้อย ไวน์แดงค่อย ๆ ไหลลงไปที่มุมของปากแก้ว พร้อมกับไหลเข้าไปในคอของเธอ พร้อมกับความรู้สึกที่ลึกล้ำที่เธอสัมผัสได้จากการดื่มไหว ทําให้ซูเจินไม่สามารถละสายไปจากเธอได้ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับถามเธอขึ้นมาว่า “พวกเรามาคุยกันหน่อยดีกว่าว่า … คุณสะกดรอยตามผมทําไม ?”
“มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ ? เพราะเมื่อฉันเห็นว่าคุณใช้เงินไปมากมายขนาดนั้น การที่คุณจะตกเป็นเป้าสนใจของคนอื่น ๆ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ ? ฉันก็แค่เลือกที่จะลงมือเร็วกว่าคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น” อีเดนพูดขึ้นมา
“แล้วจุดประสงค์ของคุณคืออะไร ? เพื่อเงิน ? เพราะด้วยความสามารถของคุณ การหาเงินมันน่าจะเป็นเรื่องง่ายดายสําหรับคุณ และผมก็คิดว่าเงินมันน่าจะไม่มีความสามารถสําหรับคุณจริงไหม ?” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย แน่นอนว่าความสามารถในการสะกดจิตของเธอมันไม่ได้อ่อนแอ และไม่ว่าเธอจะต้องการอะไร เธอก็จะสามารถหามันมาได้อย่างง่ายดาย และเงินมันก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษสําหรับเธอ ดังนั้นเหตุผลนี้มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย
“เพราะว่าฉันต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วง”
อีเดนยักไหล่เล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมาต่อว่า “แล้วที่นี้คุณจะปล่อยฉันไปได้หรือยัง ?”
“ผมปล่อยคุณไปแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก่อนหน้านั้นผมยังมีคําถามถามกับคุณอยู่อีกมากมาย”
ซูเจินหยิบขวดไวน์ขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่อีเดนและพูดว่า “ถ้าผมจําไม่ผิด คุณน่าจะเป็นผู้ช่วยของเบนเน็ตต์ ที่เป็นศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์ และเป็นคนอินเดียวไม่ใช่หรอ ?”
“ใครคือเบนเน็ตต์ ?” อีเดนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน และเธอก็ไม่รู้ว่าทําไมซูเจินถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา “คุณ ฉันยอมรับผิดเรื่องที่ฉันหลอกหลวงคุณ แต่เรื่องของศาสตราจารย์เบนเน็ตต์ ฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด!”
และหลังจากที่ซูเจินสังเกตท่าทางของเธอก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โกหก หรือว่าเนื้อเรื่องมันจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ? ถึงแม้ว่าความสามารถในการควบคุมจิตใจของเขามันจะยังไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราว แต่เธอก็ไม่มีความจําเป็นที่จะต้องโกหกเขา และถ้าเกิดว่าเธอโกหกจริง ๆ ชาวเฮติก็น่าจะรู้จักเกี่ยวกับตัวตนของเธออย่างแน่อน!
“บางทีผมอาจจะจําผิด แต่คุณก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ใช่ไหม ? ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีเป้าหมายอะไรสักอย่าง ?” ซูเจินถามขึ้นมา
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง คุณรู้จักฉันมาก่อนอย่างงั้นหรอ ?” อีเดนถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นสีหน้าของเธอก็ดูหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย และดูเหมือนว่าเธอจะโกรธเขาด้วย ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธเล็กน้อยว่า “คุณรู้อะไรไหม .. คุณไม่ใช่ตัวฉัน ดังนั้นอย่าได้พูดอะไรออกมาเหมือนกันว่าคุณรู้จักฉันเป็นอย่างดี!”
“คุณอย่าโกรธผมไปเลย เพราะว่า … มันค่อนข้างที่จะน่าเสียดายถ้าเกิดว่าน้ำเสียงที่ไพเราะของคุณมันจะต้องเต็มไปด้วยความโกรธแบบนี้” ซูเจินพูดขึ้นมาอย่างนุ่มนวลพร้อมกับค่อย ๆ ปลอบประโลมให้อีเดนสงบลง
ทันใดนั้นซูเจินก็โบกมือของเขาขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับห้องขังที่หายไปทันที และค่อย ๆ พูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “วันนี้ถือว่าคุณโชคดีนะ ถ้าเกิดว่าคุณเจอผมเมื่อวานนี้ ความสามารถของคุณคงจะถูกผมกลืนกินไปแล้วอย่างแน่นอน หลังจากนั้นคุณก็จะกลายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่จะต้องทํางานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจําวัน”
” คุณหมายความว่ายังไง คุณ … คุณสามารถกลืนกินความสามารถของฉันได้อย่างงั้นหรอ ?” อีเดนถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ”
ซูเจินยักไหล่พร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ใช่ แต่มันก็ยังมีอีกคน ๆ หนึ่งที่ทําแบบผมได้เช่นเดียวกัน แต่วิธีการของผมมันค่อนข้างที่จะโอนโยน ส่วนวิธีการของเขาเขาจะต้องฆ่าคนที่มีความสามารถคนนั้นให้ตายเพื่อที่จะแย่งชิงความสามารถของคน ๆ นั้นมา ทําให้เขาคนนี้เป็นคนที่อันตรายยิ่งกว่าผมซะอีก และเขาก็น่าจะเล็งความสามารถของคุณเอาไว้เช่นกัน แต่สําหรับผมแล้ว ความสามารถของคุณมันไม่ค่อยจําเป็นสักเท่าไหร่ ดังนั้นในตอนนี้เขาก็อาจจะแอบสะกดรอยตามคุณอยู่ที่ไหนก็ได้ในตอนนี้”
” แล้วจุดประสงค์ของคุณคืออะไรกันแน่!”
ให้คุณมาเป็นคนติดตามของผม” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
” เพราะอะไร ?” อีเดนถามขึ้นมาอย่างสงสัย ” เพราะด้วยความแข็งแกร่งของคุณ มันไม่น่าจะจําเป็นที่จะต้องการฉันไปติดตามคุณเลยจริงไหม ?”
“ในตอนนี้ผมมีลูกน้องอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเขาก็เป็นคนที่เรียบร้อยมาก แต่ .. เขาก็เป็นผู้ชาย และถ้าเทียบกันแล้ว เขาก็เปรียบเสมือนคนขับรถและบอดี้การ์ดของผม แต่ในตอนนี้ผมต้องการเลขาสาวเท่านั้น” ซูเจินเงียบไปครู่หนึ่งและค่อย ๆ พูดขึ้นมาต่อว่า “อย่างน้อยมันก็จะทําให้ผมรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แค่นี้อย่างงั้นหรอ ?” อีเดนยังไม่เชื่อคําพูดของซูเจินทั้งหมด และในเมื่อความสามารถของเธอมันไม่มีประโยชน์กับเขา แล้วจุดประสงค์จริง ๆ ของเขามันคืออะไรกันแน่ ?
เรื่องระหว่างชายหญิง ?
เพราะว่ามันสามารถโยงไปในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
“มันยังไม่พออย่างงั้นหรอ ? ถ้าเกิดว่าคุณต้องการอย่างอื่น ผมก็มักจะได้ยินคนอื่นพูดกันว่าเลขามักจะทําอะไรบางอย่างกับ เอ่อ …” ซูเจินจงใจหยุดและไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ถึงอย่างนั้นอีเดนก็เข้าใจความหมายของมัน
“ผมจะให้เวลาคุณคิดดู และผมก็หวังว่าคุณจะยอมติดตามผมชั่วคราวไปก่อน และหลังจากที่คุณมั่นใจแล้วก็ค่อยให้คําตอบกับผมในภายหลัง ซึ่งผมก็หวังว่าผมจะเจอคุณมารออยู่ที่นี่ในวันพรุ่งนี้” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณกล้าปล่อยฉันไป ? คุณไม่กลัวว่าฉันจะหนีไปอย่างงั้นหรอ ?”
“คุณเลขา! ถ้าเกิดว่าผมต้องการจริง ๆ มันก็ยังมีผู้หญิงสวย ๆ อีกมากมายที่เต็มใจที่จะทํางานนี้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดว่าผมต้องการตามหาใครสักคน ต่อให้คน ๆ นั้นจะหนีไปสุดขอบโลก ผมก็สามารถหาเขาเจอได้อยู่ดี!”
อีเดนยื่นอยู่เงียบ ๆ ราวกับว่าเธอกําลังครุ่นคิดอยู่
ทันใดนั้นซูเจินก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ทําให้เขาเปลี่ยนพลังงานให้กลายเป็นฝ่ามือหลังจากนั้นเขาก็บังคับให้มันไปเปิดประตู
และหลังจากที่ชาวเฮติเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อเขาสังเกตเห็นอีเดนที่กําลังยืนอยู่ภายในห้อง สีหน้าของชาวเฮติเริ่มดูอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขารู้ได้ในทันทีเลยว่าเขามาขัดขวางความสุขของซูเจิน และเมื่อซู่เจินเห็นท่าทางของชาวเฮติ เขาก็รู้ได้ในทันทีเลยว่าชาวเฮติไม่ได้รู้จักกับเธออย่างแน่นอน และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขาอย่างแน่นอน
“ฉันจะพิจารณาเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง”
อีเดนพูดขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลง หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
และหลังจากที่เธอเดินมาถึงด้านล่างของโรงแรม เธอก็พบว่าซูเจินและชาวเฮติไม่ได้ตามเธอมาทําให้เธอรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก และรีบเดินออกจากโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว
นายคิดว่าไงเธอเป็นไง ? เธอมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นเลขาใช่ไหม ?” ซูเจินหันไปถามกับชาวเฮติด้วยรอยยิ้ม
ชาวเฮติไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้ว … มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของซูเจินอยู่ดี!