Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 108
ตอนที่ 108 ส่งบิลมาให้ผมในภายหลัง
“งั้นข้าขอตัวกลับไปที่แอสการ์ดก่อน เพราะถึงยังไงข้าก็ยังจะต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านพ่อของข้าอีก และถ้าเกิดว่าเจ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็มาหาข้าได้ที่แอสการ์ดในฐานะแขกของข้า แล้วก็….ซิฟคิดถึงเจ้ามากเธอมักจะถามเกี่ยวกับเจ้าอยู่บ่อย ๆ กับเฮมดอลล์ “ หลังจากธอร์พูดจบเขาก็เดินไปยังสถานที่โล่ง ๆ พร้อมกับตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นาน ….ก็มีลําแสงพุ่งลงมาที่ธอร์และพาตัวของเขาไปทันที
หลังจากที่ธอร์จากไปเอลเลียตแรนดอล์ฟก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ทําให้เขารีบหันไปขอบคุณซู่เจินอย่างรวดเร็ว
“หึ่ง!”
มีเสียงของกลไกขนาดใหญ่ดังขึ้นมา ทําให้ซู่เจินเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่ ยานบรรทุกเครื่องบินของ SHIELD ที่กําลังบินมาจากระยะไกล หลังจากนั้นไม่นานมันก็มียานบินขนาดเล็กบินลงมาและจอดลงไม่ไกลจากพวกซู่เจินมากนัก
นิคฟิวรี่ค่อย ๆ เดินลงมาจากยานบินขนาดเล็กลํานั้นพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาจริง
“ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่!”
ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับยืนมองไปที่ท่าทางของนิคฟิวรี่ ซึ่งภารกิจในครั้งนี้เขาเป็นคนสั่งการด้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
“แล้วโทนี่หายไปไหน?”
แม้ว่าซู่เจินจะขี้เกรียจอธิบายให้กับนิคฟิวรี่ฟัง แต่สําหรับสตีฟโรเจอส์และคนอื่น ๆ แล้วพวกเขาไม่ค่อยถนัดกับการเผชิญกับนิคฟิวรี่สักเท่าไหร่ ทําให้พวกได้แต่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับพวกเขาฟัง และหลังจากฟังเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิคฟิวรี่ก็ถามขึ้นมาทันที
ในขณะเดียวกันทุกคนก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ไอรอนแมนไม่ได้อยู่กับพวกเขาที่นี่ ? และเมื่อพวกเขาลองนึกดูก็พบว่าก่อนหน้านี้โทนี้ได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป ก่อนที่ธอร์และเอลเลียต แรนดอล์ฟจะทําการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ทําให้บริเวณรอบ ๆ ถึงกับพังพินาศย่อยยับ และในตอนนั้นซู่เจินก็ได้พาพวกเขาขึ้นไปบนตึกที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยลืมโทนี่ไปซะสนิทราวกับว่า เขาไม่ได้สนใจโทนี่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่ออาคารถล่มซู่เจินจึงทําได้แต่ช่วยเหลือพวกเขา และเลือกที่จะเมินเฉยโทนี่ไปเพราะว่าตอนนั้นมันกําลังเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรง
” พระเจ้า!” สตีฟโรเจอร์สตะโกนขึ้นมา
“ไอ้บ้าเอ้ย เขายังไม่ตายใช่ไหมนั่น ?” ฮอว์กคอายก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปหาร่างของโทนี่ในซากปรักหักพังทันที
นาตาชามองไปที่ซูเงินด้วยความหมายอันลึกซึ้งพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “คุณจงใจทําใช่ไหม?”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิด ซึ่งนาตาชาก็เดาได้ในทันทีเลยว่ามันเป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ หลังจากที่เธอได้เห็นรอยยิ้มของซู่เจิน “คนบ้าอะไรขี้เหนียวชะมัด”
ทันใดนั้นนาตาชาก็นึกถึงเปปเปอร์ขึ้นมาและโค้งริมฝีปากของเธอขึ้นมาอย่างลับ ๆ
นิคฟิวรี่เดินเข้าไปหาซูเงินและพูดว่า ” คุณสามารถมอบมีดทั้งสองอันนั้นให้กับฉันได้ไหม ? เพราะถึงยังไง …. การมีอยู่ของมันก็เป็นอันตรายมากเกินไป และถ้าเกิดว่าคุณถูกใครบางคนควบคุมขึ้นมา มันอาจจะทําให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาก็ได้!”
“คุณยังไม่ตื่นนอนงั้นเหรอ?”
ซู่เจินมองไปที่นิคฟิวรี่และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะ ?”
“เอ่อ … ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ และฉันก็เชื่อว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากมีดทั้งสองเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น … คุณช่วยมอบตัวของเขาให้กับฉันได้ไหม?” นิคฟิวรี่ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมีดทั้งสองเล่มนั้นอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะนี่ก็เป็นเพียงแค่เทคนิคในการเจรจากับเป้าหมายของเขานั้นก็คือเอลเลียตแรนดอล์ฟ
ซึ่งตอนแรกนิคฟิวรี่ก็ไม่ได้คาดหวังเช่นกันว่าจะมีชาวแอสการ์ดซ่อนตัวอยู่บนโลก แถมเขายังเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งมาก ๆ อีกด้วย
ถึงแม้ว่านิคฟิวรี่จะไม่เคยเห็นพลังของไม้เท้าเบอร์เซิร์กเกอร์มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ซึ้งถึงพลังของมีดคู่แห่งความกลัวเป็นอย่างดี ดังนั้นด้วยพรสวรรค์ของเอลเลียตแรนดอล์ฟที่สามารถสร้างอาวุธแบบนี้ขึ้นมาได้ แล้วเขาจะปล่อยตัวของชายคนนี้ไปได้อย่างไร ?
” ทําไม?” ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยความสนใจ
นิคฟิวรี่รีบพูดขึ้นมาทันทีเลยว่า “เขาเป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างมาก และเขาก็เพิ่งทําลาย เมืองแห่งนี้จนพังพินาศย่อยยับ ดังนั้นฉันจึงจําเป็นที่จะต้องพาเขากลับไปที่ SHIELD พร้อมกับเหตุผล ..”
“คุณไม่เข้าใจคําถามของผมอย่างงั้นหรอ ? เพราะที่ผมถามคุณมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการที่คุณจะจับตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งที่ผมอยากจะถามกับคุณจริง ๆ ก็คือทําไมคุณถึงคิดว่าผมจะปล่อยตัวของเขาให้กับคุณไป ? คุณไม่รู้หรอว่าขนาดธอร์ก็ยังไม่สามารถพาตัวของเขาไปได้ แล้วคุณคิดว่าตัวของคุณเอง … จะทําได้งั้นหรอ ? “ ที่ซู่เจินพูดขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาต้องการยั่วยุ นิคฟิวรี่หรือคิดว่าตัวเองเก่งมากพอจนหยิ่งผยองได้ แต่มันเป็นเพราะว่าสิ่งที่เขาพูดขึ้นมามันเป็นความจริงทั้งหมด
” แต่ว่า ” นิคฟิวรี่ขมวดคิ้วขึ้นมาและเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ถูกซู่เจินพูดขัดขึ้นมาก่อนว่า “คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะนอกจากการที่เขา จะยอมไปด้วยตัวของเขาเองแล้ว มันจะไม่มีใครที่สามารถพาตัวของเขาไปได้ ถ้าเกิดว่าผมยังอยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่คุณต้องการพาตัวของเขาไปมันก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่คุณพูดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะว่าเขามีฝีมือเก่งมากใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เพราะว่าตอนนี้ที่นี่มันพังพินาศย่อยยับขนาดนี้!”
นิคฟิวรีถึงกับพูดไม่ออก
“ซึ่งจริง ๆ แล้วหายนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันก็มีสาเหตุมาจากคุณเช่นกัน ถ้าเกิดว่าคุณไม่ให้พวกเขาไปตามหาตัวของแอลเลียตแรนดอล์ฟอย่างกะทันหัน เขาก็คงไม่รีบหยิบมีดคู่แห่งความกลัวขึ้นมาด้วยความตกใจ และเขาก็จะไม่ถูกควบคุมโดยมีดคู่แห่งความกลัวอย่างแน่นอน แต่ถึงยังไงเมืองทั้งเมืองมันก็ถูกทําลายโดยมีดคู่แห่งความกลัวทั้งสองอันนี้อยู่ดี ดังนั้นคุณสามารถส่งใบเรียกเก็บเงินมาให้กับผมได้สําหรับการก่อสร้างเมืองนี้ขึ้นมาใหม่ … คุณค่อยส่งมาให้กับผมในภายหลังก็แล้วกัน”
ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในครั้งนี้มันจะมากมายมหาศาล และซู่เจินก็เลือกที่จะไม่จ่ายมันก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากสําหรับมีดคู่แห่งความกลัวทั้งสองเล่มนี้ ดังนั้นเขาจึงมีความสุขถึงแม้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินออกไปจํานวนมากมายก็ตาม
“เยี่ยม! เราเจอเขาแล้ว … ซู่เจินมาช่วยพวกเราหน่อยเร็วเข้า!”
ทันใดนั้นสตีฟโรเจอส์ก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ซู่เจินยังไม่ได้เดินไปหาพวกเขาในทันที แต่เขากับมองไปที่นิคฟิวรี่ที่กําลังทําอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นไม่นานนิคฟิวรี่ก็ทําได้เพียงแต่พยักหน้าขึ้นมาและพูดว่า ” ฉันจะส่งใบเก็บเงินไปให้กัคุณในภายหลัง”
ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินจากไป
เอลเลียตแรนดอล์ฟรีบเดินตามซูเงินไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าไม่มีใครนอกจากซูเงินที่สามารถปกป้องความปลอดภัยของเขาได้อีกแล้ว
“อย่ามองมาที่ฉัน เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่ฉันทําได้เลย แถมเขายังมีผู้หญิงอีกมากมาย ไม่ใช่มีแค่ฉันคนเดียวสักหน่อย!” เมื่อเห็นว่านิคฟิวรี่กําลังมองมาที่ตัวเอง นาตาชาก็หยักไหล่ขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มและรีบเดินตามซูเงินไปทันที
โชคดีที่โทนี่สวมชุดเกราะของไอรอนแมนเอาไว้ ทําให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย หลังจากนั้นซู่เจินก็เอามีดเล่มสีเงินแตะไปที่ด้านหลังของโทนี่เบา ๆ เพื่อดูดกลืนพลังงานแห่งความกลัวที่อยู่ภายในร่างกายของโทนี่ และซู่เจินก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อเหตุการณ์ในครั้งนี้มันจบลงเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องจากไปแล้ว เอ่อ .. สตีฟคุณจําเรื่องที่ผมเคยบอกเอาไว้กับคุณคราวก่อนได้ไหม ? อย่าลืมมาหาผมล่ะ ถ้าเกิดว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ!”
หลังจากที่ซู่เจินหันไปพูดกับสตีฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ควบคุมพลังงานให้ไปห่อหุ้มร่างกายของเอลเลียตแรนดอล์ฟเอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็บินหายไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ส่วนเรื่องของผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้น SHIELD จะเป็นคนที่คอยจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง
“คุณจะทําอะไรต่อหลังจากนี้?”
ซู่เจินบินไปบนท้องฟ้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับถามเอลเลียตแรนดอล์ฟขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เอลเลียตแรนดอล์ฟเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ฉันขออยู่ติดตามคุณไปก่อนชั่วคราวได้ไหม ?”
“คุณแน่ใจงั้นหรอ ? การที่คุณจะติดตามผมมามันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้ เพราะรอบ ๆ ตัวของผมในตอนนี้มันก็ไม่ค่อยจะสงบสุขสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นคุณชอบใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามสไตล์ของตัวคุณเองไม่ใช่หรอ ? และถ้าเกิดว่าคุณจะมาอยู่กับผมจริง ๆ ชีวิตในแบบที่คุณต้องการมันจะหายไปในทันที ดังนั้นคุณควรเลือกทางที่คุณจะมีความสุขจะดีกว่า” ซู่เจินพูดขึ้นมา
เอลเลียตแรนดอล์ฟยิ้มขึ้นมาอย่างไร้หนทางและพูดว่า “ถ้าเกิดว่าฉันตามคุณไปฉันก็อาจจะแค่บอกลาเกี่ยวกับชีวิตอันแสนสงบสุขของฉันทิ้งไป ซึ่งถ้าเกิดว่าฉันเลือกที่จะไม่ตามคุณไป ฉันกลัวว่าชีวิตของฉันมันจะอยู่ได้ไม่ค่อยนานนัก ดังนั้น … ฉันจึงเลือกที่จะติดตามคุณจะดีกว่า”
“เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่คุณก็ไม่จําเป็นที่จะต้องอยู่กับผม เพราะว่าผมจะส่งคุณไปอยู่ที่นั่นเป็นการชั่วคราวก่อน และคุณก็มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีใครสามารถพาตัวของคุณไปได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากผมซะก่อน!”
การที่เอลเลียตแรนดอล์ฟยอมมาอยู่กับซู่เจินด้วยความเต็มใจแบบนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน เพราะถึงยังไงเขาก็มีความสามารถในการตีเหล็กอยู่ในระดับที่สูงมาก เหมาะกับการสร้างอุปกรณ์ให้กับเขาในอนาคต แต่ถึงอย่างไรก็ตามซู่เจินก็ไม่ได้ต้องการให้เอลเลียตแรนดอล์ฟมาติดตามเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงจะพาเอลเลียตแรนดอล์ฟไปที่ยานบินของเขาก่อนเพื่อปักหลัก