Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 68
เวลาช่วงค่ำคืนผ่านไปอย่างช้า ๆ
บนเกาะเต็มไปด้วยความเงียบสงบ มีลมเย็น ๆ พัดจากทะเลเข้าสู่ชายฝั่งอยู่ตลอดเวลา
ซู่เจินรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสบายเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะสามารถดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ได้อย่างไม่จำกัด แต่มันก็ใช้เวลามากเกินไปและทำให้ร่างกายของเขาต้องรับภาระหนัก เช่นเดียวกับความสามารถในการกลืนกินของเขา หากเขากลืนกินมากเกินไปมันจะทำให้เขาสูญเสียการควบคุมของตัวเองไปได้โดยง่าย
เมื่อเขาดูดกลืนพลังงานของอนุภาคอีเทอร์เข้าสู่ร่างกาย ร่างกายมันจะทำการปรับเปลี่ยนให้อย่างอัตโนมัติเพื่อจัดการกับผลข้างเคียงและผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากพลังงานที่ได้ดูดกลืนเข้ามา โดยที่ความเร็วของการดูดกลืนนั้นมันจะเท่า ๆ กันทุกครั้ง หากว่าเขาดูดกลืนโดยไม่มีสมดุลของความเร็วที่เท่ากัน ร่างกายของเขาก็จะเสียสมดุลและมีปัญหาตามมาในภายหลังอย่างแน่นอน
ตอนนี้ซู่เจินรู้สึกได้ว่าเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในร่างกายของเขา ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเสียการควบคุม
ซู่เจินลุกขึ้นและเดินออกมาจากยานบินทันที
ซู่เจินเดินเล่นไปทั่วเกาะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศพร้อมกับรับลมทะเลเย็น ๆ ที่พัดไปพัดมาอยู่ตลอดเวลา
นี่เป็นครั้งแรกที่ซู่เจินได้ชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเกาะแห่งนี้ มันช่างสวยงามแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนกลางวัน และจู่ ๆ ซู่เจินก็อยากดื่มเครื่องดื่มขึ้นมา ทำให้ร่างกายของเขาค่อย ๆ ลอยขึ้นและหายไปจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว … มีแสงสว่างวาบไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน และไม่นานซู่เจินก็ปรากฏตัวขึ้นในตัวเมืองที่มีคนพลุกพล่าน!
สถานบันเทิงยามค่ำคืนล้วนถูกรายล้อมไปด้วยแสงไฟและเสียงดนตรีพร้อมกับคนเดินขวักไขว้ไปมามากมาย และนี่มันก็แค่ … เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ซู่เจินกำลังเดินไปตามท้องถนนเพื่อหาบาร์นั่งดื่ม ในระหว่างทางเขาก็เห็นผู้หญิงหลายคนที่แต่งหน้าค่อนข้างจัดเต็มบวกกับการแต่งตัวที่เผยสัดส่วนร่างกายของพวกเธออย่างชัดเจน บางครั้งพวกเธอก็เดินไปหาคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเธอกำลังทำงานอยู่ แต่มันเป็นงานที่ค่อนข้างจะพิเศษสักเล็กน้อย
และเมื่อซู่เจินเดินผ่านพวกเธอก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับพยายามชวนเขาคุย แต่ซู่เจินก็ไม่ได้สนใจพวกเธอเลยสักนิด และไม่นานซู่เจินก็เจอเข้ากับบาร์ที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีทำเลค่อนข้างดี และเมื่อเขาเดินเข้าไปด้านในก็พบเข้ากับแสงไฟที่ดูสลัวเล็กน้อย และภายในก็มีคนไม่ค่อยมากทำให้มันค่อนข้างเงียบสงบเหมาะแก่การดื่มเป็นอย่างมาก ในขณะที่ซู่เจินกำลังมองไปรอบ ๆ เพื่อหาที่นั่ง ทันใดนั้นเขาก็สังเกตุเห็นคนที่เขารู้จักคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่มุมขอบหน้าต่างของร้าน!
“ผมไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี่?” ซู่เจินนั่งลงและพูดขึ้นมาอย่างสบาย ๆ “คุณรู้ไหมว่าผมคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นคุณ?”
“บางที… คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่น่าจดจำใช่ไหม?” นาตาชาพูดขึ้นมาเชิงล้อเล่น
ใช่! คนรู้จักของเขาก็คือ นาตาชา
เธอสวมกางเกงหนังสีดำบวกกับเสื้อยืดสีดำและสวมแจ็คเก็ตหนังสีดำทับด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง ทำให้เธอดูคูลและมีเสน่ห์ในขณะเดียวกัน
ซู่เจินส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่หรอก และผมก็ไม่คิดว่า SHIELD จะมีเครือข่ายข้อมูลที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ผมแค่ต้องการมานั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียว แต่คุณกลับมานั่งรอผมก่อนซะแล้ว!”
“คุณคิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อรอคุณงั้นหรอ ?” นาตาชาเลิกคิ้วและส่ายหัวเบา ๆ “ถ้าคุณคิดอย่างงั้นจริง ๆ ละก็ … คุณเดาผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อรอคุณ!”
“โอ้?”
ซู่เจินเปิดขวดไวน์แล้วยื่นให้กับนาตาชาพร้อมกับถามขึ้นมาว่า “ไหงเป็นงั้น ? อย่าบอกนะว่าคุณแค่มาดื่มเฉย ๆ ? “
หลังจากพูดจบซู่เจินก็ชนขวดกับนาตาชาแล้วจิบเบา ๆ
“แล้วคุณล่ะ?” นาตาชาไม่ตอบ แต่ถามขึ้นมาแทน
“ผม ? ผมก็แค่มาดื่ม“ ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างลวก ๆ
“คุณเห็นคนที่นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านซ้ายนั่นไหม ? ลองมองไปที่กระเป๋าบนเก้าอี้ของเขาดูสิ“ นาตาชากระซิบขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซู่เจินหันไปมองทางด้านซ้ายทันทีโดยไม่มีการระมัดระวังตัวเลยแม้แต่น้อย เขาเห็นว่ามีหนุ่มสาวสามคนกำลังนั่งดื่มกันอยู่ เป็นชาย 2 คนและหญิงอีก 1 คน โดยที่มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับมีวัตถุคล้ายกับแท่งอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากช่องว่างของซิป และเมื่อดูจากขนาดของมันแล้วมันน่าจะยาวเกินไปจนไม่สามารถใส่กับกระเป๋าเดินทางได้จนหมด
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มอย่างเดียวสินะ“ ซู่เจินหันหน้าไปมองทางนาตาชา “ผมจะรอจนกว่าคุณจะทำภารกิจเสร็จ ? หรือว่า … ผมจะเปลี่ยนร้านดี ?”
นาตาชามองไปที่ซู่เจินด้วยความโกรธและพูดว่า “ขนาดฉันอยู่ที่นี่คุณยังกล้าที่จะไปอีกงั้นหรอ ? คุณรู้ไหมว่าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นมันคืออะไร ? มันคือไม้เท้าที่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง และในตัวของไม้เท้าอันนั้นมันยังมีรังสีความโกรธแค้นอย่างรุนแรงฝังลึกอยู่ภายใน แถมแก๊งของคนพวกนี้ก็ได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ไปมากมาย ดังนั้นหน้าที่ของฉันในตอนนี้ก็คือเอาไม้เท้านั่นมาและหาว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากที่ไหน“
“มันไม่น่าจะยากเกินความสามารถของคุณนิจริงไหม ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
“ถ้าได้ความช่วยเหลือจากคุณ ฉันจะมั่นใจมากกว่านี้ ? และคุณก็อย่าลืมนะว่าคุณก็เป็นที่ปรึกษาของ SHIELD แม้ว่ามันจะไม่ค่อยมีความสำคัญในเชิงปฏิบัติก็ตาม แต่คุณทนได้หรอกับสิ่งที่พวกมันได้ทำกับคนบริสุทธิ์?” นาตาชาขมวดคิ้วและถามขึ้นมา
“ถ้าไม่มีสิ่งตอบแทนผมไม่ทำหรอกนะ!” ซู่เจินส่ายหัวเบา ๆ “และผมก็มาที่นี่เพื่อดื่มเท่านั้น
“คุณช่วยฉันหน่อยนะ! ถ้าเกิดว่าทำภารกิจเสร็จแล้ว ฉันจะพาคุณไปหาที่เงียบ ๆ เครื่องดื่มดี ๆ ดื่มกันเป็นไง? “นาตาชามองไปที่ซู่เจินด้วยสายตาอ้อนวอนและถามขึ้นมา
แม้ว่าซู่เจินจะรู้ว่านาตาชาไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเธออยู่ตรงหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธเธอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดว่ามันจะไม่จบกันแค่การดื่มล่ะ ? ทำให้เขาอดคิดเกี่ยวกับมันไม่ได้จริง ๆ
“คุณจะทำอะไรต่อไปล่ะ?”
ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
นาตาชายิ้มหวานขึ้นมาทันทีและพูดว่า “คุณตกลงแล้วงั้นหรอ ? เยี่ยม! … ที่นี่ไม่เหมาะกับการลงมือ เราจะต้องรอจนกว่าพวกเขาจะออกไปและหาสถานที่ที่เหมาะสมในการลงมือ โดยที่มีเป้าหมายหลักก็คือ ไม้เท้า!”
“โอเค!”
ซู่เจินตอบขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นเขาก็นั่งจิบไวน์อย่างสบาย ๆ
แม้ว่าซู่เจินจะเห็นมันเพียงแค่เล็กน้อย แต่เขาก็จำมันได้ทันทีเลยว่าไม้เท้าอันนี้มันคืออะไร ตอนแรกเขาคิดว่าคนพวกนี้จะเจอกับโควสันเป็นอันดับแรก แต่ที่ไหนได้นาตาชากับมาสนใจคนพวกนี้ก่อนโควสันซะงั้น
และมันก็ดันเป็นเรื่องบังเอิญอีกทั้งที่เขากะว่าจะออกมาดื่มแบบชิว ๆ แต่ไหงดันมาเจอเรื่องแบบนี้ซะได้ ราวกับว่ามันถูกลิขิตมาให้เป็นของเขาอย่างไงอย่างงั้น!
ส่วนการช่วยเหลือนาตาชา มันก็แค่การช่วยเหลือตามหน้าที่เท่านั้น
และถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าของซู่เจิน โดยที่ไม่มีนาตาชาหรือ SHIELD เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาก็จะเอาไม้เท้าอันนี้มาเป็นของเขาอยู่ดี และในวันนี้ก็จะไม่มีใครได้ไม้เท้าอันนี้ไปอย่างแน่นอน … ไม่ว่าจะเป็น นาตาชา หรือ SHIELD ก็ตาม
“ฐานของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
นาตาชาถามขึ้นมาพร้อมกับดื่มเบา ๆ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมตอนนี้ผมก็กำลังหาตัวช่วยเพิ่มเติม เพื่อร่นระยะเวลาการก่อสร้างให้มันน้อยลงอยู่“
“ถ้าคุณบอกกับ นิค ฟิวรี่ เขาจะช่วยเหลือคุณอย่างแน่นอน!”
“ปัญหาก็คือ ผมจะไม่มีความสุขหน่ะสิ!” ให้นิค ฟิวรี่ช่วย? ลืมมันไปเถอะ! ถ้าเกิดว่าแขนขาของเขายังอยู่ครบ เขาจะไม่ยอมไปขอความช่วยเหลือจาก นิค ฟิวรี่ อย่างง่ายดายแน่นอน!