Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 85
- Home
- Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
- Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 85
บทที่ 85 จื่อจวีหานซื่อ (5)
สายธารเอื่อยไหลคดเคี้ยวลงมาจากหุบเขา ชายชราถือไม้เท้าหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน หิ้วถังที่ยังคงเปื้อนด้วยหยดน้ำ มองดูที่ราบลุ่มที่ถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์สีทอง น้ำที่ไหลอยู่ข้างๆ สะท้อนใบหน้าด้านข้างที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของเขา รอยยิ้มบางๆ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วนอ้อยอิ่งอยู่ตรงมุมปาก เงาสะท้อนของคลื่นในแสงแดดราวกับทำให้ร่างนั้นมีชีวิตขึ้นมา
อี้เป่ยซีอดไม่ไหวจนต้องปรบมือชื่นชม ใบหน้าของเยี่ยฉินที่อยู่ข้างๆ ก็เปี่ยมด้วยความเลื่อมใส ทั้งสองคนมองตากัน ยิ้มปริ่ม
“เหมือนไม่เคยเห็นรูปนี้มาก่อนเลย?” เยี่ยฉินถาม “ลายเส้นของเขา ละเอียดกว่าภาพวาดอื่นของเขามากเลยนะ พระเจ้า”
“คือว่า เอ่อ ภาพวาดนี้ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไร เหมือนกับเขาไม่ค่อยจัดแสดงในที่สาธารณะเท่าไร ฉันยังเคยเห็นมันในสตูดิโอของเซี่ยเช่อหลายครั้ง”
“เซี่ยเช่อ…อา อาจารย์เซี่ย?”
เธอพยักหน้า “ได้ยินเขาพูดเองว่าจื่อจวีหานซื่อเป็นศิษย์พี่ของเขา แล้วก็ยังบอกว่าต่อไปจื่อจวีหานซื่อจะมาช่วยที่มหา’ลัยพวกเรา ”
“จริงเหรอ?” เยี่ยฉินตื่นเต้นมาก “ภาพวาดนี้ทำให้ฉันนึกเพลงนึง ‘ติดตาม’ ไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินหรือเปล่า คล้ายกับภาพนี้เลย”
รอยยิ้มภาคภูมิใจผุดขึ้นบนใบหน้าของอี้เป่ยซี “เพลงนั้นเขียนจากภาพวาดนี้แหละ”
“หา จริงเหรอ? มิน่าล่ะ หลิงซีสนิทกับจื่อจวีหานซื่อมากเลยใช่ไหม รู้สึกว่าผลงานบางอย่างของเธอก็เขียนจากภาพวาดของเขาเหมือนกัน เธอว่าพวกเขาจะเป็น…”
“ไม่ใช่” อี้เป่ยซีเสียงสูงขึ้นมากะทันหัน จากนั้นก็มองรอบกายด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ลากตัวเยี่ยฉิน “แค่ก พวกเราไปดูทางนั้นกันเถอะ”
“เป่ยซี เธอรู้จักหลิงซีเหรอ?”
“เปล่าๆๆ ไม่รู้จัก ชอบเสียงของมู่ไป๋มากกว่า แล้วก็แค่เห็นกลอนที่หลิงซีเขียนบ่อยกว่า”
“หา เธอก็ชอบมู่ไป๋ ฉันก็ชอบเขามากเลย เขาเป็นรักแรกของฉัน”
“ใช่ๆๆ เขาก็เป็นเทพบุตรของฉัน เสียงเพราะ การร้องก็เยี่ยมมาก รู้สึกลงตัวเป็นพิเศษ รู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ควบคุมได้”
เยี่ยฉินเอออออยู่ข้างๆ แม้แต่คนนั้นก็พูดคุยอย่างกะตือรือร้น ทันใดนั้นก็ไม่ได้ตระหนักถึงเวลาที่ผ่านเลยไป พูดพลางมาถึงมุมที่ห่างไกลผู้คนแล้ว อี้เป่ยซีเห็นรูปร่างที่สูงใหญ่คุ้นเคยจึงหยุดเดิน
ลั่วจื่อหานยืนอยู่หน้าภาพวาดภาพหนึ่ง มองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับว่ากำลังลิ้มรสกับอะไรบางอย่าง หวนนึกถึงอะไรบางอย่าง คนทั้งคนราวกับเข้ากับสีสันของภาพวาดได้เป็นอย่างดี ทั้งเงียบสงบและสง่างาม ขนตาของเขาขยับแผ่วเบา เหมือนกับรู้สึกได้ถึงสายตาที่อยู่ข้างๆ หันหน้าไป
สายตาของอีกฝ่ายเหมือนกับเดินออกมาจากภาพวาด เต็มไปด้วยความรู้สึกเหินห่าง
“ประธานลั่ว ภาพวาดพวกนี้…” คนที่รับผิดชอบงานแสดงนิทรรศการศิลปะเดินมาหาลั่วจื่อหานจากด้านข้าง เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้าก็เข้าใจเป็นอย่างดีและหาข้ออ้างจากไปแล้ว เยี่ยฉินก็เดินไปอีกทางหนึ่ง ชมเชยงานศิลปะต่อ
“เป่ยซี” ผ่านไปเนิ่นนาน ลั่วจื่อหานจึงเอ่ยปากและเดินเข้าไปหาเธอ “แค่เธอเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” เซี่ยเช่อดึงอี้เป่ยซีไปข้างหลังทันที เมื่อเห็นลั่วจื่อหานมองดูมือของตัวเองที่ดึงอี้เป่ยซีมาอย่างไม่พอใจ ก็ยังเดินไปยังมุมนั้นของเขา โน้มตัวด้วยความยั่วยุเล็กน้อย “บังเอิญจัง อยู่ที่นี่ แล้วเจอกับ…” ด้วยแวตาของเขา คำที่ต้องการจะพูดนั้นติดอยู่ในปากทันที
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันก็วางใจแล้ว ยังมีธุระนิดหน่อย ไปก่อนนะ เป่ยซี”
คนที่ถูกเรียกชื่อจึงดึงสติกลับมาแล้วเงยหน้าขึ้น ลั่วจื่อหานก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงมือของอี้เป่ยซีออกจากมือของเซี่ยเช่อโดยไม่แสดงอาการใดๆ นวดคลึงศีรษะของเธอ “คืนนี้อยากกินอะไร?”
“อืม แล้วแต่เถอะ วันนี้ทำอะไรเบาๆ หน่อยเถอะ”
“ได้” พูดจบก็จากไปแล้ว ไม่สนใจสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเซี่ยเช่อที่อยู่ข้างหลังโดยสิ้นเชิง
รอจนเขาจากไปแล้ว เซี่ยเช่อคว้าไหล่ของอี้เป่ยซีด้วยความตื่นเต้นสุดขีด “พวก พวกเธออยู่ด้วยกันเหรอ? เขายังทำอาหารให้เธอกินด้วย?”
อี้เป่ยซีส่ายหัว แล้วพยักหน้า แกะมือของเขาออกอย่างหงุดหงิด “ไม่ใช่แบบที่นายคิด”
“ไม่ได้ๆ เป่ยซี คืนนี้เธอคงไม่รังเกียจถ้าที่บ้านต้องเพิ่มถ้วยกับตะเกียบอีกคู่นึงหรอกนะ ฉันไม่ได้ชิมฝีมือของเจ้าหมอนั่นตั้งนานแล้ว ตอนนี้คิดดูแล้ว มันช่างชวนให้น่าคิดถึงมากจริงๆ”
“พวกนายสนิทกันมากเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่สนิทนะ แต่ว่าโคตรสนิทเลย” เซี่ยเช่อมองไปยังประตูใหญ่ อี้เป่ยซีส่ายหัวชมภาพวาดกับเยี่ยฉินต่อ ในตอนบ่ายก็แอบไปที่นิทรรศการภาพวาดจีน เซี่ยเช่อยืนกรานว่าจะกลับบ้านกับอี้เป่ยซี หลานฉือเซวียนก็พูดว่าจะไปส่งเยี่ยฉินกลับมหาวิทยาลัยอย่างสุภาพบุรุษ ทั้งสี่คนก็แยกกันเป็นสองทางเช่นนี้ ต่างคนต่างไปสู่ที่หมายของตน
“ประธานหลาน ขอบคุณนะ” เยี่ยฉินยิ้มอย่างสงวนท่าทีเป็นอย่างมาก หลานฉือเซวียนมองไปทางอื่นอย่างเหลือเชื่อ เรื่องราวพี่ชายเหลียวหนิงของพวกเขาในตอนนั้น แม้เขาจะไม่พูด ช้าเร็วอี้เป่ยซีก็จะรู้ ทำไมตัวเองจะต้องเป็นคนปากสว่างด้วย…
กลับมาถึงบ้าน ฉู่ซ่งนั่งลงที่โต๊ะด้วยความห่อเหี่ยวเล็กน้อย เหมือนกับลูกแกะที่รอคอยการป้อนอาหาร ลั่วจื่อหานนั่งอยู่ข้างๆ อย่างใจเย็น กับข้าวบนโต๊ะถูกจัดวางเรียบร้อยแล้ว ยังมีไอร้อนจางๆ ลอยออกมา ได้ยินเสียงเปิดประตู หน้าทั้งใบของฉู่ซ่งก็สว่างไสว
“ฉู่เซี่ย…ใน ที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว” เห็นคนที่ตามมาข้างหลัง ฉู่ซ่งมุ่ยปากไม่สบอารมณ์ “เธอพาเขามาได้ยังไง?”
เซี่ยเช่อนั่งลงข้างฉู่ซ่งด้วยความเป็นมิตรอย่างยิ่ง “เด็กน้อย พี่สาวเธอไม่เคยสอนว่าต้องปฏิบัติกับแขกยังไงเหรอ?”
“พี่จื่อหาน เขานับว่าเป็นแขกไหม”
ลั่วจื่อหานชำเลืองมองเซี่ยเช่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย เซลส์ทั่วร่างกายของเซี่ยเช่อถูกปลุกให้ตื่นด้วยสายตาของเขา นั่งหลังตรงทันที หรี่ตาสบสายตากับเขา คนหนึ่งเยือกเย็น คนหนึ่งไม่หวาดหวั่น ราวกับว่ามีกลิ่นควันปืนลอยอยู่ในอากาศด้วย
“อืม ฉันเป็นคนเชิญเซี่ยเช่อมาเอง” อี้เป่ยซีแอบด่าเซี่ยเช่อในใจ “ลั่วจื่อหาน นายคงไม่รังเกียจนะ”
“พี่จื่อหาน”
“ลั่วจื่อหานดึงสายตาของตัวเองกลับมาเชื่องช้า “ไม่รังเกียจ”
อี้เป่ยซีถอนหายใจโล่งอก เข้าไปในห้องครัวหยิบเครื่องครัวมาอีกชุดหนึ่ง วางกระแทกลงตรงหน้าของเซี่ยเช่อ จากนั้นระหว่างมื้ออาหาร ตราบใดที่มันเป็นอาหารที่เซี่ยเช่อต้องการจะกิน ฉู่ซ่งก็จะชิงคีบก่อน แม้จะเป็นเช่นนี้ เซี่ยเช่อก็ยังกินอย่างพออกพอใจมาก เห็นท่าทางที่อิ่มหนำสำราญของเขาแล้ว ฉู่ซ่งกัดแก้วน้ำต้องการจะไล่เขาออกไป
“ซ่งซ่ง เมื่อก่อนพวกนายมีความแค้นอะไรกันหรือเปล่า?” อี้เป่ยซียกผลไม้ที่ลั่วจื่อหานเตรียมเสร็จแล้วออกมา เอ่ยถาม
ฉู่ซ่งกัดแก้วน้ำต่อ ไม่พูดจา ดวงตาของเซี่ยเช่อสำรวจเขารอบหนึ่ง ในเวลานั้นฉู่ซ่งเหมือนกับแมวที่พองขน ซ่อนตัวอยู่ข้างอี้เป่ยซีทันที “ฉู่เซี่ย ฉู่เซี่ย เขาชอบแกล้งฉันตลอดเลย จริงๆ นะ”
เซี่ยเช่อหรี่ตา หยิบผลไม้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น “เอาเถอะ ตอนนั้นก็แค่หยอกนายเล่น ใครจะไปสนใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างนายล่ะ”
รู้จักเซี่ยเช่อมานาน อี้เป่ยซีรู้สเป๊คของเขาโดยธรรมชาติ ตบๆ มือของฉู่ซ่ง “นายไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบจริงๆ”
พูดพลาง คนข้างหน้าเลิกคิ้ว “แล้วเธอว่าใครล่ะที่ใช่?”
“แค่ก ฉันคิดว่า กับนายน่ะลั่วจื่อหานก็…” ยังไม่ทันพูดจบ เซี่ยเช่อก็รีบยัดผลไม้ใส่ปากเธอทันที เหลือบมองห้องครัวด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงถอนหายใจโล่งอก
“เธออย่าพูดจาเหลวไหลนะ ระวังฉันจะตายเพราะเธอ”
ราวกับว่าอี้เป่ยซีจับอะไรบางอย่างได้ ภูมิใจเป็นอย่างมาก ยกขาทั้งสองข้างไขว่ห้าง “ฉันว่าพวกนายสองคนเคมีเข้ากันดี เมื่อกี้ไฟกำลังร้อนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“บอกเธอว่าอย่าพูดไง ยังจะพูดอีก” เขาขว้างหมอนที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ยิ้ม “เธอคิดว่า หลานฉือเซวียนเป็นยังไง?”
เธอรีบเก็บอาการผิดปกติบนใบหน้าทันที น้ำเสียงยังคงขึงขังเล็กน้อย “เซี่ยเช่อ ถ้านายอยากเล่น อย่าเล่นกับเขา นายรับไม่ไหวหรอก”