Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 94
- Home
- Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
- Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ - ตอนที่ 94
บทที่ 94 ความลำบากใจ (1)
อี้เป่ยซีพยักหน้า ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่ช้ารถก็มาถึงหน้ามหาวิทยาลัย เธอกล่าวขอบคุณแล้ววิ่งกลับไปยังหอพัก ประตูหอพักล็อคอยู่ ไม่มีใครอยู่เลย
ทำไมมักรู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่าง?
เธอเปิดประตู ดึงเปิดผ้าม่านออก แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนั้นอบอุ่น ยังมีเสียงร้องของนกและแมลงตามแสงอาทิตย์เข้ามาในห้อง ทุกอย่างเงียบสงัดอย่างเห็นได้ชัด
ผ่านไปสองสัปดาห์ อี้เป่ยซีไม่ได้โทรศัพท์หาใคร ไม่ได้กลับบ้านและไม่อยากกลับที่อะพาร์ตเมนต์ของตัวเอง ราวกับว่าพวกเขาก็คิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ติดต่อเธอ สิบสามวัน อี้เป่ยซีใช้ชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่สุดแสนจะธรรมดา เข้าเรียนกินข้าวแล้วกลับหอ เรียบง่ายเหมือนสายน้ำ นอกจาก…
นอกจากว่าในหอพักของตัวเองมีเพียงเธอเท่านั้น เธอพลิกตัวอยู่บนเตียง แขนห้อยอยู่ตลอดเวลาขณะอ่านหนังสือ มือข้างหนึ่งไม่ได้จับหนังสือไว้มันจึงปิดเข้าด้วยกันแล้ว ในใจรู้สึกตลกเล็กน้อย ลุกขึ้นลงจากเตียงเอาหนังสือไปเก็บไว้ที่ชั้นวาง
คว้ารองเท้าคู่หนึ่งมาใส่ อี้เป่ยซีคิดจะไปเดินเล่นในมหาวิทยาลัย ราวกับว่าเมื่ออารมณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน ความน่ารักที่ไม่เคยสังเกตก่อนหน้านี้ก็ต่างปรากฏให้เห็น คลื่นสีฟ้าในทะเลสาบเทียม ต้นหลิวที่พริ้วไหวอยู่ข้างๆ เสียงของหมากรุกที่กระทบบนกระดานชนวน…
อี้เป่ยซีนั่งลงข้างรูปปั้น เลียนแบบเขา นั่วไขว่ห้างชมท้องฟ้า ไม่มีร่องรอยของพระอาทิตย์ตกดิน สว่างสดใสยิ่งกว่าช่วงเวลาใดๆ เธอนึกถึงเวลาที่ลั่วจื่อหานพาเธอชมพระอาทิตย์ตกดินที่งดงาม นึกถึงตอนที่ลั่วจื่อหานพาเธอชมแสงแรกของวัน เงียบสงบและเปี่ยมด้วยความหวัง
ตอนกลางคืนผ่านไปแล้ว
“พระอาทิตย์ขึ้นแล้วใช่หรือเปล่า?” เธอหันมองรูปปั้นที่อยู่ข้างๆ ราวกับว่ามองเห็นประกายส่วนลึกในดวงตาของรูปปั้น อี้เป่ยซีลุกขึ้น เตรียมเก็บของกลับบ้าน
ไม่ได้กินอาหารฝีมือพี่เป่ยเฉินนานแล้ว โทรไปก่อนดีหรือเปล่า? อี้เป่ยซีเดินไปได้ครึ่งทางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ครุ่นคิด แล้วก็เก็บมันกลับไป
เตรียมตัวกลับไปทำให้เขาประหลาดใจดีกว่า
อี้เป่ยซีสะพายเป้ที่เต็มไปด้วยสิ่งของอย่างมีความสุข เรียกรถแท็กซี่ มันเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนพอดี รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ เหมือนหอยทาก อี้เป่ยซีมองไปนอกหน้าต่าง เสียงแตรรถดังสนั่น เสียงแออัดจอแจ จิตใจที่แจ่มใสหม่นหมองลงมาเล็กน้อย
ไม่ต้อนรับฉันกลับไปหรือไง รถถึงได้ติดขนาดนี้ เธอพิงอยู่ที่เก้าอี้ ถอนหายใจ จนกระทั่งฟ้ามืดลงเล็กน้อย อี้เป่ยซีจึงถึงบ้านตัวเอง ประตูไม่ได้ล็อคไว้ราวกับกำลังรอให้ใครบางคนมา
เธอครุ่นคิด มุมปากยกยิ้ม คนในมหาวิทยาลัยพวกนั้นคงจะบอกพี่เป่ยเฉินว่าตัวเองจะกลับมาล่ะมั้ง รู้งี้ก็บอกเขาด้วยตัวเองไปแล้ว
ผลักประตูออกแผ่วเบา ฉากกลับไม่เหมือนที่ตัวเองคิดไว้ บนโต๊ะมีถ้วยกับตะเกียบสามชุด เห็นแล้วเหมือนกับกินเสร็จแล้วแต่ยังไม่ทันได้เก็บ เธอสงสัยเล็กน้อย
ปกติแล้วจะไม่มีคนมาบ้านของเธอ นอกจาก…น่าจะเป็นพี่เจี้ยกับหลานฉือเซวียนล่ะมั้ง พวกเขาอยู่กันครบเหรอ? คุยธุระกันในบ้านหรือไง?
อี้เป่ยซีตัดสินใจเอาของเก็บในห้องของตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากัน เดินถึงชั้นบนก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่คุ้นเคยตลบอบอวล เป็นกลิ่นน้ำหอมที่แสบจมูกมาก
กวาดตามองซ้ายขวา เอ๊ะ พบว่ามีบางอย่างแปลกไป เธอส่ายหัว ปลอบใจตัวเองว่าน่าจะเกิดภาพหลอน เดินขึ้นชั้นบนอย่างอย่างระมัดระวัง เสียงที่ได้ยินเลือนลางอยู่ข้างหูยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เพิ่งเดินถึงหัวบันได ก็เห็นเสื้อผ้าร่วงกระจัดกระจายอยู่หน้าประตูห้อง มันคือหน้าประตูห้องของเธอ
เสียงคำรามของผู้ชายและเสียงครางขอความเมตตาของผู้หญิงแจ่มชัดยิ่งขึ้น และยังได้ยินเสียงการปะทะกันของร่างกายเป็นครั้งคราว อี้เป่ยซียืนอึ้งอยู่ตรงนั้น พลังงานในร่างกายราวกับว่าถูกสูบออกไปจนหมด เธอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย ประตูของห้องตัวเองกลับเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณเตือน ร่างเปลือยเปล่านัวเนียกันอยู่บนเตียง เสียงแห่งความรื่นรมย์ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นตามเรี่ยวแรงของฝ่ายชาย เสียงกรีดร้องดังเป็นระยะๆ
เธอหยุดอยู่ตรงนั้นทำอะไรไม่ถูก เสียงของชายหญิงยังคงดังอยู่ในหู ราวกับว่ามีบรรยากาศที่ชวนให้หน้าแดงอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ จู่ๆ ก็มีมือหนึ่งโผล่มาแล้วลากเธอไปด้านข้างทันที ลากมาถึงห้องรับแขกชั้นล่าง อี้เป่ยซีจึงตื่นจากภวังค์ รู้สึกอะอิดสะเอียน เธอประคองโซฟาทรุดตัวลงนั่ง
“อี้เป่ยซี ฉันเตือนเธอตั้งนานแล้ว” ฉินเยวี่ยเข่อกอดอก พูดจาหยิ่งยโส “ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ตัดใจซะเถอะ”
พี่เป่ยเฉิน…ทำไมถึง…ทำไมถึงยังจะ…เธอรู้สึกในสมองสับสน สับสนมากๆ เหมือนกับคุณนึกว่าในที่สุดแล้วพระอาทิตย์จะขึ้น แต่ทันใดนั้นมีคนมาบอกคุณว่า ราตรีจะยาวนานกว่าเดิม ไม่มีที่สิ้นสุด คุณไม่มีวันเดินออกไปได้ตลอดกาล และอย่าพยายามที่จะขัดขืน
“นี่เป็นความตั้งใจของพี่เขย เธออย่าไปรบกวนพวกเขาจะดีกว่า อ้อ จริงสิ” ฉินเยวี่ยเข่อทำเป็นไม่ตั้งใจเตะๆ ขาของอี้เป่ยซี “ฉันนอนห้องรับแขก ห้องของพี่เขยปกติแล้วไม่ให้ใครเข้า เธอก็น่าจะรู้นะ ฉะนั้น วันนี้รบกวนเธอไปค้างที่อื่นสักคืนเถอะ”
อี้เป่ยซีประคองตัวลุกขึ้นมาจากพื้น ใบหน้าซีดขาว แต่รอยยิ้มกลับคมกริบจนทำให้ไม่กล้ามองตรงๆ “ฉินเยวี่ยเข่อ พี่เป่ยเฉินทนทรายในตาไม่ได้หรอก เธอทำเรื่องเลวอะไรอย่าทิ้งร่องรอยไว้แล้วกัน ไม่อย่างั้นศพจะไม่สวย”
“แก…” ฉินเยว่เข่อจ้องเธอเขม็ง จากนั้นก็ยิ้มผ่อนคลาย “เธอคิดว่า พี่เขยจะฟังคำของน้องสาวที่กำลังจะจากไปเร็วๆ นี้ หรือว่าจะฟังคำของพี่สาวของฉันคนนั้นที่เขาปลีกตัวออกมาไม่ได้ล่ะ? ประเด็นไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ว่าฉันทำอะไร แต่พี่เขยคิดจะทำยังไงต่างหาก เธอมองไม่ออกเหรอ?”
“งั้นก็อวยพรให้เธอโชคดี” พูดจบก็หันหลัง ต้องการจะออกไปจากบ้านหลังนี้
“ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ต่อไปเธอก็อย่าคิดที่จะกลับมาอีก”
อี้เป่ยซีหัวเราะเยือกเย็น น้ำเสียงนั้นทำให้ฉินเยวี่ยเข่ออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “งั้นต้องดูว่าเธอมีความสามารถอะไร” พูดคำนี้จบก็ปิดประตูอย่างแรง
ฟ้ามืดแล้ว ยังมีคนบางส่วนเดินเล่นบนถนน ในตอนนั้นเองอี้เป่ยซีไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน อี้เป่ยซี เหมือนกับว่าเธอไม่มีบ้านแล้ว เธอยิ้มขมขื่น ทำไมทุกครั้งเวลาที่คิดว่าตัวเองหนีออกมาได้แล้ว ก็จะถูกติดอยู่ในร่างแหที่ใหญ่กว่าเดิมจนถอนตัวไม่ได้แบบนี้…
หนีออกไปไม่ได้ งั้นก็ช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ตัวเองสมควรได้รับ จะพูดอะไรได้ล่ะ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?
เธอเดินอยู่บนถนน คิดว่าถ้าตอนนั้นฝนตกก็จะเหมาะสมที่สุด แต่ว่าสภาพแวดล้อมเงียบสงบ ยังมีเสียงพูดคุยและหัวเราะอย่างผ่อนคลายของผู้คนบนถนน มีเพียงเธอคนเดียวที่เศร้าโศก ไม่มีใครอยู่กับเธอ ไม่มีแม้ทัศนียภาพที่สวยงาม
เธอมักจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกแยก เป็นเช่นนี้มาตลอด
“อุ๊ย น้องสาวเป็นอะไรไป? อกหักเหรอ?” เสียงหัวเราะของคนเร่ร่อนดังมาจากข้างหลัง น่าจะมีสามถึงห้าคน หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้วก็หัวเราะอย่างหยาบคาย อี้เป่ยซีเดินเร็วขึ้น
“เอ๋ น้องสาวเดินเร็วแบบนี้ทำไม เดี๋ยวล้มเจ็บจะทำยังไง มา ให้พี่ชายดูหน่อย”
อี้เป่ยซีกำสองมือแน่นออกวิ่งทันที หลายคนด้านหลังจึงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ผิวปากอย่างไม่สบอารมณ์ ราวกับว่ากำลังเล่นเกมส์แมวจับหนู ไม่ช้าก็จะกลายเป็นอาหารในจาน
ไม่ได้ วิ่งไปที่ถนนใหญ่ วิ่งไปที่ถนนใหญ่ เธอเพิ่งก้าวออกไปก้าวแรก ก็ถูกจับไว้ทันทีสองมือถูกมัดเอาไว้
“วอร์มร่างกายเสร็จแล้ว พวกเราควรจะออกกำลังกายจริงๆ ได้แล้วยัง?”
“พวกแกปล่อยฉัน ปล่อยฉัน” อี้เป่ยซีดิ้นรน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายสี่คนโดยธรรมชาติ ผู้ชายตรงหน้าค่อยๆ ยื่นมืออกมา ปลายนิ้ววาดอยู่บนใบหน้าของเธอ
“เด็กดี เดี๋ยวพี่ชายจะทำกับเธออย่างดี พวกนายสองคน หืม” สองขาของอี้เป่ยซีถูกมัดแน่น ในขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะก้าวเข้ามาใกล้ จู่ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนทิ้งเธอรีบหนีเตลิดเปิดเปิง
เธอล้มลงบนพื้น กอดตัวเองสะอื้น
“คุณหนูวางใจเถอะ พวกเราจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายคุณหนูจบสวยแน่” เขามองไปยังทิศทางที่คนพวกนั้นหนีไป ดวงตาหรี่ลง ก้มหน้ายืนอยู่ข้างอี้เป่ยซี
“เป่ยซี” ลั่วจื่อหานกอดอี้เป่ยซีด้วยความตื่นตระหนก สั่นเทาเล็กน้อย “เป่ยซีไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
“ลั่วจื่อหาน ฉันไม่มีบ้านแล้ว ลั่วจื่อหาน ฉัน ฉันไม่มีบ้านแล้ว”
————